สอนใช้ มือถือ คอมพิวเตอร์ สอนสร้างเว็บ
Categories
แนะนำแอปฯ

คอม All in one ThinkCentre Neo 30a จาก Lenovo

คอม All in one

หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังตามหา คอม All in one มาไว้ใช้งานที่บ้าน หรือ สำนักงาน สักเครื่อง แต่ยังไม่เจอคอมพิวเตอร์ที่มีสเปคที่ตรงใจ วันนี้เราอยากแนะนำให้กับเพื่อน ๆ ได้รู้จักกับ ThinkCentre Neo 30a จาก Lenovo ซึ่งสเปคของคอมรุ่นนี้จะเป็นอย่างไร และเหมาะกับการใช้งานในรูปแบบใดบ้าง วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักพร้อมกัน

เปิดสเปคของ ThinkCentre Neo 30a คอม All in one 

คอม All in one

สำหรับ ThinkCentre Neo 30a เป็นคอม All in one ที่มีสเปคการใช้งานที่ค่อนข้างเป็นมาตรฐาน ทำให้คอมพิวเตอร์รุ่นนี้เหมาะกับการใช้งานรูปแบบทั่วไปเป็นอย่างยิ่ง โดย คอมAll in-OneLenovo รุ่นนี้ เป็นรุ่น Gen 3 ที่มาพร้อมระบบประมวลผล 12th Generation Intel Core i3-1220P (สามารถอัปได้ถึง 12th Gen Intel Core i5) กราฟิกการ์ด Integrated Intel® UHD Graphics หน้าจอ Full HD (1920 x 1080) เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน RAM 8 GB พื้นที่จัดเก็บข้อมูล 512 GB SSD

คอม All in one

ในส่วนของหน้าจอมีขนาดอยู่ที่ 15.94 นิ้ว x 7.30 นิ้ว x 19.30 นิ้ว น้ำหนัก 5.73 กิโลกรัม Ports และ Slots ที่มาพร้อม USB 3.2 Gen 2 2 พอร์ต, USB 2.0 2 พอร์ต, HDMI-out 1 พอร์ต, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และ mic combo 1 พอร์ต, DC-in 1 ช่อง และ LAN in 1 ช่อง นอกจากนี้รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับช่องใส่ CD ดังนั้นคุณจึงไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์เสริมแต่อย่างใด และที่สำคัญ ThinkCentre Neo 30a Gen 3 รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับกล้องเว็บแคมที่มีความคมชัดถึง 720P ที่คุณสามารถเปิดใช้งานกล้องได้ง่าย ๆ เพียงแค่ดึงขึ้นมาจากด้านหลังบนของหน้าจอ ซึ่งกล้องเว็บแคมที่มีดีไซน์แบบนี้ทำให้เรารู้สึกปลอยภัยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ThinkCentre Neo 30a หน้าจอ 22 นิ้ว ราคาเริ่มต้นเพียง 33,290 บาท

คอม All in one

สำหรับ คอมAllinoneรุ่น ThinkCentre neo 30a 22 Gen 3 มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 33,290 บาท แต่สำหรับใครที่สั่งซื้อบนเว็บไซต์ Lenovo Thailand ในช่วงนี้มีโปรโมชั่นลดสูงสุด 8% (2,800 บาท) จาก 33,290 บาท เหลือเพียง 30,490 บาทเท่านั้น นอกจากนี้สำหรับใครที่สงสัยว่า คอม all in oneดีไหม ก่อนอื่นเราต้องบอกว่า คอมพิวเตอร์All InOne นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานทั่วไป เช่น งานเอกสาร, กราฟิกเบื้องต้น หรือ ใช้ดูสื่อความบันเทิงเป็นหลัก ซึ่งใครที่อยากได้คอมพิวเตอร์ไปไว้ใช้งานแบบที่ใช้ทรัพยากรเครื่องแบบหนัก ๆ เช่น เล่นเกม, กราฟิกขั้นแอดวานส์, ตัดต่อวิดีโอ หรือ การเขียนโค๊ด คอมพิวเตอร์ประเภทนี้อาจจะไม่เหมาะเท่าไรนัก ดังนั้นใครที่สงสัยว่า “คอมประเภทนี้ดีไหม” จึงขึ้นอยู่กับว่าคุณจะซื้อเครื่องไปใช้งานในรูปแบบใดเป็นหลักนั่นเอง 

คอม All in one

นอกจากนี้ ข้อดีของคอม All in One ที่ทำให้หลาย ๆ คนตัดสินใจเลือกซื้อคอมประเภทนี้คือ ประหยัดเนื้อที่ในการจัดวาง ดังนั้นใครที่มีพื้นที่ในการจัดวางอุปกรณ์ที่ค่อนข้างจำกัน และอยากได้คอมพิวเตอร์ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่มาไว้ใช้งาน คอมพิวเตอร์ แบบ All in one จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว และที่สำคัญแบรนด์คอมพิวเตอร์หลาย ๆ แบรนด์ยังเริ่มหันมาพัฒนาและผลิตคอมพิวเตอร์ประเภทนี้ออกมาหลายรุ่นด้วยกัน ทำให้ผู้บริโภคอย่างเราก็มีตัวเลือกมากขึ้นอีกด้วย 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สอนใช้

แชร์วิธีการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ได้ผลจริง ข้อมูลไม่หาย ฉบับอัพเดตปี 2566

ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone
ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone

หลายท่านที่ใช้สมาร์ทโฟน Android แล้วต้องการเปลี่ยนมาใช้ iPhone คงกำลังสงสัยว่าเราสามารถ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ได้ไหม? แล้วถ้าหากย้ายได้ข้อมูลจะครบถ้วนหรือเปล่า? วันนี้เราจะพาทุกท่านจะไขข้อสงสัยนี้ไปพร้อม ๆ กัน

ซึ่งต้องขอบอกก่อนเลยว่าในปี 2023 เราสามารถ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ได้หลากหลายวิธี ดังนั้น วันนี้เราจึงได้รวบรวมวิธีการย้ายข้อมูลที่สุดแสนจะง่ายดาย ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่คุณเลือกทำตามวิธีที่เราได้รวบรวมมาไว้ในบทความนี้ เพียงเท่านี้ข้อมูลที่สำคัญของคุณก็จะถูกโอนย้ายไปอยู่ใน iPhone เครื่องใหม่ของคุณแล้ว

สิ่งที่ควรทำก่อน ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone

สิ่งที่ควรทำก่อน ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone
สิ่งที่ควรทำก่อน ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone

คุณรู้หรือไม่? ก่อนที่คุณจะเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องใหม่ หรือทิ้งโทรศัพท์เครื่องเก่า สิ่งที่คุณควรทำเป็นอันดับแรก ก็คือ การย้ายข้อมูลจากสมาร์ทโฟนเครื่องเก่า ไปยังเครื่องใหม่ ซึ่งมีผู้ใช้หลายคนต้องการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่รู้วิธีการย้ายข้อมูลที่ถูกต้อง

