สอนใช้ มือถือ คอมพิวเตอร์ สอนสร้างเว็บ
Categories
News

OPPO Find N2 Flip มือถือพับจอรุ่นแรกของ Oppo

OPPO Find N2 Flip

สิ้นสุดการรอคอยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ OPPO Find N2 Flip มือถือจอพับรุ่นแรกจากOppo ที่นอกจากจะมีขนาดกะทัดรัดแล้ว รุ่นนี้ยังมาพร้อมฟังก์ชันและฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ซึ่งจะน่าสนใจขนาดไหนวันนี้เราจะนำสเปคของมือถือรุ่นนี้มาเปิดให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกัน

เปิดสเปค OPPO Find N2 Flip มือถือจอพับที่มาพร้อม 2 หน้าจอสุดเก๋

OPPO Find N2 Flip

OPPO Find N2Flip เป็นมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดของ Oppo ที่เราเชื่อว่ามีแฟน ๆ หลายคนต่างตั้งรอคอยการมาของเขาอย่างแน่นอน โดย Oppo Find N2 จอพับได้รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอขนาด AMOLED 6.8 นิ้ว FHD+ 2520×1080 อัตรารีเฟรช 120Hz (ต่ำสุด 1Hz) 403 PPI และหน้าจอรองขนาด 3.26 นิ้ว 720×382 อัตรารีเฟรช 60Hz (ต่ำสุด 30Hz) 250 PPI Color Depth 16.7 million (8-bit) 100% sRGB

OPPO Find N2 Flip

OPPO จอพับ ยังมาพร้อมชิปเซ็ต Dimensity 9000+, 8 cores และ Arm Mali-G710 MC10 GPU แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4300mAh ให้คุณใช้งานได้นานเกือบตลอดทั้งวัน เล่นวิดีโอ 20 ชั่วโมง, เล่นโซเชียลมีเดีย 16 ชั่วโมง หรือวิดีโอคอล 6 ชั่วโมง มีระบบชาร์จไว 44W SUPERVOOC ให้คุณชาร์จ 50% ในเวลา 23 นาที และในส่วนของกล้องรุ่นนี้ก็ให้มาแบบจัดเต็มตามสไตล์ OPPO โดยกล้องหลังให้มา 2 เลนส์ กล้องหลักความละเอียด 50 MP และกล้อง Ultra-wide Angle 8 MP มุมกว้าง 112° กล้องหลังรองรับการถ่ายวิดีโอที่ 4K 60fps ( 1080@60fps/30fps หรือ 720P@60fps/30fps) และกล้องหน้าความละเอียด 32MP ที่สามารถถ่ายวิดีโอด้วยความละเอียดสูงสุด 1080P/720P@30fps

OPPO Find N2 Flip

นอกจากนี้เราเชื่อว่า สำหรับใครที่กำลังจะซื้อมือถือจอพับ ก็คงจะต้องกังวลในเรื่องของอายุการใช้งานอยู่พอสมควร เนื่องจากการพับของหน้าจอค่อนข้างจะมีจำนวนครั้งของการพับจำกัดอยู่พอสมควร แต่สำหรับOPPO Find N2Flip คุณอาจจะไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีกต่อไปเนื่องจากOPPO Find N2 Flipรุ่นนี้สามารถพบได้มากกว่า 400,000 ครั้ง ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้งานได้นานกว่า 4 ปีอย่างแน่นอน 

Oppo Find N2 Flipขายในไทย พร้อมราคาที่น่าสนเพียง 29,990 บาท 

OPPO Find N2 Flip

สำหรับ OPPO Find N2Flip พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของในไทยแล้ววันนี้ โดย Find N2Flip ในไทยเปิดตัวมาพร้อมราคาเพียง 29,990 บาท อีกทั้งยังมี 2 สีให้เลือกได้แก่ สีม่วง Moonlit Purple และ สีดำ Astral Black โดยสีม่วง Moonlit Purple นับว่าเป็น product color ของมือถือรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ ดังนั้นใครที่ไม่อยากพลาดมือถือจอพับรุ่นแรกจากOppoนอกจากจะสามารถสั่งจองมือถือรุ่นนี้ได้ง่าย ๆ ก่อนใครตั้งแต่วันนี้ – 23 มีนาคม 2023 นี้ พร้อมรับของขวัญสุดพิเศษจากทางแบรนด์มูลค่ากว่า 21,198 บาทเลยทีเดียว 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

