สอนใช้ มือถือ คอมพิวเตอร์ สอนสร้างเว็บ
Categories
News

Sennheiser IE 900 หูฟัง In Ear ระดับเรือธงจาก Sennheiser 

Sennheiser IE 900

Sennheiser เป็นแบรนด์หูฟังชั้นนำจากประเทศเยอรมนี ที่ผลิตหูฟังหูฟังคุณภาพดีออกมาหลายต่อหลายรุ่นด้วยกัน และที่สำคัญยังมีหูฟังให้เราเลือกหลายประเภท หลายสไตล์ ซึ่ง Sennheiser IE 900 ก็นับว่าเป็นหนึ่งในหูฟังระดับเรือธงจาก Sennheiser ที่ต้องบอกเลยว่าหูฟังรุ่นนี้ให้รายละเอียดเสียงดีชนิดที่ว่า เราสามารถสัมผัสเสียงที่ละเอียดอ่อนได้จากหูฟังรุ่นนี้ได้เลยก็ว่าได้

สเปคของ Sennheiser IE 900 หูฟังที่ตอบสนองความถี่ต่ำถึง 5 เฮิรตซ์ 

Sennheiser IE 900

สำหรับSennheiserIE900 เป็น หูฟัง In Ear ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่เดือนทางSennheiser ได้เปิดตัว Sennheiser IE300 มาก่อนแล้ว และสำหรับปี 2022 นี้ ก็ได้เปิดตัวSennheiserIE 600 ออกมาเช่นกัน แต่สาเหตุที่ทำให้เราหยิบเอา SennheiserIE 900 มารีวิว และเปิดสเปคให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันในวันนี้ ก็เพราะว่าสเปคโดยรวมของรุ่นดังกล่าวนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว 

โดยหูฟังรุ่นดังกล่าวตัวเรือนเป็นอะลูมิเนียม และผลิตด้วยเทคโนโลยี X3R TrueResponse transducer ขนาด 7 มม. ที่เป็นนวัตกรรมของ Sennheiser โดยเฉพาะ ไดร์เวอร์เดี่ยวซึ่งช่วยตัดปัญหาต่าง ๆ และที่สำคัญถูกนำมาใช้กับSennheiser IE 900รุ่นเดียวเท่านั้น และความพิเศษของหูฟังรุ่นนี้ยังเห็นหนึ่งในหูฟังที่ถูกผลิตขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของเซนไฮเซอร์ที่ประเทศเยอรมนี อีกทั้งยังเป็นหูฟังที่ผลิตด้วยมือทุกชิ้น

Sennheiser IE 900

นอกจากนี้ขั้วต่อ MMCX ถูกชุบด้วยทองเพื่อการเชื่อมต่อที่เสถียรมากยิ่งขึ้น ในกล่องเดียวกันมีสายหูฟังให้เลือกถึง 3 เส้น โดยแบ่งตามแจ๊คเสียบ 3 ขนาด ได้แก่ 2.5mm, 3.5mm และ 4.4mm และที่สำคัญยังมีน้ำหนักเบา ให้คุณภาพเสียงที่เป็นธรรมชาติ ไม่ผิดเพี้ยน สมดุล และที่สำคัญด้วยการตอบสนองความถี่ที่ 5 – 48,000 เฮิรตซ์ (หูคนรับรับได้สุด 20,000 เฮิรตซ์) จึงทำให้หูฟังรุ่นนี้กลายเป็นหูฟังที่ให้รายละเอียดของเสียงที่ได้ยินดีที่สุด 

ราคาของ SennheiserIE900 ที่เปิดตัวมาพร้อมราคาครึ่งแสน

สำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของSennheiserIE900รุ่นนี้ ปัจจุบันหูฟังรุ่นนี้เปิดขายในไทยอย่างเป็นทางการแล้วเป็นที่เรียบร้อย โดยSennheiser IE 900ราคา อยู่ที่ 56,990 บาท แต่สำหรับสินค้าบนเว็บไซต์ Sennheiser Thailand ในตอนนี้หมดแล้วเป็นที่เรียบร้อย แต่สำหรับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายหลาย ๆ ร้านยังพอมีหูฟัง IE900 รุ่นนี้ให้คุณสามารถจับจองเป็นเจ้าของอยู่บ้าง 