บางคนต้องการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone 13 ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้ระบบปฎิบัติการใหม่ล่าสุด จึงมีความกังวลว่าข้อมูลบางอย่างอาจจะหายไป ดังนั้น ก่อนที่คุณจะเริ่มทำการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone 2023 คุณต้องดำเนินการและตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เตรียมความพร้อมสำหรับการย้ายข้อมูลเรียบร้อยแล้ว เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งสิ่งที่คุณควรทำก่อนเริ่มถ่ายโอนข้อมูลโทรศัพท์ มีดังนี้ 

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสมาร์ทโฟนทั้ง 2 เครื่องเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ที่ปลอดภัยหรือไม่?
  • ก่อน ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone เครื่องเก่า ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า iPhone ของคุณมีพื้นที่เก็บข้อมูลเพียงพอหรือไม่?
  • เสียบปลั๊กชาร์จแบตสมาร์ทโฟนทั้ง 2 เครื่องให้พร้อมสำหรับการถ่ายโอนข้อมูล (เพราะอาจจะใช้เวลาในการย้ายนาน)
  • หากคุณต้องการโอนบุ๊กมาร์ก Chrome ให้อัพเดต Chrome เป็นเวอร์ชันล่าสุดบนอุปกรณ์ Android ของคุณ
  • สำรองข้อมูลโทรศัพท์ Android ของคุณไปที่ Google Drive เพื่อปกป้องข้อมูลหาย
  • ออกจากระบบ RCS (Rich Communication Service) บน Google Messages

วิธีสำรองข้อมูลของคุณไปยัง Google Drive

สำรองข้อมูลของคุณไปยัง Google Drive
สำรองข้อมูลของคุณไปยัง Google Drive

อีกหนึ่งข้อดีเกี่ยวกับบริการของ Google เมื่อคุณต้องการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ก็คือ Google Drive ซึ่งเป็นบริการเก็บไฟล์ข้อมูลไว้บนเซิร์ฟเวอร์ โดยผู้ใช้งานสามารถเปิดใช้งานไฟล์ข้อมูลเหล่านั้นได้จากทุกที่ทุกเวลา และบริการนี้สามารถใช้งานได้ทั้งบน Android และ iOS

ดังนั้น เมื่อคุณต้องย้ายข้อมูล หรือ ย้ายรูปจาก Android ไป iPhone เราขอแนะนำให้คุณทำการสำรองข้อมูลไว้ใน Google Drive ด้วย เพื่อป้องกันข้อมูลที่อาจจะสูญหาย นอกจากนี้ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีการเก็บข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย หากคุณ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ไม่ได้ การสำรองข้อมูลไว้ใน Google Drive ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี เพราะมันสามารถเข้าถึงได้บนอุปกรณ์หลายเครื่องทั้ง Android, iOS, PC และ Mac

ซึ่งในปี 2023 นี้คุณสามารถสำรองข้อมูลไว้ใน Google Drive ได้ตั้งแต่ข้อมูลประวัติการโทรและ SMS เอกสาร รูปภาพและวิดีโอ การตั้งค่า และข้อมูลแอป เช่น รายชื่อติดต่อ (แอป Google Contacts เท่านั้น) ได้อย่างง่ายดาย 

หากต้องการซิงค์บุ๊กมาร์ก Chrome ของคุณกับ iPhone ให้อัปเดตแอป Chrome บนสมาร์ทโฟน Android เครื่องเก่าก่อน และนี่คือขั้นตอนการสำรองข้อมูลไปยัง Google Drive บนโทรศัพท์ Android ให้ไปที่การตั้งค่า > Google > สำรองข้อมูล (หรือค้นหาข้อมูลสำรองในการตั้งค่า) จากนั้นเลือกสำรองข้อมูลเดี๋ยวนี้


วิธีลงชื่อออกจาก RCS

Rich Communication Services (RCS)
Rich Communication Services (RCS)

ก่อนทำการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone มีอีกหนึ่งสิ่งที่คุณควรทำ คือ การลงชื่อออกจาก Rich Communication Services (RCS) ซึ่งเป็นบริการที่ช่วยให้คุณสามารถส่งข้อความที่เข้ารหัส รวมถึงข้อความ วิดีโอ ภาพถ่าย และ GIF

หากโทรศัพท์ Android ของคุณใช้ Google Messages สำหรับข้อความ คุณต้องปิด RCS ก่อนเปลี่ยนโทรศัพท์เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจจะทำให้ข้อความสำคัญขาดหายไป โดยวิธีลงชื่อออกจาก RCS บนอุปกรณ์ Android ก็ง่ายมาก ๆ เพียงแค่ไปที่แอป Google Messages แล้วทำตามขั้นตอนดังนี้

  1. แตะที่ “ตัวเลือกเพิ่มเติม”
  2. แตะที่ “การตั้งค่า”
  3. แตะที่ “คุณสมบัติการแชท”
  4. เลือกปิดการเปิดใช้งานคุณสมบัติการแชท
วิธีลงชื่อออกจาก RCS
วิธีลงชื่อออกจาก RCS

วิธีที่ 1 ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone โดยการใช้แอพ Move to iOS

เมื่อคุณได้ทำการสำรองข้อมูลในโทรศัพท์เครื่องเก่าเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็ถึงเวลา ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone แล้ว ซึ่งวิธีที่หนึ่งที่เราได้นำมาแนะนำนี้ ถือได้ว่าเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด โดยการใช้ โปรแกรมย้ายข้อมูล Android ไป iPhone หรือที่เรียกว่า แอพ Move to iOS ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่เหมาะสำหรับการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone 2566 เป็นอย่างมาก เพราะสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยสุด ๆ

แอพ Move to iOS
แอพ Move to iOS

โดยคุณสามารถดาวน์โหลดแอพนี้บนโทรศัพท์ Android ได้จาก Google Play Store สะดวก รวดเร็ว และทำงานแบบไร้สายในการถ่ายโอนข้อมูล แต่อย่าลืมว่าวิธีนี้ต้องทำการถ่ายโอนบนแอพก่อนตั้งค่า iPhone ของคุณเท่านั้น โดยข้อมูลที่คุณสามารถถ่ายโอนด้วย แอพ Move to iOS ได้มีดังนี้

  • รายชื่อติดต่อ
  • ปฏิทิน 
  • ประวัติข้อความ
  • ข้อความ WhatsApp
  • ภาพถ่าย และอัลบั้มภาพ
  • วิดีโอ 
  • ไฟล์ และโฟลเดอร์
  • การตั้งค่าบางอย่าง
  • บัญชี Google ของคุณ 
  • บัญชีอีเมลอื่น ๆ
  • แอปพลิเคชันฟรีบางตัว

และนี่คือ ขั้นตอนการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone โดยการใช้แอพ Move to iOS :