Apple เปิดตัว HomePod 2 พร้อมราคาอย่างเป็นทางการที่ $299

HomePod 2

HomePod 2 เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อต้นปี 2023 ที่ผ่านมา หลังจากที่เปิดตัวรุ่นแรกไปเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมาและดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร และในปีนี้เขากลับมาอีกครั้งใน Generation2 ที่มีดีไซน์คลายเดิม หรือแทบจะไม่แตกต่างเลยก็ว่าได้ แต่สิ่งที่แตกต่างนอกจากระบบเสียงและฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่พัฒนาให้ดีกว่าเดิมแล้ว ในส่วนของราคายังถูกลงกว่ารุ่นก่อนหน้าอีกด้วย

HomePod 2 ลำโพงที่ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์กับทุกรูปแบบการใช้งาน

HomePod 2

ปัจจุบันการสร้างบ้านภายใต้แนวคิด Smart Home ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่กำลังจะมีบ้านหรือคอนโดฯเป็นของตัวเอง และหนึ่งในอุปกรณ์ที่ Smart Home ขาดไม่ได้คือ ลำโพงอัจฉริยะ ซึ่งก็มีหลาย ๆ แบรนด์ที่พัฒนาและเปิดตัวสินค้าออกมาอย่างต่อเนื่อง และ Apple ก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะล่าสุดได้เปิดตัว Home Pod2 ซึ่งเป็นลำโพงอัจฉริยะที่มาพร้อมขนาดที่เล็กและเบาลง เมื่อเปรียบเทียบกับHomePod gen 1 โดยลำโพงรุ่นใหม่มีขนาดอยู่ที่ 168 มม. × 140 มม. น้ำหนักเบาเพียง2.3 กิโลกรัม 

HomePod 2

New HomePod2 มาพร้อมวูฟเฟอร์ที่มีความถี่สูง จึงให้เสียงเบสที่นุ่มลึกและหนักแน่น โดยมอเตอร์ของรุ่นนี้ใช้ไดอะแฟรมขนาดถึง 20 มม. พร้อมไมค์ในตัวแบบ Bass-EQ ที่สามารถปรับความถี่ต่ำแบบไดนามิกได้แบบ Real Time จึงทำให้เสียงเบสมีความชัดเจน ไม่ขุ่นมัว และในส่วนของฐานลำโพงจะถูกติดตั้งทวีตเตอร์แบบ Beamforming 5 ตัว ซึ่งจะอยู่รอบฐานของลำโพง ซึ่งจะเป็นส่วนที่ให้คลื่นความถี่สูง และจะปรับความถี่สูงให้เหมาะสมกับรายการที่เราเลือกฟังในขณะนั้นเพื่อสร้างเสียงที่ละเอียดและชัดเจน และด้วยดีไซน์ที่เป็นทรงกระบอกและโค้งมน ดังนั้นเสียงที่ได้จึงจะกระจายออกไปรอบทิศทาง จึงทำให้คุณได้ยินเสียงที่ชัดเจนทั่วทั้งห้อง

HomePod Gen2 พร้อมวางขายแล้วใน 21 ประเทศ

HomePod 2

สำหรับ HomePod2 ถูกวางจำหน่ายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2023 โดย HomePod 2ราคา 299 เหรียญสหรัฐ อีกทั้งยังวางขายแล้วใน 21 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, ญี่ปุ่น, สเปน, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา และอีกกว่า 11 ประเทศและภูมิภาค ซึ่งประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลว่าจะมีการนำเข้าหรือไม่ แต่สำหรับHomePod gen 1 และ HomePod mini ที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้าก็ไม่ได้มีการนำเข้าไทยเช่นกัน ดังนั้นเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากได้HomePod ตัวใหม่ล่าสุดนี้อาจจะต้องมาลุ้นกันอีกที่ว่า Apple จะใจดีกับแฟนชาวไทยอย่างเรา ๆ หรือไม่