Sennheiser IE 900

นอกจากนี้สำหรับใครที่อยากได้รุ่นอื่น ๆ เช่น IE 600 หรือ IE 300 ในขณะนี้บนเว็บไซต์ Sennheiser Thailand ยังมีสินค้าให้เพื่อน ๆ สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้อยู่ และที่สำคัญ IE 300 ยังจัดลดราคาจาก 10,999 บาท เหลือเพียง 7,590 บาทเท่านั้น ดังนั้นใครที่อยากได้หูฟัง In Ear มาไว้ทำงาน หรือฟังเพลงอาจจะต้องรีบแล้ว

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

Sony Bravia XR OLED A80K ทีวี Sony รุ่นใหม่ล่าสุดในปี 2022

ทีวี Sony

สำหรับใครที่กำลังอยากได้สมาร์ททีวีรุ่นที่ใช้ไปถึงปี 2023 แล้วก็ยังไม่ตกรุ่น วันนี้เรามี Sony Bravia XR OLED A80K ทีวี Sony มาแนะนำ เนื่องจากทีวีรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ท็อปสุดในซีรีส์ Sony Bravia เลยก็ว่าได้ ซึ่งสเปคของสมาร์ททีวีรุ่นนี้จะเป็นอย่างไร และน่าสนใจขนาดไหน เราข้อมูลต่าง ๆ ที่เราได้รวบรวมมาฝากทุกคนในวันนี้ได้เลย

เปิดสเปคของ ทีวี Sony Bravia XR OLED A80K ที่มีให้เลือกถึง 3 ขนาด

ทีวีSony รุ่น Bravia XR OLED A80K มาพร้อม 3 ขนาด ได้แก่ 55 นิ้ว, 65 นิ้ว และ 77 นิ้ว โดยทุกรุ่นเป็น สมาร์ททีวีที่มาพร้อมจอภาพ OLED 4K และชิปประมวลผล XR ซึ่งเป็นชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง Sony ที่เปิดตัวใช้งานมาเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมานี้เอง โดยชิปรุ่นดังกล่าวจะสามารถประมวลผลทั้งภาพ และ เสียง ด้วยประสิทธิภาพของชิป และจอภาพจึงทำให้คุณสามารถสัมผัสทั้งภาพและเสียงในระดับสมจริง และคมชัดมากยิ่งขึ้น เช่น ในส่วนของภาพที่มืดก็จะมืดแบบสนิทที่สุด หรือ ในส่วนที่เป็นสีก็จะให้สีที่ไม่เพี้ยนไปจากความเป็นจริงนั่นเอง

ทีวี Sony

นอกจากนี้ อย่างที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า Sony Bravia XR OLED A80K รุ่นนี้เป็นสมาร์ททีวีที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Google TV ที่ให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังร้องรับทั้งการพิมพ์ และ การสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยอีกด้วย และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ หากเรามองจากภายนอกของ ทีวี Sony BRAVIA รุ่นนี้เราจะมองไม่เห็นลำโพงของตัวทีวีเลย นั่นก็เป็นเพราะเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของ Sony ที่มีชื่อว่า Acoustic Surface Audio+ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จะทำให้คุณได้ยินเสียงของที่วีผ่านทางหน้าจอ เนื่องจากทาง Sony ได้ทำการฝันลำโพงไว้ทางด้านหลังของหน้าจอ ดังนั้นประสบการณ์ที่คุณจะได้รับคือ เราจะรู้สึกว่าเสียงที่เรากำลังได้ยินนั้นออกมาจากแหล่งกำเนิดเสียงนั้น ๆ ซึ่งนับว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าสัมผัสเป็นอย่างยิ่ง