  1. ไปที่ Play Store บนโทรศัพท์ Android และดาวน์โหลดแอพ Move to iOS
  2. เปิด iPhone ของคุณ แล้วเลือกย้ายข้อมูลจาก Android
  3. เปิดแอพ Move to iOS บนโทรศัพท์ Android ของคุณ
  4. อ่านและยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข ให้แตะ “ตกลง”
  5. เปิด iPhone เครื่องใหม่ของคุณ และวางไว้ใกล้กับโทรศัพท์ Android แล้วแตะ “Set Up Manually”
หน้าแรกของแอพ Move to iOS
หน้าแรกของแอพ Move to iOS
  1. เมื่อหน้าจอ iPhone ปรากฏ Apps & Data ให้แตะ “Move Data from Android”
แตะ “Move Data from Android”
แตะ “Move Data from Android”
  1. รอให้รหัสแบบใช้ครั้งเดียวปรากฏบนหน้าจอ iPhone แล้วนำรหัสนั้นมาป้อนลงในโทรศัพท์ Android ของคุณ
รับรหัสแบบใช้ครั้งเดียว
รับรหัสแบบใช้ครั้งเดียว
  1. เลือกเชื่อมต่อบนโทรศัพท์ Android เพื่อเข้าร่วมเครือข่าย Wi-Fi ชั่วคราว
  2. เลือกข้อมูลที่ต้องการถ่ายโอนจากโทรศัพท์ Android ไปยัง iPhone แล้วเลือก “ดำเนินการต่อ”
  3. จากนั้นปล่อยให้อุปกรณ์ทั้งสองเครื่องเริ่มถ่ายโอนข้อมูล หรือจนกว่า iPhone ของคุณจะแสดงการโอนย้ายเสร็จสิ้น เพียงเท่านี้ข้อมูลในโทรศัพท์ Android ก็จะถูกย้ายไปที่ iPhone ของคุณแล้ว

วิธีที่ 2 ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ด้วยตัวเอง บนคอมพิวเตอร์

ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ด้วยตัวเอง บนคอมพิวเตอร์
ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ด้วยตัวเอง บนคอมพิวเตอร์

นอกจากการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone โดยการใช้แอพ Move to iOS แล้ว ยังมีอีกหนึ่งวิธีการย้ายข้อมูลโทรศัพท์โดยไม่ต้องดาวน์โหลดแอพ นั่นก็คือ การถ่ายโอนข้อมูลของคุณได้ด้วยตนเองบนคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น PC หรือ Mac ก็สามารถทำได้

หากคุณต้องการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone 6s Plus ก็สามารถเลือกใช้วิธีนี้ได้เลยเช่นกัน และวิธีนี้ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone เปิดใช้งานแล้ว เพียงทำตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้

การ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ด้วยตัวเอง บน PC

  1. ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ด้วยตัวเอง บน PC เริ่มต้นด้วยการเสียบสายพอร์ต USB เชื่อมต่อโทรศัพท์ Android ของคุณเข้ากับ PC
  2. จากนั้นให้นำเข้ารูปภาพและวิดีโอจากโทรศัพท์ Android ไปยังโฟลเดอร์ใหม่บน PC ของคุณ
  3. เมื่อนำเข้าข้อมูลครบแล้วก็ให้ถอดสายเชื่อมต่อโทรศัพท์ Android ออกแล้วเสียบสายเชื่อมต่อกับ iPhone เข้ากับ PC
  4. เปิด iTunes บน PC ของคุณ
  5. เลือกคลิกที่ปุ่มอุปกรณ์สำหรับ iPhone ของคุณ (มุมซ้ายบน)
  6. เลือกข้อมูลจากโฟลเดอร์บนคอมพิวเตอร์ที่คุณต้องการซิงค์ในเมนูการตั้งค่าทางด้านซ้าย (เพลง รูปภาพ ไฟล์ ฯลฯ)
  7. คลิกเลือกช่องเพื่อทำเครื่องหมายสำหรับแต่ละหมวดหมู่ที่คุณต้องการซิงค์
  8. คลิกนำไปใช้หรือซิงค์ที่มุมล่างขวา หลังจากที่คุณเลือกทุกสิ่งที่คุณต้องการซิงค์แล้ว

การ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ด้วยตัวเอง บน Mac

  1. ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ด้วยตัวเอง บน Mac เริ่มต้นด้วยการเสียบสายพอร์ต USB เชื่อมต่อโทรศัพท์ Android ของคุณเข้ากับ Mac
  2. ใช้แอพถ่ายโอนไฟล์ของ Android เช่น Google File Transfer เพื่อนำเข้าไฟล์ไปยังโฟลเดอร์ใหม่บน Mac
  3. เมื่อนำเข้าข้อมูลครบแล้วก็ให้ถอดสายเชื่อมต่อโทรศัพท์ Android ออกแล้วเสียบสายเชื่อมต่อกับ iPhone เข้ากับ Mac
  4. จากนั้นไปที่แถบค้นหาบน Mac (หรือ iTunes ใน Mac OS เวอร์ชันเก่า) แล้วเลือก iPhone ของคุณ
  5. กำหนดการตั้งค่าในตัวค้นหาสำหรับไฟล์แต่ละประเภทที่คุณต้องการซิงค์ (เพลง หนังสือ ภาพถ่าย ไฟล์ ฯลฯ) 
  6. คลิกเลือกช่องเพื่อทำเครื่องหมายและเลือกใช้สำหรับแต่ละหมวดหมู่ที่คุณต้องการซิงค์ เพียงเท่านั้นข้อมูลทั้งหมดก็จะถูกย้ายไปยัง iPhone ของคุณ

สิ่งที่คุณควรรู้เมื่อทำการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone แล้ว

สิ่งที่ควรรู้ก่อน ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone
สิ่งที่ควรรู้ก่อน ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone

มีผู้ใช้บางคน ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone 11 แล้วมีบางสิ่งขาดหายไป ซึ่งเป็นข้อเสียของการเปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการใหม่ เพราะคุณไม่สามารถถ่ายโอนทุกอย่างได้ เนื่องจาก Android และ iOS ใช้ระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน จึงทำให้ข้อมูลบางอย่างไม่สามารถถ่ายโอนมายังเครื่องใหม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น

  • แอพที่ซื้อในโทรศัพท์ Android บางตัว
  • แอพฟรีที่ไม่มีใน App Store ของ iOS
  • ประวัติการซื้อในแอพ
  • การตั้งค่าการเข้าถึงและการแสดงผล
  • ข้อความในแอพส่งข้อความบางแอพ 

ถึงแม้ว่าแอพ Move to iOS จะสามารถย้ายแอปพลิเคชันฟรีบางแอพจะไว้ในระบบปฏิบัติการ iOS ได้ แต่ก็มีข้อแม้ว่าแอพนั้นต้องสามารถใช้งานได้ทั้งบนระบบ Android และ iOS เท่านั้น สำหรับแอพแบบชำระเงินและแอพที่ไม่สามารถถ่ายโอนได้ คุณจะต้องไปที่ App Store บน iPhone และค้นหาเพื่อดูว่าแต่ละแอพมีอยู่ใน iOS หรือไม่?

หากพบการแอพนั้นไม่มีให้บริการใน iPhone ให้คุณลองค้นหาแอพที่สามารถใช้ทดแทนกันได้ใน Google เพียงพิมพ์ “ชื่อแอพ เทียบเท่ากับ iOS” เพื่อขอคำแนะนำในอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ หากคุณถ่ายโอนข้อมูลจาก Android ไปยัง iPhone เรียบร้อยแล้ว ก่อนทำการทิ้งเครื่องเก่า หรือส่งมอบโทรศัพท์ Android ให้กับบุคคลอื่น

คุณควรล้างข้อมูลในเครื่องเก่าของคุณให้หมดก่อนที่จะส่งต่อ โดยไปที่การตั้งค่า > ทั่วไป > รีเซ็ต > ลบเนื้อหาและการตั้งค่าทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง แต่อย่าลืมสำรองข้อมูลไว้ใน Google Drive ของคุณก่อนนะ เพราะหลังจากล้างข้อมูลเครื่องเก่าแล้ว คุณไม่สามารถเรียกคืนข้อมูลเหล่านั้นได้อีก facetime เสียเงินไหม

AUTHOR

SUWANNA PREEBUNPUL
SUWANNA PREEBUNPUL

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว และถ่ายรูป นิสัยส่วนตัวของออยชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะขอบคุณค่าาาา

CONTACT >> INSTAGRAM, FACEBOOK, LINE

ผู้สนับสนุน : https://hilo-88.com/

Categories
News

หน้าหนาวนี้คุณมี เครื่องฟอกอากาศ หรือยัง?