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

Xiaomi Buds 4 Pro หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Xiaomi

Xiaomi Buds 4 Pro

Xiaomi นับว่าเป็นแบรนด์ผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยีสัญชาติจีน ที่ได้รับความนิยมสูงไปในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกรวมไปถึงประเทศไทย และทางแบรนด์ก็ได้มีการพัฒนาและเปิดตัวสินค้าใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดกับการเปิดตัว Xiaomi Buds 4 Pro หูฟังไร้สายที่มาพร้อมดีไซน์สุด Luxury และที่สำคัญคือสวยไม่ซ้ำใครแน่นอน

เปิดสเปค Xiaomi Buds 4 Pro หูฟังที่ใช้งานได้นานต่อเนื่อง 38 ชั่วโมง

สำหรับ Xiaomi Buds 4Pro เป็นหูฟังรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งาน และเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงในเรื่องของดีไซน์ที่เรียกได้ว่า Luxury แบบสุด ๆ โดยหูฟังรุ่นนี้มีน้ำหนักเบาเพียงข้างละ 5 กรัม และมีขนาดต่อข้างอยู่ที่ 30.74 x 21.23 x 23.67 มม. (เมื่อใช้จุกหูฟังขนาดกลาง) และสำหรับน้ำหนักหูฟัง และเคสรวมกันจะอยู่ที่ 49.5 กรัม 

Xiaomi Buds 4 Pro

โดย หูฟังไร้สาย Xiaomi รุ่นนี้มาพร้อมเสียงไร้สายความละเอียดสูง และรองรับตัวแปลงสัญญาณเสียง LDAC ของ Sony ความละเอียดของเสียงตั้งแต่ 96kHz/24bit ขึ้นไป จึงทำให้หูฟังรุ่นนี้เหมาะกับการฟังเพลงหลากหลายแนวเพลง หรือจะดูหนังก็ทำให้ได้อรรถรสในการชมเพิ่มมากขึ้น และด้วยไดรเวอร์สมดุลขั้นสูงชนิดแม่เหล็กคู่ 11 มม. เพื่อประสบการณ์เสียงที่ทรงพลังระดับ HiFi

หูฟังไร้สายXiaomi Buds 4 Proมาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวนสูงสุด 48dB ครอบคลุมเสียงรบกวนได้มากมายหลายชนิด และนอกจากระบบตัดเสียงรบกวนของหูฟังจะสามารถทำงานได้ทันทีที่คุณเปิดใช้งานระบบแล้ว คุณยังสามารถตั้งค่าโหมดการตัดเสียงรบกวนได้ด้วยตัวเองสูงสุด 6 โหมดเลยทีเดียว ดังนั้นคุณจึงสามารถเลือกใช้รูปแบบการตัดเสียงรบกวนที่เขากับคุณได้อย่างง่ายดาย และที่พิเศษกว่านั้นคือ 3 โหมดฟังเสียงภายนอกที่สามารถทำงานได้แบบอัตโนมัติ 

Xiaomi Buds 4 Pro

หูฟัง buds 4 pro รุ่นใหม่นี้ยังสามารถใช้งานได้ยาวนาน โดยคุณสามารถฟังเพลงได้นานสูงสุดถึง 9 ชั่วโมง จากการชาร์จเพียงครั้งเดียว เล่นเพลงได้นาน 3 ชั่วโมง หลังชาร์จเพียง 5 นาที หรือใช้งานได้สูงสุด 38 ชั่วโมงเมื่อใช้กับเคสชาร์จ อีกทั้งยังสามารถชาร์จหูฟังเต็มได้ในเวลาเพียง 30 นาที เมื่อชาร์จในเคส 

Xiaomi buds 4pro ราคา เปิดตัวในจีน 1,099 หยวน

สำหรับXiaomi Buds 4 Pro รุ่นนี้เปิดตัวในจีนเป็นที่แรก และยังไม่ได้มีกำหนดการสำหรับเปิดตัวในไทย อีกทั้งยังมี 2 สีให้เลือกได้แก่ Star Gold และSpace Black โดย หูฟัง Xiaomiสีทอง และ ดำ ที่แสนมีเอกลักษณ์รุ่นนี้เปิดตัวมาพร้อมราคา 1,099 หยวน หรือตีเป็นเงินไทยแล้วจะอยู่ที่ราว ๆ 5,540 บาทเท่านั้น