ราคาของ Sony Bravia XR OLED A80K เริ่มต้นเพียง 66,990 บาท

ทีวี Sony

หากคุณอยากเป็นเจ้าของทีวีSonyที่สามารถสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่แบบนี้ อย่างที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นว่าSony Bravia XR OLED รุ่นนี้มีให้เลือกถึง 3 ขนาดด้วยกัน โดย ทีวีSony55 นิ้ว 4K ราคา 66,990 บาท, ขนาด 65 นิ้ว ราคา 89,990 บาท และ ขนาด 77 นิ้ว มีราคาอยู่ที่ 139,990 บาท นอกจากนี้เพื่อน ๆ ยังสามารถซื้อกล้อง Bravia Cam ที่นับว่าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์เสริมที่จะช่วยยกระดับทีวีของคุณให้สุดยอดขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับในเรื่องของการ VDO Call หรือแม้แต่กระทั่งใช้เป็นเซนเซอร์ตรวจจับว่า คุณอยู่ในจุดให้ของจอเพื่อที่จะได้นำมาประมวลผลและปรับระดับคุณภาพของภาพและเสียงให้เข้ากับตำแหน่งที่คุณมองเห็น เพื่อเป็นการเพื่มอรรถรสในการรับชมของคุณนั่นเอง และที่สำคัญไปกว่านั้นคือการขึ้นข้อความแจ้งเตือน เมื่อคุณหรือเด็ก ๆ กำลังนั่งในตำแหน่งที่ใกล้กับหน้าจอมากจนเกินไป และอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณได้อีกด้วย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

3 เครื่องฟอกอากาศในรถ รุ่นไหนดี สำหรับปี 2023 นี้

เครื่องฟอกอากาศในรถ

ปัจจุบันเครื่องฟอกอากาศนับว่าเป็นหนึ่งในไอเทมที่มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของเราในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่จนส่งผลให้หลาย ๆ คนมีอาการป่วย เช่นภูมิแพ้, ผื่นคัน หรืออาจจะรุนแรงไปจนถึง โรคมะเร็งปอด ดังนั้นการมีเครื่องฟอกอากาศไว้ในบ้าน หรือ เครื่องฟอกอากาศในรถ ก็นับว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เราลดความเสี่ยงจากโรคต่าง ๆ ที่เกิดจากฝุ่น โดยเฉพาะ PM2.5 ซึ่งมีมากเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน และก่อนหน้านี้เว็บไซต์ของเราเคยแนะนำเครื่องฟอกอากาศสำหรับใช้ในบ้านไปแล้ว ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากแนะนำ 3เครื่องฟอกอากาศในรถ รุ่นไหนดี สำหรับปี 2023 นี้ มาฝากทุกคนกัน

รวม 3 เครื่องฟอกอากาศในรถ ที่สามารถกรองฝุ่นอนุภาคเล็กถึง 2.5 ไมครอน 

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังรอบทความแนะนำเครื่องฟอกอากาศในรถจากเว็บไซต์ของเรา วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลเหล่านั้นมาให้ทุกคนแล้ว ซึ่งมีเครื่องฟอกอากาศจากแบรนด์ต่าง ๆ ดังนี้

  • GoPure 7101 
เครื่องฟอกอากาศในรถ

เครื่องฟอกอากาศในรถ Philips ที่สามารถปกป้องมลพิษได้มากถึง 125 ประเภท เช่น การกำจัดก๊าซพิษ, กรอง PM 2.5 และ ขจัดควัน NO₂/SO₂ ที่เป็นอันตรายจากการจราจร เป็นต้น อีกทั้งยังสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป Air Matters และที่สำคัญ แผ่นกรองยังได้รับการรับรองจาก Airmid ว่าสามารถขจัดสารก่อภูมิแพ้ในอากาศได้สูงถึง 90% และ แผ่นกรองบังมีอายุการใช้งานถึง 350 ชั่วโมงเลยทีเดียว

ราคา: ประมาณ 6,011 บาท

  • Xiaomi MiJia Car Air Purifier 
เครื่องฟอกอากาศในรถ

เครื่องฟอกอากาศในรถ Xiaomi ที่สามารถฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็ว โดยมีอัตราความเร็วในการกำจัดสิ่งปนเปื้อนที่ถูกดูดผ่านเครื่องฟอกอากาศ (CADR) ที่ 60 ลบ.ม./ชั่วโมง ในเวลาเพียง 3 – 7 นาที สามารถกรองฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า PM2.5/PM0.3-0.5 ได้มากถึง 99.99% สามารถเชื่อมต่อการใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน และที่สำคัญไส้กรองเครื่องฟอกยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน มากกว่า 4,000 ชั่วโมงเลยทีเดียว