เครื่องฟอกอากาศ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอาการภูมิแพ้ หรือ แพ้ฝุ่นอย่างหนัก คุณก็คงจะทราบดีว่า หากวันไหนที่อากาศปิด หรือ ท้องฟ้าปิด วันนั้นคงเหมือนชีวิตกำลังเจอกับหายนะครั้งใหญ่อยู่แน่ ๆ เพราะเราจะได้รับฝุ่นที่อยู่ในอากาศแบบเต็ม ๆ โดยเฉพาะ PM2.5 ที่เป็นอันตรายกับร่างกายของเราเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเมื่อหน้าหนาวซึ่งเป็นช่วงที่ฝุ่นหนากำลังมาถึง เครื่องฟอกอากาศ จึงสำคัญเป็นอย่างยิ่ง วันนี้เราจึงอยากพาทุกคนไปรู้จักกับ 3 เครื่องฟอกอากาศ ที่คุณไม่ควรพลาดมาฝากกัน

3 เครื่องฟอกอากาศ สำหรับปี 2022 – 2023 

เครื่องฟอกอากาศ

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากได้เครื่องฟอกอากาศ ที่ฟอกอากาศเยี่ยม ราคาดี แถมเทคโนโลยีเลิศ วันนี้เรามี 3 เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี สำหรับปี 2022 – 2023 มาฝากทุกคนที่กำลังตามหาเครื่องฟอกดี ๆ กัน

  • Dyson Pure Cool TP00 

เครื่องฟอกอากาศDyson ซึ่งเป็นเครื่องฟอกอากาศแบบตั้งพื้น (ควบคุมผ่านรีโมท) ที่สามารถดักจับสารมลพิษที่เป็นอันตรายได้สูงถึง 99.95% โดยรุ่นนี้จะมาพร้อมตัวกรองใยแก้ว HEPA แบบ 360 องศา ดักจับอนุภาคนุภาคขนาดเล็กมากที่อยู่ในอากาศ เช่น สารก่อภูมิแพ้, ละอองเกสร, แบคทีเรีย และสะเก็ดผิวหนังสัตว์เลี้ยง แบบ 360 องศา ดังนั้นรุ่นนี้จึงเหมาะกับคนที่เป็นภูมิแพ้เป็นพิเศษ นอกจากนี้เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ยังเหมาะกับกับห้องทุกประเภทที่มีขนาดไม่เกิน 81 ลูกบาศก์เมตรอีกด้วย

เครื่องฟอกอากาศ

ราคา: 13,900 บาท (ราคาพิเศษ 11,900 บาท เพียงกรอกโค้ด “DY2000” ที่หน้าชำระเงินเว็บไซต์ Dyson ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. 65 – 2 พ.ย. 65) 

  • LG PuriCare New 360 รุ่น AS65GDWH0

เครื่องฟอกอากาศจาก LG ที่มีระบบการกรองหลายขั้นตอน สามารถควบคุมเครื่องฟอกอากาศผ่านสมาร์ทโฟน ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรีย, ไวรัส, ฝุ่น, สารก่อภูมิแพ้, ขนสัตว์เลี้ยง, กลิ่นไม่พึงประสงค์ และก๊าซอันตรายชนิดต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งสามารถกรองฝุ่น PM0.01 ที่ละเอียดมากได้ถึง 99.999% และแบคทีเรีย/ไวรัส 99.9% โดยรุ่นนี้จะมีคุณสมบัติในกรองอากาศแบบ 360 องศา พร้อมด้วยใบพัด Clean Booster และระบบการกรอง 6 ขั้นตอน ซึ่งเหมาะสำหรับห้องที่มีขนาด 61.2 ตารางเมตร

เครื่องฟอกอากาศ

ราคา: 20,900 บาท (Powerbuy

  • Philips air purifier series 4000i รุ่น AC3854

เครื่องฟอกอากาศPhilips ที่สามารถฟอกอากาศบริสุทธิ์ในเวลาไม่เกิน 5 นาที มีเทคโนโลยีการตรวจจับแบบเรียลไทม์ และสามารถขจัดไวรัส แบคทีเรีย, ละอองเกสร, ฝุ่น, สารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่น, ขนสัตว์, ก๊าซและมลพิษอื่น ๆ ได้ถึง 99.9% แผ่นกรอง HEPA สามารถดักจับอนุภาคขนาด PM0.003 ได้ถึง 99.97% มีช่องรับอากาศ 360 องศา ครอบคลุมห้องที่มีขนาดถึง 158 ตารางเมตร ที่สำคัญคือ ใช้งานร่วมกับ Amazon หรือ Alexa ได้ ดังนั้นคุณจึงสามารถสั่งการเครื่องฟอกด้วยเสียงของคุณได้แบบสบาย ๆ อีกด้วย

เครื่องฟอกอากาศ

เลือกเครื่องฟอกอากาศอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งานของคุณ

สำหรับใครที่อยากได้ เครื่อง ฟอกอากาศ แต่ไม่รู้ว่าควรเลือกอย่างไรดีจึงจะเหมาะสมกับการใช้งาน หรือ ไลฟ์สไตล์ของเรา วันนี้เว็บไซต์มีเคล็ดลับ หรือ วิธีในการเลือกเครื่องฟอกอากาศง่าย ๆ มาไว้ใช้งานกัน โดยก่อนอื่นเราควรคำนึงก่อนว่า ห้องที่เราจะนำเครื่องไปวางเป็นห้องอะไร มีขนาดเท่าไร เช่น หากเป็น เครื่องฟอกอากาศในห้องนอน และหากห้องนอนของคุณมีขนาดที่ไม่กว้างมากนัก คุณอาจจะเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีขนาด หรือ มีความสามารถในการฟอกอากาศพอดีกับขนาดของห้อง (ช่วยประหยัดค่าเครื่อง) และควรเลือกเครื่องฟอกที่มีเสียงเบา หรือ สามารถปิดแสงของตัวเครื่องได้ด้วยจะดีเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง แต่สำหรับใครที่ในบ้านมีเด็กเล็ก หรือ ต้องการนำไปไว้ในห้องเด็ก ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีฟังก์ชันล็อกปุ่มเพื่อป้องกันเด็กกดเล่น เป็นต้น