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

รู้หรือยัง!! Motorola ยังผลิตและจำหน่ายมือถืออยู่

Motorola

Motorola คือหนึ่งในแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องมือสื่อสาร และอุปกรณ์การสื่อสารอย่าง วิทยุสื่อสาร เซมิคอนดักเตอร์ รวมไปถึงโทรศัพท์มือถือ ที่มีประวัติยาวนานเกือบ 100 ปี และมือถือของMotorola ก็นับว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์มือถือที่ได้รับความนิยมสูงเป็นอย่างยิ่ง 

Motorola

กระทั่งสมาร์ทโฟนเข้ามาตีตลาดความนิยมของMotorolaก็ลดลง แต่ถึงอย่างนั้นเพื่อน ๆ ทราบหรือไม่ว่าทางแบรนด์ก็ยังไม่หยุดที่จะผลิตมือถือเพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมายังคงมีการเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ ๆ อยู่เสมอ และล่าสุดเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา ทางแบรนด์ก็ได้เปิดตัวMotorola edge 30 Pro และMotorola edge 30 ซึ่งเป็นรุ่นที่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันในวันนี้ด้วย

มารู้จักกับมือถือMotorola edge 30 มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดจากMotorola

Motorola

ตามที่เราได้เกริ่นไปในข้างต้นแล้วว่า ปัจจุบันMotorolaยังคงมีการผลิตมือถือ และเปิดตัวอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยMotorolaรุ่นใหม่ล่าสุด เป็นมือถือที่มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 6.5 นิ้ว ที่มีชื่อรุ่นว่าMotorola Edge 30 ซึ่งความน่าสนใจของมือถือรุ่นนี้ที่นอกจากจะมาพร้อมหน้าจอแบบ OLED ขนาด 6.5 นิ้ว HDR10+ ความละเอียด 1080 x 2400 อัตราการรีเฟรชที่ 144Hz และ หน้าจอสีดำที่ดำสนิทกว่าเดิม คอนทราสต์ที่คมชัดยิ่งขึ้น และระบบเสียงก็เรียกว่าคุณภาพ และหลายมิติตามฉบับของ Dolby Atmos ดังนั้นด้วยสเปคของหน้าจอและคุณภาพเสียงในข้างต้น มือถือรุ่นนี้จึงให้คุณดูหนัง ฟังเพลงได้อย่างไม่รู้สึกรำคาญสายตา และหูเลยทีเดียว

Motorola

ในส่วนของชุดชิปของ edge 30 มาพร้อมชิป Qualcomm® Snapdragon™ 778G+ RAM 8 GB ROM 128/256GB 5G ซึ่งด้วยสเปคดังกล่าวจึงทำให้คุณสามารถใช้ทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกันได้ โดยที่มือถือยังลื่นไหล และในส่วนของระบบชาร์จและแบตเตอรี่ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,020 mAh อีกทั้งยังสามารถใช้งานต่อได้อีกหลายชั่วโมงด้วยการชาร์จแบบ TurboPower 30 ในระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที และสุดท้ายคือกล้องหน้า และหลัง รุ่นนี้มาพร้อมกล้องหน้า ความละเอียด 32 MP (f/2.3) และต้องหลัง 3 เลนส์ ได้แก่ กล้องหลัก, Wide พร้อมฟังก์ชันถ่าย Macro ความละเอียด 50 MP (f/1.8) และ กล้อง Depth ความละเอียด 2MP

Motorola edge 30 ราคา 12,999 บาท พร้อมวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ

Motorola

    สำหรับมือถือMotorolaรุ่น edge 30 ที่เราพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกันในวันนี้ถูกเปิดตัว และวางจำหน่ายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 2022 โดย โมโตโรล่า 5g รุ่นนี้เปิดตัวมาพร้อมราคาเพียง 12,999 บาท ซึ่งเป็นมือถือราคาหมื่นต้น ๆ ซึ่งค่อนข้างน่าสนใจ และค่อนข้างจะคุ้มราคามากพอสมควร ดังนั้นเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากได้มือถือรุ่นนี้ก็สามารถหาจับจองเป็นเจ้าของจากตัวแทนจำหน่ายได้แล้วทั่วประเทศ 

    อ่านบทความอื่นๆ:

    Categories
    News

    ประวัติ Nokia บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของโลก ที่ไม่ได้มีดีแค่ 3310 