เครื่องฟอกอากาศ

แต่หากบ้านของคุณมีพื้นที่ในการวางที่จำกัด การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ ที่มีขนาดเล็ก แต่มีประสิทธิภาพในการฟอกที่สูง เช่น เครื่องฟอก Dyson อาจจะเป็นหนึ่งตัวเลือกที่อาจจะเหมาะกับการใช้งานของคุณ นอกจากนี้ก็จะเป็นในส่วนของความสามารถในการฟอก ที่ในปัจจุบันเครื่องหลาย ๆ รุ่นนอกจากจะฟอกฝุ่นได้แล้ว ยังสามารถฟอกกลิ่น, ไวรัส, แบคทีเรีย, ขนสัตว์เลี้ยง และอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นการเลือกเครื่องฟอกอากาศอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งานของคุณ ควรใช้เหตุผลอื่น ๆ นอกจากความสามารถในการฟอกมาเสริมเพื่อให้คุณได้เครื่องฟอกอากาศที่ถูกใจนั่นเอง 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

ข่าว Netflix ถึงขาลง หุ้นตก เพิ่มค่าบริการ แถมเตรียมเก็บค่าบริการไอดีที่ดูหลายบ้านเพิ่ม

ข่าว Netflix

หากย้อนไปเมื่อช่วง 1 – 2 ปี ก่อนหน้านี้ที่มีการระบาดของไวรัสโควิด – 19 อย่างหนัก ทำให้คนเราไม่สามารถออกไปทำกิจกรรมข้างนอกบ้านได้ ทำให้ผู้คนหันมาสนใจที่จะใช้งานแอปพลิเคชัน Netflix และ แอปสตรีมมิงอื่น ๆ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ล่าสุด ข่าว Netflix ส่งท้ายปี 2022 นี้ เริ่มมีสัญญาณข่าวที่ไม่ดีออกมาเป็นจำนวนมาก ทั้งข่าวเกี่ยวกับหุ้นที่ตกลงฮวบ ประกาศขึ้นราคาค่าสมาชิก ปรับเกณฑ์ในการสมัครสมาชิก และล่าสุดมีข่าวแว่วออกมาแล้วว่า Netflix เตรียมที่จะเก็บเงินเพิ่มจากไอดีในกรณีที่ผู้ใช้งานไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกัน หรือ กลุ่มคนที่ตั้งตี้ แชร์ไอดีกันเพื่อใช้บริการนั่นเอง

ข่าว Netflix ข่าวที่เป็นผลดีสำหรับทุกฝ่าย

ข่าว Netflix

ตามที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นเกี่ยวกับ ข่าวNetflix เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะรู้สึกว่า ข่าวต่าง ๆ เหล่านี้ดูเหมือนว่า จะเป็นข่าวที่ออกมาในทางแง่ลบ เริ่มตั้งแต่ Netflix ไล่ผู้บริหารออก, Netflix หุ้นตก ลามมาจนถึงข่าวเกี่ยวกับการเรียกเก็บค่าบริการเพิ่ม ซึ่งก่อนอื่นเราต้องขอพูดตรงไปตรงมาก่อนว่า ในปัจจุบันเรามักจะเห็นการโพสต์หาผู้คนเข้าร่วมการแชร์ค่าสมาชิกการใช้บริการสตรีมมิงต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก รวมไปถึง Netflix และแน่นอนว่าการกระทำเช่นนี้นอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎของแอปต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว ยังส่งผลเสียต่าง ๆ ตามมาอย่างมากมาย เช่น การทำให้ทุนในการสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจลดลง เป็นต้น 

ข่าว Netflix

ดังนั้นนอกจากทาง Netflix จะต้องการเพิ่มกำไรให้กับบริษัทแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทาง Netflix ต้องออกมาตรการต่าง ๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงเปิดแพ็กเกจรูปแบบใหม่ออกมา ก็เพื่อป้องกันการกระทำที่แหกกฎของเหล่าสมาชิก ซึ่งการเรียกเก็บค่าไอดีนั้นจะเรียกเก็บจากการจับโลเคชั่นว่าผู้ที่ใช้ไอดีเดียวกัน ได้มีการใช้งานอยู่ในโลเคชั่นเดียวกันหรือไม่ และหากมีการจับสัญญาณว่า ไอดีดังกล่าวใช้งานอยู่ต่างโลเคชั่นบ่อยครั้ง ทาง Netflix ก็มีการเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มนั่นเอง ซึ่งข่าวดังกล่าวนี้ก็มีการยืนยันออกมาแล้วว่าข่าว Netflix ไม่ให้แชร์ค่าบริการจึงเป็นข่าวจริง และกฎดังกล่าวจะเริ่มใช้งานในปี 2022 นี้

ค่าบริการ Netflix ปี 2022 รวมไปถึงแพ็กเกจใหม่ ปี 2023 

ข่าว Netflix

สำหรับข่าวNetflix ที่ถูกเปิดเผยออกมาล่าสุด จะมีข่าวเกี่ยวกับการเปิดบริการแพ็กเกจใหม่ออกมาด้วย ซึ่งแพ็กเกจดังกล่าวจะเปิดให้เพื่อน ๆ สามารถสมัครเป็นสมาชิกในปี 2023 ที่จะถึงนี้ โดยแพ็กเกจดังกล่าวคือ Basic with Ads (Basic พร้อมโฆษณา) ซึ่งแพ็กเกจดังกล่าว ผู้ใช้งานจะไม่สามารถดาวน์โหลดคอนเทนต์ต่าง ๆ เช่น หนัง , ซีรีส์ หรือ การ์ตูน มาไว้ดูแบบ Offline บนอุปกรณ์ได้ นอกจากนี้ระหว่างที่เรารับชมคอนเทนต์จะมีโฆษณาคั่นในช่วงเริ่มดูและระหว่างที่กำลังรับชม โดยความยาวของโฆษณาจะอยู่ที่ 15 – 30 วินาที โดยเฉลี่ยแล้วจะมีโฆษณารวมประมาณ 4 – 5 นาที/ชั่วโมง 

ข่าว Netflix

 Netflix มีโฆษณา จะเปิดให้เริ่มทดลองใช้งานในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2022 และจะเปิดให้ใช้งานใน ใน 12 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ออสเตรเลีย, สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส, เม็กซิโก, อิตาลี, แคนาดา, เกาหลีใต้, เยอรมัน, สเปน, สหราชอาณาจักร และ บราซิล และจะมีค่าบริการอยู่ที่ $6.99 ต่อเดือน (264.22 บาท) ส่วนในเมืองไทยคาดว่าจะถูกเปิดให้ใช้บริการในปี 2023 ที่จะถึงนี้ นอกจากนี้สำหรับ ค่าบริการ Netflix รายเดือน รวมไปถึงแพ็กเกจของปี 2022 นี้ ยังคงเป็นแพ็กเกจและค่าบริการเดิม โดยจะมีค่าบริการเริ่มต้นที่ 99 – 419 บาท ซึ่งหากเพื่อน ๆ คนไหนที่สนใจเป็นสมาชิกก็สามารถสมัคร และก็เริ่มใช้งานได้เลย

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com  ทดลองเล่นฟรี!