    ประวัติ Nokia

    หากกล่าวถึง Nokia เราเชื่อว่าหากใครที่เกิดก่อน หรือเป็นเด็กยุค 90s คงต้องรู้จักแบรนด์นี้อย่างแน่นอน แต่เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงต้องรู้จักเขาในนามของแบรนด์มือถือที่ให้ยุคนั้น Nokia 3310 ก็ถือว่าเป็นรุ่นที่ดังและได้รับความนิยมแบบสุด ๆ แต่มีใครทราบไหมว่า ประวัติ Nokia ไม่ธรรมดาอย่างที่คิด และที่สำคัญคือเขาไม่ได้เป็นแบรนด์ที่ผลิตแค่มือถือเท่านั้น เพราะจริง ๆ แล้ว Nokia บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของโลก ที่ในปัจจุบันเขายังเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจอยู่

    เปิด ประวัติ Nokia บริษัทที่เริ่มต้นธุรกิจมามากกว่า 150 ปี 

    สำหรับประวัติ Nokia เป็นบริษัทโทรคมนาคมที่มีประวัติยาวนานกว่า 150 ปี โดยแรกเริ่มนั้นต้องย้อนไปเมื่อปี 1865 บริษัท Nokia ถูกก่อตั้งขึ้นโดย Knut Fredrik Idestam วิศวกรและนักธุรกิจเหมืองแร่ชาวฟินแลนด์ ได้ก่อตั้งโรงงานผลิตเยื่อกระดาษขึ้นบนริมแม่น้ำ Tammerkoski ซึ่งอยู่ใกล้กับเมือง Tampere ประเทศฟินแลนด์ (ขณะนั้นอยู่ในจักรวรรดิรัสเซีย) จากนั้นในปี 1968 เขาก็ได้ก่อตั้งโรงงานแห่งที่สองซึ่งมีที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมือง Nokia ซึ่งมีแหล่งผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่ดีกว่า ดังนั้นหากใครที่สงสัยว่า โนเกียผลิตอะไรมาก่อน คำตอบก็คือ “เยื่อกระดาษ” นั่นเอง

    ประวัติ Nokia

    กระทั่งในปี 1871 Fredrik Idestam ร่วมลงทุนกับเพื่อนชื่อ Leo Mechelin และก่อตั้งบริษัทขึ้นและเรียกมันว่า Nokia Ab (Nokia Company) ตามที่ตั้งของโรงงานเยื่อกระดาษแห่งที่สอง ต่อมาในปี 1896 Idestam ตัดสินใจที่จะเกษียณอายุ จึงทำให้ Mechelin ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริษัท และเขาก็ได้ดำเนินธุรกิจไปเรื่อย ๆ ซึ่งระหว่างทางก็มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย 

    ประวัติ Nokia

    จนในปี 1925 เราก็ต้องทำการบันทึก ประวัติ บริษัท โนเกีย อีกครั้งเนื่องจากครั้งนี้นับว่าเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เนื่องจาก Bell Telephone Laboratories (ปัจจุบันคือ Nokia Bell Labs) ถือกำเนิดขึ้นจากทีมวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ของ Alexander Graham Bell ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งบริษัท Bell ในยุคนั้นเริ่มพัฒนาในเรื่องของ Movie with Sound และที่สำคัญในปี 1927 การวิจัยของ Bell Telephone Laboratories ทำให้มีการส่งสัญญาณโทรทัศน์ทางไกลเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา

    Nokia ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เชิงพาณิชย์รายแรก สู่จุดมืดมนของแบรนด์ 

    ประวัติNokia ตลอดระยะเวลากว่า 150 ปี ที่ บริษัทโนเกีย ประสบความสำเร็จในส่วนของการเป็นบริษัทโทรคมนาคมนับตั้งแต่การก่อตั้ง Bell Telephone Laboratories ซึ่งในปี 1946 Bell Labs ได้เปิดตัวบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เชิงพาณิชย์รายแรก และหลังจากนั้นก็ได้มีการผลิต และพัฒนาสินค้าต่าง ๆ ออกมาหลายอย่างด้วยกัน เช่น ทรานซิสเตอร์, สร้างอุปกรณ์ AI ต้นแบบรุ่นบุกเบิก, แบตเตอรี่พลังงานแสงอาทิตย์, เลเซอร์ และ ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นต้น ซึ่งเราเชื่อว่าหนึ่งในสินค้าที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกอย่างหนึ่งของแบรนด์คือ Nokia 3310 ซึ่งเป็นมือถือที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความคงทนจนบางคนให้ฉายาว่า “มือถือรุ่นปาหัวหมาไม่แตก” และที่สำคัญราคาคือแรงไม่แพ้มือถือยุคนี้เลยทีเดียว 

    ประวัติ Nokia

    แต่พอถึงปี 2007 หลังจากที่ iPhone1 ได้เปิดตัวออกมาพร้อมกับคอนเซปต์ของการเป็นสมาร์ทโฟน หน้าจอสัมผัส ซึ่งใช้ช่วงนั้นไม่เพียงแต่ Nokia เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ เพราะรุ่นน้องที่กำลังมาแรงในช่วงนั้นอย่าง BlackBerry ก็ต้านทานความสำเร็จของ Apple ไม่ไหว และถึงแม้ว่า Nokia ผลิต Nokia LUMIA ออกมาสู้ ก็ยังต้านไม่อยู่ แต่เราเชื่อว่าหากในครั้งนั้น Nokia ต้องการจะพัฒนาสินค้าให้ก้าวทันโลกใหม่ หรือไม่ยึดติดกับอะไรเดิม ๆ Nokia ก็สามารถที่จะเป็นหนึ่งในคู่แข่งที่น่ากลัวของ Apple เลยก็ว่าได้

    อ่านบทความอื่นๆ:

    Categories
    News

    รวม 3 เครื่องปั่นอเนกประสงค์ ราคาไม่แรง คุณภาพดี จากหลากหลายแบรนด์ดัง

    เครื่องปั่นอเนกประสงค์

    เครื่องปั่นอเนกประสงค์ นับว่าเป็นหนึ่งในเครื่องทุ่นแรงในการประกอบอาหาร ที่อยู่คู่ครัวทั้งครัวไทย และครัวต่างประเทศมาอย่างยาวนาน เนื่องจากเครื่องปั่นนั้นสามารถใช้สำหรับการประกอบอาหารได้หลากหลายรูปแบบทั้งปั่นวัตถุดิบสำหรับปรุง หรือประกอบอาหาร รวมไปถึงการทำเครื่องดื่มหลากหลายรูปแบบ เป็นต้น ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากแนะนำ 3 เครื่องปั่น อเนกประสงค์ ราคาไม่แรง คุณภาพดี จากหลากหลายแบรนด์ดัง

    แนะนำ เครื่องปั่นอเนกประสงค์ ปั่นดี ปั่นละเอียด อุปกรณ์เสริมเพียบ

    เครื่องปั่นอเนกประสงค์

    สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่กำตามหาเครื่องปั่นอเนกประสงค์ที่ทั้งราคาถูก คุณภาพดี แถมยังสามารถใช้งานได้หลากหลายฟังก์ชัน วันนี้เรามีเราจะมาแนะนำและ รีวิวเครื่องปั่นอเนกประสงค์ จาก 3 แบรนด์ให้เพื่อน ๆ ได้รู้จัก โดยมีทั้งหมดดังนี้

    • Philips 3000 series (HR2041/30)
    เครื่องปั่นอเนกประสงค์

    เครื่องปั่นอเนกประสงค์Philips ที่เหมาะกับการใช้ในครัวเรือน โดยรุ่นนี้จะมาพร้อมโถปั้นพลาสติกขนาด 1.9 ลิตร พร้อมโถปั่นเครื่องเทศ 2 โถ ตั้งค่าการปั่นด้วยความเร็ว 1 ระดับ + ปั่นชั่วขณะ (Pulse) สำหรับการปั่นเครื่องเทศ มีเซนเซอร์ป้องกันความร้อนของมอเตอร์ อีกทั้งยังมีช่องจัดเก็บสายไฟในตัว ดังนั้นจึงทำให้จัดเก็บได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้นหลังใช้งานเสร็จ

    ราคา: 1,290 บาท

    • Blend force+ XL chopper รุ่น BL47YB66
    เครื่องปั่นอเนกประสงค์

    เครื่องปั่นอาหารขนาดใหญ่ ที่มาพร้อมโถปั่นขนาด 2 ลิตร จาก Tefal โดยเครื่องปั่นรุ่นนี้นอกจากจะมีโถปั่นหลักขนาดใหญ่แล้ว ยังมาพร้อมอุปกรณ์เสริมครบครัน ทั้งถ้วยตวง โถบด และโถสับไซซ์ XL จึงให้คุณสามารถใช้งานได้ครบจบในเครื่องเดียว นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมปั่น 5 โปรแกรม จึงให้คุณปั่นอาหารแหลกในเวลาอันสั้น