Categories
News

Apple TV 4K เจเนอเรชั่นถัดไปแห่งการดูสื่อบันเทิงที่มาพร้อมกับชิป A15 Bionic

Apple TV 4K

เรียกได้ว่า Apple TV 4K เป็นรุ่นที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดของApple TV เลยก็ว่าได้ เพราะรุ่นใหม่ล่าสุดมาพร้อมกับชิปประมวลผลเรือธงอย่าง ชิป A15 Bionic และเพิ่มระดับความคมชัดด้วยเทคโนโลยี HDR10+ ที่จะเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพให้ทุกคนพร้อมดูสื่อบันเทิงผ่านจอขนาดใหญ่แบบไม่ต้องกลัวว่าจะเสียอรรถรส และถ้ายังชัดไม่พอรอบนี้ทาง Apple เค้ายังยกระดับไปอีกขั้นด้วย Dolby Vision โดย Apple TV 4Kราคา เริ่มต้นที่ 5,290 บาท ส่วนสรรพคุณต้องขอสปอยไว้ก่อนว่าเหลือล้น เห็นแล้วระวังนอกใจ Android TV

Apple TV 4K เหมือนทีวีทั่วไปหรือไม่ ดีกว่าอย่างไรวันนี้มีคำตอบ

Apple TV 4K

พูดกันแบบไม่อวยไอ้เจ้าAppleTV 4K ก็ไม่ได้แตกต่างจาก AndroidTV สักเท่าไหร่ถ้าเป็นเรื่องรูปแบบการใช้งานหลัก เช่น ดูNetflix ฟังเพลง หรือดูรายการทีวี คราวนี้ถ้าถามว่าAppleTV 4Kน่าซื้อไหม ต้องขอบอกเลยว่าเป็นความชอบส่วนบุคคลจริงๆถ้าให้เปรียบก็คงเหมือนแฟนAppleกับ Android ที่ชอบและถนัดกันคนละแบบ แต่อย่างไรก็ถามขึ้นชื่อว่าApple แน่นอนว่าต้องมีฟีเจอร์ที่ทีวีทั่วไปไม่มีแน่นอนApple TV 4Kดูอะไรได้ บ้าง สิ่งที่ซื้อแล้วไม่ควรได้ มีดังนี้

Apple TV 4K
  • Apple TV+

ฟีเจอร์ที่ใครซื้อApple TV4K ไม่พลาดกันอยู่แล้ว ต้องยกให้ Apple TV+ สุดยอดแหล่งรวมซีรีส์ระดับพรีเมียม โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกโหมดการใช้งานให้เหมาะสมกับครอบครัวไม่ว่าจะโหมดสำหรับเด็ก หรือโหมดทั่วไปสื่อบันเทิงที่แถมมาให้รับรองน่าสนใจจนเวลาที่ใช้เลือกหนังก็กินไปเกือบครึ่งวันแล้ว

Apple TV 4K
  • Apple Arcade

นอกจากสื่อบันเทิงที่มี บน Apple TV รุ่นใหม่ล่าสุดตัวนี้ยังเอาใจสายเกมด้วยเกมระดับพรีเมียมมากมาย โดยจะมีเกมใหม่ๆอัปเดตเข้ามาให้เราได้เล่นกันอยู่ตลอดเวลา

Apple TV 4K
  • tvOS

อีกคุณสมบัติที่ใครยังไม่เคยลองอาจไม่รู้ เพราะใครจะไปรู้ว่าAppleTV 4K ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นทีวี แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้แบบรอบด้านไม่เว้นแม้แต่เก็บทุกช่วงเวลาของรอบครัวไว้บน iCloud และดูไปพร้อมๆกับครอบครัว ถือเป็นอีกช่วงเวลาแห่งความสุขที่สร้างได้ด้วยAppleTV4K

Apple TV 4Kฟีเจอร์เพียบ ใช้งานลื่นไหลสาวก Apple ไม่ควรพลาด

Apple TV 4K

สำหรับสาวก Apple ต้องขอย้ำอีกทีว่าห้ามพลาดเด็ดขาดสำหรับเจ้าAppleTV4K เครื่องนี้ นอกจากจะมาพร้อมกับราคาเปิดตัวเพียง 5,290 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi และรุ่นที่มี Ethernet เข้าร่วมเพิ่มจะอยู่ที่ราคา 5,990 บาท ทางด้านราคาก็ยังถือว่าจับต้องได้ยังไม่พุ่งสูงทะลุเพดานอย่างไอโฟน ทางด้านประสิทธิภาพขอบอกเลยว่าจัดเต็มด้วยพลังประมวลผลของชิป A15 Bionic ที่จะช่วยให้ Apple TVรุ่นใหม่ล่าสุด ทำงานได้รวดเร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 50% และช่วยให้เล่นเกมได้ลื่นไหลอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีสิ่งน่าสนใจอื่นๆให้ได้สัมผัสกันอีกมากมาย

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com เว็บการพนันออนไลน์

Categories
News

Legion 7 Series Notebook Gaming ระดับ Hi-end ราคาหลักแสน

Legion 7 Series

Legion 7 Series สำหรับบางคนโน็ตบุ๊คราคาหลักหมื่นต้นๆก็เพียงพอสำหรับการใช้งาน บางคนประมาณสองถึงสี่หมื่นก็เพียงพอกับการใช้งานแล้ว แล้วใครล่ะที่จะเหมาะกับ โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Hi-end แน่นอนขึ้นขื่ออว่า Hi-end ราคาต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว แทบจะ 100% ราคาแสนอัพ แล้วโน็ตบุ๊คราคาหลักแสนมีอะไรดีบ้างจะเทพกว่าปกติแบบธรรมดาแค่ไหน เหมาะสำหรับใครที่ซื้อไปแล้วจะคุ้มค่าที่สุด วันนี้จะพาไปดู โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งน่าใช้ 2022 ที่ชิปประมวลผลแรงที่สุดในตอนนี้อย่าง “AMD Ryzen 9 5900HX” มาคู่กับ “NVIDIA GeForce RTX 3080” รับรองแรงสมกับตำแหน่งอันดับ 1 แน่นอน

Legion 7 Series หนึ่งในสุดยอดของ Notebook Gaming จาก Lenovo

Legion 7 Series

เมื่อปี 2021 ที่ได้ทำการเปิดตัว โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งสเปคแรง ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องแรกของโลกที่มี Refresh Rate 165Hz สเปคแรงไม่แพ้ราคาเลย โดยราคาของเจ้าLegion7 Series เริ่มต้นที่ 96,790 บาท มาพร้อมกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 9 5900HX ชิปประมวลผลขึ้นแท่นอันดับ 1 ในตอนนี้ ส่วนการ์ดจอแยกก็ Hi-end ไม่แพ้กัน NVIDIA GeForce RTX 3080 Max-P ค่า TGP 165W เทคโนโลยี 8 นาโนเมตร เหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่ชอบเล่นเกมสเปคเทพ

Legion 7 Series
  • หน้าจอใหญ่ถึง 16 นิ้ว

Legion 7 Seriesเป็น Notebook Gaming เครื่องแรกของโลกที่หน้าจอใหญ่ถึง 16 นิ้ว อัตราการรีเฟรซเรท 165Hz ตัวเครื่องดูเรียบหรูทนทาน มีสกรีนคำว่า LEGENDS ที่ด้านซ้ายบนของฝาพับหน้าจอ ทำให้ตัวเครื่องเด่นมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครด้วยไฟ RGB ประดับตกแต่งรอบตัวเครื่อง แต่น้ำหนักสงสัยจะแบกสเปคมาเยอะอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัม ถือนานๆก็อาจมีปวดมือกันบ้าง