    ราคา: 2,690 บาท 

    • Toshiba BL-T70PR2
    เครื่องปั่นอเนกประสงค์

    เครื่องปั่น อเนกประสงค์ Toshiba ที่มาพร้อมใบมีดเคลือบไททาเนียม 6 แฉก และอุปกรณ์แยกกาก สามารถปรับความเร็วได้ 3 ระดับ โถใหญ่จุได้ 1.5 ลิตร อีกทั้งยังมีโถบด และโถสับ มาให้ในกล่องเดียว ดังนั้นจึงให้คุณสามารถปั่นวัตถุดิบได้หลากหลายตามต้องการ 

    ราคา: 2,090 บาท

    เลือก เครื่องปั่น ที่ได้รับมาตรฐาน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้อุปกรณ์

    เครื่องปั่นอเนกประสงค์

    ราคาเครื่องปั่นอเนกประสงค์ มีให้เลือกซื้อได้ตั้งแต่หลักร้อย ไปจนถึงหลักหมื่น ซึ่ง เครื่องปั่น อเนกประสงค์ ที่มีราคาสูง ๆ นั้น มักจะมาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย เช่น ฟังก์ชัสำหรับทำความร้อน – ความเย็นในตัว หรือแม้แต่กระทั่งวัสดุของเครื่องปั่นรุ่นนั้น ๆ ซึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อเครื่องปั่นนอกจากเราควรเลือกซื้อให้ตอบโจทย์รูปแบบการใช้งานแล้ว สิ่งสำคัญเลยคือต้องเลือกซื้อเครื่องปั่นที่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะ มอก. เนื่องจากเป็นวิธีคัดเลือกสินค้าเบื้องต้นว่าเป็นสินค้าที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งเครื่องปั่นเป็นเครื่องครัวที่ต้องใช้ไฟฟ้า ดังนั้นหากเป็นเครื่องปั่นที่ไม่ได้มาตรฐานจึงอาจจะทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้งาน และทรัพย์สินได้

    บทความอื่นๆ:

    Categories
    วิธีดูแลรักษา

    แนะนำ 3 เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย ดูดแรง ฟังก์ชันเพียบ

    เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย

    เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย นับว่าเป็นสินค้าที่เราเชื่อว่าปัจจุบันหลาย ๆ บ้านน่าจะซื้อหามาใช้งานแล้วเป็นจำนวนมาก แต่ก็มีอีกหลายคนที่อาจจะยังลังเลใจว่า ควรจะซื้อเครื่องดูดฝุ่นไร้สายดีหรือไม่ เนื่องจากเครื่องดูดฝุ่นประเภทนี้ค่อนข้างที่จะมีราคาสูง และอาจจะกังวลในเรื่องของความสามารถในการดูดฝุ่น ที่อาจจะไม่แรงเท่าเครื่องดูดฝุ่นแบบที่มีสาย ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากแนะนำ 3 เครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่มีทั้งน้ำหนักเบา ดูดแรง และที่สำคัญคือสามารถดูดได้กับหลายพื้นผิวมาแนะนำให้กับเพื่อน ๆ ทุกคน

    เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย ที่ชาวแม่บ้าน พ่อบ้านทั้งหลายควรมี 

    เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย

    สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังตามหา หรือ อยากได้ เครื่องดูดฝุ่น ไร้สาย มาไว้ทำความสะอาดบ้าน วันนี้เรามี 3 เครื่องดูดฝุ่นในบ้าน มาแนะนำกับเพื่อน ๆ ทุกคนแล้ว โดยทั้งหมดมีดังนี้

    • Electrolux รุ่น UltimateHome 300
    เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย

    เครื่องดูดฝุ่น Electrolux ชนิดด้ามจับที่มีน้ำหนักเบา และเป็นชนิดไร้สายที่มีดูดแรง โดยแบตเตอรี่เป็นชนิดถอดได้ที่สามารถใช้ง่ายได้นานถึง 40 นาที ดูดฝุ่นผงบนพื้นได้ถึง 99% ฟิลเตอร์กรองฝุ่นที่ถอดล้างได้ พร้อมกล่องเก็บฝุ่นขนาด 0.5 ลิตร ที่ทำความสะอาดได้ง่าย จึงให้เครื่องดูดฝุ่นของคุณสะอาดอยู่เสมอ อีกทั้งยังมีระบบแยกฝุ่นผงออกจากอากาศแบบไซโคลน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด และดูดได้เต็มพลัง 

    อุปกรณ์เสริม 7 ชิ้น: แปรง 2-in-1, ที่แขวนผนัง, หัวแปรงแบบนุ่ม, หัวดูดไรฝุ่น, หัวดูดเบาะ, สายต่อดูดฝุ่น และ หัวแปรงดูดขนสัตว์

    ราคา: 7,490 บาท

    • Samsung รุ่น Jet 60 Pet
    เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย

    เครื่องดูดฝุ่นSamsung ที่เหมาะกับคนที่เลี้ยงสัตว์เสียงในบ้านโดยเฉพาะ โดยรุ่นนี้เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่มีน้ำหนักรวมเพียง 1.48 กิโลกรัม อีกทั้งยังมีแรงดูดทรงพลังด้วยนวัตกรรม Jet Cyclone ฟิลเตอร์กรองฝุ่น 5 ชั้น จึงให้อากาศสะอาด 99.999% แบตเตอรี่ถอดชาร์จได้ และสามารถใช้งานยาวนานถึง 40 นาที อีกทั้งกล่องเก็บฝุ่นยังสามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ 

    อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง: เครื่องดูดฝุ่น Jet 60 Turbo, หัวดูด Jet Fit Brush, หัวดูด Combination Tool, Extension Crevice Tool, 2 – in – 1 Charger และ แบตเตอรี่ 2,000 mAh

    ราคา: 8,990 บาท

    • Dyson รุ่น V8 Slim Fluffy 
    เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย

    เครื่องดูดฝุ่น Dyson ที่ดูดแรง 115 AW ถังเก็บฝุ่น 0.54 ลิตร และมีน้ำหนักเบาเพียง 2.15 กิโลกรัม แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นาน 40 นาที ระบบการกรองทั่วทั้งเครื่องดักจับ 99.97% ของอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน อีกทั้งยังมีเสียงเบาขณะทำงาน 

    อุปกรณ์เสริม 6 ชิ้น: หัวดูดทำความสะอาด Slim Fluff, หัวดูดปากแคบ, หัวดูด 2 in 1, หัวดูดมอเตอร์ขนาดเล็ก, แท่นวาง และ ที่ชาร์จ 

    ราคา: 14,700 บาท

    เครื่องดูดฝุ่นไร้สายเหมาะกับการใช้งานรูปแบบใด? 

    เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย

    ตามที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่าเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย นับว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน หรือ อุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านที่ในระยะ 3 – 4 ปีมานี้ได้รับความนิยมสูงเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย ข้อดี คือ ส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักเบา ขนย้ายได้สะดวก สามารถทำงานในที่ที่ไม่มีปลั๊กไฟได้ อีกทั้งยังมักจะมาพร้อมหัวดูดหลายแบบ จึงทำให้ผู้ใช้งานสามารถถอดเปลี่ยนหัวเพื่อนำความสะอาดพื้นผิวที่แตกต่างกันได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น 

    เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย

    โดย ที่ดูดฝุ่นไร้สาย จะเหมาะกับการทำความสะอาด ที่ไม่ใช่งานหนัก ๆ เนื่องจากแบตเตอรี่ของเครื่องดูดฝุ่นส่วนใหญ่จะใช้งานได้นานไม่ถึง 1 ชั่วโมง อีกทั้งถังเก็บฝุ่นก็จะมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งหากเป็นการทำความสะอาดหนัก ๆ เช่น Big Cleaning ทั้งบ้านเครื่องดูดฝุ่นประเภทนี้ก็อาจจะไม่เหมาะสักเท่าไร ดังนั้นเราจะอยากแนะนำเครื่องดูดฝุ่นประเภทนี้ให้กับคนที่ทำความสะอาดบ้านค่อนข้างถี่ เพื่อที่เครื่องดูดฝุ่นจะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นเอง

    อ่านบทความอื่นๆ:

    HILO-88.COM
    HILO-88.COM