Legion 7 Series
  • เทคโนโลยี 8 นาโนเมตร แบบ 8 Core 16 Thread

มาดูด้านสเปคกันบ้าง Lenovo จัดเต็มอยู่แล้วกับการเปิดตัวรุ่น Hi-end Legion7 Series แต่ที่รู้ๆกันว่ามาพร้อมกับชิปประมวลผลที่แรงที่สุดของ โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง ณ เวลา นี้อย่าง AMD Ryzen 9 5900HX ด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร ความเร็ว 3.3 – 4.4 GHz และการ์ดจอแยกตัวแรง NVIDIA GeForce RTX 3080(8GB GDDR6) Max-P ค่า TGP 165W เทคโนโลยี 8 นาโนเมตร โดยทำงานแบบ 8 Core 16 Thread ช่วยเรื่องดึงประสิทธิภาพสูงสุดของชิปประมวลผล พร้อมทั้งลดความร้อนเพื่อสายเกมเมอร์โดยเฉพาะปัญหาเล่นไปนานๆแล้วเครื่องร้อนรับรองหายห่วง

Legion 7 Series
  • ความจุจัดเต็ม 1TB เพิ่มได้สูงสุด 32TB

ด้านของที่เก็บข้อมูลจัดเต็มไม่แพ้กันอย่างอื่น ให้ที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB มาถึง 2 ตัว ไฟล์เกม ไฟล์งานมาวัดกันว่าจะเยอะกว่าความจำที่ให้มารึเปล่า RAM 32GB DDR4 Bus 3200 MHz ติดตั้งตามแบบ 2 Core 16 Thread ถ้าใครยังไม่จุใจสามารถอัพเกรดเพิ่มขึ้นได้อีกสูงสุด 32TB แน่นอนว่าทั้งหมดที่ให้มานี้ใช้งานแบบเต็มประสิทธิภาพแบบลื่นไหลได้ทั้งเล่นเกม เรนเดอร์งานกราฟิกที่ต้องพึ่ง RAM เยอะๆ Notebook Gaming ตัวทำออกมาได้ไม่ผิดหวัง

จอสวยครีเอทงานกันเพลินๆ Legion7Series ครบเครื่องเรื่องโน๊ตบุ๊ต

Legion 7 Series

รูปลักษณ์ภายนอกบางเฉียบมาพร้อมกับหน้าจอพาเนลแบบ IPS อัตรารีเฟรซหน้าจอ 165Hz ที่ 3ms ความละเอียด Quad HD 2560×1600 Pixel อัตราส่วน 16:10 หน้าจอคมชัด อัตราการรีเฟรซสูงให้ความคมชัด ไหลลื่นทุกการใช้งานพร้อมด้วยกล้องเว็บแคมความชัดระดับ HD 720p แบบ E-Shutter มีไมค์ดิจิตอลในตัว และพอร์ตการเชื่อมต่อให้มาแบบเหลือใช้ สุดท้ายต้องยอมรับเลยว่า Legion7 Seriesคือ โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งน่าใช้ 2022 ตัวจบสำหรับใครหลายๆคน ด้วยชิปตัวท็อป และดีไซน์ใหม่ที่ทั้งดูเรียบหรูเหมาะกับทุกสไตล์การใช้งาน

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com คาสิโนออนไลน์ที่ให้คุณฝาก-ถอนได้แบบไม่มีขั้นต่ำ!

Categories
News

ASUS ROG Strix Scar 15 โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Hi-end คุณภาพระดับ eSport

ASUS ROG Strix Scar 15

ถ้าจะให้พูดถึงโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งระดับ Hi-end ที่พึ่งวางจำหน่ายในปี 2022 นี้ คงเป็นใครไม่ได้นอกจาก ASUS ROG Strix Scar 15 โน๊ตบุ๊คตัวท็อป ตัวแรงจากASUS ที่เปิดตัวไม่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แล้วก็จะมีอีกรุ่นคือROGStrix Scar17 เห็นชื่อคล้ายกันเลขต่อท้าย15 น้อยกว่า 17 อย่าพึ่งเข้าใจผิดไปเพราะ โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Hi-end ตัวท็อปที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i9-12900H แรงกว่า Gen 12 รุ่นก่อนๆแน่นอน การ์ดขอแจกก็ไม่แผ่วเหมือนกัน ให้ NVIDIA GeForce RTX 3080 ti สิทธิภาพเหลือล้นทุกการใช้งาน

ไม่ใช่แค่ราคาที่แรง ASUS ROG Strix Scar 15  สเปคแรงทะลุราคา

ASUS ROG Strix Scar 15
  • ดีไซน์ตัวเครื่อง

ดีไซน์ตัวเครื่องASUS ROG Strix Scar 15 สิ่งที่โดดเด่นออกมาเลยคือไฟ RGB ที่อยู่ตรงขอบด้านหน้า ตรงฝาหลังตัวเครื่องและมีสัญลักษณ์ ROG ซึ่งสีไฟจะเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ดแบบ Per-Key RGB ตัวเครื่องภายนอกดูดุดัน ถือว่าเป็นอีก โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งน่าใช้ 2022 สำหรับผู้ชายลุคคูลเหมาะสุดๆที่จะถือเจ้าASUS ROG Strix Scar15ไปเป็นโน๊ตบุ๊ค Hi-end คู่ใจ แถมยังมีโลโก้ “ROG” ด้านหลังตัวเครื่องที่สามารถถอดออกมาเปลี่ยนได้ โดยจะมีมาให้ด้วยกันทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีใส ดำ และน้ำเงิน นอกจากนี้จะเห็นได้เลยว่าช่องระบายความอยู่เต็มไปหมด เรียงกันสวยงาม รู้เลยว่าปัญหาความร้อนยากที่จะเกิดขึ้นแน่นอน

ASUS ROG Strix Scar 15
  • Number Pad ถูกอัพเกรด

ฟีเจอร์ที่ไม่เคยมีในรุ่นก่อนๆก็มีเพิ่มมาให้เห็นกันบ้าง อย่าง Number Pad ตรงนี้ว่าเปิดเครื่องมาแล้วหาไม่เจอก็อย่าพึ่งตกใจกันไป เพราะ โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งสเปคแรง เครื่องนี้ล้ำเข้าไปอีกขั้นกับ Number Pad แบบมีไฟสีขาวโผล่ข้ามาให้เห็นสู้แสงได้ดีทั้งหน้าจอ และ Number Pad เนื่องจากมีค่า sRGB 100% เหมาะกับการใช้งานกับแสงทุกพื้นที่ และสำหรับสายเกมเมอร์คงอยากได้คีย์บอร์ดที่กดมันมือด้วย ขอบอกเลยว่าคีย์บอร์ดที่ให้มากดมันมือสุดๆ เล่นเกมที่ต้องพึ่งนิ้วพริ้วๆASUS ROG Strix Scar15 ไม่ทำให้เสียอรรถรส เอาคะแนนความเดือดของแป้นพิมพ์ไปเลย 10 คะแนน

ASUS ROG Strix Scar 15
  • อัตรา Refesh rate สูงสุด 300Hz

พร้อมมอบประสบการณ์เสพคอนเทนต์ขั้นสุดด้วย Refesh rate 300Hz เป็นอัตรารีเฟรซหน้าจอที่สูงที่สุดในตอนนี้ สุดทุกทางจริงๆกับโน๊ตบุ๊ค Hi-end ตัวนี้ ระหว่างดูคอนเทนต์หรือเล่นเกมนานๆยังมีตัวช่วยเรื่องความร้อนอย่าง ROG Intelligent cooling รักษาทุกระดับอุณหภูมิและช่วยยืดอายุการใช้งาน โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งสเปคแรง ของเราด้วย Liquid Metal Conductonaut Extream เป็นตัวช่วยทุกช่วงเวลาของการใช้งาน แบตเตอรี่จ่ายไฟ 90Whr แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน 4S1P 4 cell li-ion ฮาร์ดแวร์ที่ช่วยลดความร้อนของแบตเตอรี่ และเป็นวัสดุชั้นยอดสำหรับการผลิตแบตเตอรี่

โน๊ตบุ๊คตัวจบ ประสิทธิภาพรอบด้าน

ASUS ROG Strix Scar 15

ASUS ROG Strix Scar 15จัดว่าเป็นตัวจบในทุกๆด้าน หน้าจอประสิทธิภาพสูงความคมระดับ FHD ความละเอียด 1920×1080 Pixel และสู้แสง สู้ทุกเฉดดีด้วย sRGB 100% ไม่ใช่แค่สายทำงานที่จะเหมาะกันโน๊ตบุ๊คตัวนี้ เพราะมีถึง AMD Ryzen 9 5900HX ทำงานร่วมกับ Intel core i9 12900H ตัวท็อปทั้งสองค่ายมาอัดอยู่ในเครื่องเดียวกันแบบนี้ ยังไงASUS ROG Strix Scar 15ก็คงหนีไม่พ้นตำแหน่ง โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง อันดับ 1 ประจำปี 2022 พร้อมทั้งคว้ารางวัลชนะเลิศเรื่องดีไซน์จาก Reddot Award 2022

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com เว็บพนันที่ให้คุณฝาก-ถอนฟรีแบบไม่มีขั้นต่ำ

Categories
News

Samsung Galaxy A53 5G มือถือสเปกแรง ราคาไม่เกิน 15,000 บาท

Samsung Galaxy A53 5G

สำหรับใครที่ตั้งงบไว้ไม่เกิน 15,000 บาท วันนี้มีมือถือตัวคุ้มมาแนะนำ คุ้มจริงๆแบบไม่มโน แบบโนสปอนเซอร์กันไปเลย ยุคนี้ชิปแรงๆมือถือแบรนด์ไหนก็ให้กันได้ ต้องมาแข่งกันที่ซอร์ฟแวร์บ้างแล้วว่าเจ้าไหนจะพัฒนาได้เร็วกว่ากัน และล่าสุด Samsung ได้เปิดตัว Samsung Galaxy A53 5G มือถือน้องใหม่ Samsung ราคาไม่เกิน 15000 บาท ที่ถ้าจะบอกว่าคุ้มค่าที่สุดในตอนนี้ก็คงไม่ได้ผิดอะไร ทำไมถึงต้องพูดขนาดนี้ ไม่ดูกันให้หายสงสัยกันเลยดีกว่า

Samsung Galaxy A53 5G จอสวยคุ้มเกินราคา

Samsung Galaxy A53 5G

มาเริ่มกันที่หน้าจอ Samsung ไม่เคยทำให้ผิดหวังสำหรับคุณภาพหน้า และใน Samsung A53 5G ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นเคย โดยหน้าจอให้มาเป็น Super AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 2400×1080 Pixel อัตราการรีเฟรซหน้าจอ 120Hz เพียงแค่หน้าจอก็โหดจนไม่รู้จะโหดยังไงแล้วถือเป็นอีก โทรศัพท์มือถือน่าใช้ ดูคอนเทนต์ หรือจะเล่นเกมกราฟิกสวยๆก็ยังรับรองว่าลื่นไหลมีไม่สะดุด

Samsung Galaxy A53 5G

สำหรับดีไซน์ตัวเครื่องSamsung Galaxy A53 ออกแบบมาเรียบหรู ขอบจอน้อยมากๆ ส่วนตัวชอบสุดๆเลยกับมือถือที่ไม่กินพื้นที่จอแสดงผลเพราะช่วยเพิ่มความดุเดือด เต็มอิ่มเวลาเล่นเกม แล้วก็ตอนดูซีรี่ส์ Netflix นั่นเอง ซึ่ง Samsungรุ่นใหม่ล่าสุด ก็ไม่เคยทำให้แฟนซัมซุงผิดหวังเช่นเคยแถมยังมีความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าSamsung GalaxyA52s 5Gในรอบนี้กลิ้งที่เคยนูนขึ้นมาโดนปรับแต่งทั้งให้มีความโค้งมนเข้ากับดีไซน์ตัวเครื่องมากขึ้น สีที่มีให้เลือกมีด้วยกัน 3 สี ได้แก่ Awesome Peach , Awesome Black และสี Awesome Blue

Samsung Galaxy A53 หมื่นห้าแต่ได้ชิปตัวแรง Samsung Exynos 1280 (5nm) 

Samsung Galaxy A53 5G

Galaxy A53 5G มาพร้อมกับชิปประมวลผลSamsung Exynos 1280 (5nm) หน่วยความจำ RAM 8GB ROM 128GB อัพเกรดได้สูงสุดถึง 1TB แต่ความแรงชิปนั้นไม่แพ้ Smartphone รุ่นเรือธงเลย การใช้งานโดยทั่วไปจนกระทั่งเล่นเกมแทบจะไม่เป็นความแตกต่างกันเลย ต้องเป็นเกมสเปคเทพปรับกราฟิกสูงสุดนานๆถึงจะเห็นความแตกต่างเรื่องอุณหภูมิอยู่บ้าง กับการโหลดฉาก แต่ความลื่นไป เฟรมเรตกระตุกอาการเหล่านี้ไม่มีให้เห็น ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ก็จัดเต็มเล่นกันให้ตาแฉะ 5000 mAh แต่บวกกับซอร์ฟแวร์ที่ช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่ ทำให้ใช้งานได้ยาวๆทั้งวัน ไม่ต้องกลัวว่าจะดับระหว่างวัน

Spec

Screen : Super AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 2400×1080 Pixel

Refresh rate : 120Hz

Camera : กล้อง 4 ตัว

  • เลนส์ Wide 64MP ,f/1.8 มาพร้อมเทคโนโลยีกันสั่น OIS
  • เลนส์ Ultrawide 12MP ,f/2.2 ถ่ายได้กว้างถึง 123 องศา
  • เลนส์ Macro 5MP ,f/2.4
  • เลนส์ Depth 5MP ,f/2.4
  • กล้องหน้า 32MP ,f/2.2

CPU : Samsung Exynos 1280 (5nm)

Battery : 5000 mAh แต่ดูเหมือนโดนหลอกว่าให้แบตเตอรี่มา 5000 mAh เพราะว่าใช้ได้นานเหมือนได้เยอะกว่าทางแบรนด์แจ้งซะอีก

Price : 14,499 บาท

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com เว็บคาสิโนออนไลน์ สมัครง่าย ไม่ยุ่งยาก

HILO-88.COM
HILO-88.COM