ราคา: ประมาณ 2,180 บาท

  • IQAIR รุ่น ATEM Car
เครื่องฟอกอากาศในรถ

เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ที่สามารถป้องกันอนุภาคอัลตร้าไฟน์ UFPs ที่มีขนาดเล็กกว่า 0.1 ไมครอนซึ่งเป็นปัญหาหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจ, หัวใจเต้นผิดจังหวะ, โรคหอบหืด แม้กระทั่งโรคมะเร็ง เป็นต้น นอกจากนี้ตัวกรองอากาศของ IQAir ในรุ่น Atem ได้รับการรับรองแล้วว่า สามารถกรองฝุ่น และสารพิษที่มาอนุภาคเล็กถึง 0.003 ไมครอน เช่น ฝุ่นละเอียด PM2.5, ละอองเกสรดอกไม้, สปอร์เชื้อเรา และแบคทีเรีย รวมถึงไวรัสทุกชนิดทด้วยประสิทธิภาพการกรองละเอียดถึง 99% อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อการใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน IQAir Atem ได้อีกด้วย

ราคา: ประมาณ 17,900 บาท

เครื่องฟอกอากาศสำคัญอย่างไร และ เครื่องฟอกอากาศในรถจําเป็นไหม

เครื่องฟอกอากาศในรถ

ก่อนที่เราจะไปพูดถึงความสำคัญ และ ความจำเป็นของ เครื่องฟอกอากาศ ในรถ ก่อนอื่นเราต้องขอพูดถึงมลภาวะทางอากาศที่มีมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะเขตเมือง ซึ่งเป็นเขตที่มีอากาศบริสุทธิ์ค่อนข้างน้อยเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งควันเสียจากรถยนต์ก็นับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศ ดังนั้นในหลาย ๆ ประเทศในทวีปยุโรปจึงมีกฎหมายเกี่ยวกับการเก็บภาษีรถยนต์ตามอัตราการปล่อยไอเสียโดยเฉพาะในเขตเมือง และหากเป็นรถที่ขับขี่ในเมืองที่มีรถติดค่อนข้างมาก นอกจากจะส่งผลเสียเป็นวงกว้างแล้ว ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือ บรรดาผู้ใช้รถ ใช้ถนนนั่นเอง เนื่องจาก ฝุ่น สารพิษ รวมไปถึงสารที่ก่อให้เกิดอันตรายต่าง ๆ จากการจราจร ก็จะเข้ามาในรถยนต์ของเราอย่างปฏิเสธไม่ได้ และเราก็จะได้รับสารพิษต่าง ๆ เหล่านั้นแบบเต็ม ๆ ซึ่ง เครื่องฟอกอากาศรถ จึงเข้ามาเป็นตัวช่วยในการกรองอากาศภายในรถให้มีความบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น

เครื่องฟอกอากาศในรถ

นอกจากนี้สำหรับใครที่สงสัยว่า เครื่องฟอกอากาศในรถจําเป็นไหม ส่วนตัวแล้วเรารู้สึกว่า เครื่องฟอกอากาศภายในรถ ค่อนข้างมีความจำเป็นมากพอสมควร โดยเฉพาะสำหรับคนที่ใช้รถบ่อย ๆ เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศบางรุ่นนอกจากจะกรองฝุ่นและสารพิษได้แล้ว ยังสามารถกำจัดได้ทั้งกลิ่น แบคทีเรีย และ ไวรัส ได้อีกด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยหลังที่ทำให้เราป่วย หรือ ไม่สบาย ดังนั้นการเลือกเครื่องฟอกอากาศในรถที่มีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานของเราก็นับว่าเป็นอุปกรณ์เสริมที่จำเป็นพอสมควร

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

เปิดตัวแล้ว! Microsoft Surface Pro 9 ไฮบริดแล็ปท็อปรุ่นใหม่จาก Microsoft

Microsoft Surface Pro 9

เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ Microsoft Surface Pro 9 ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวลือเกี่ยวกับสเปคของไฮบริดแล็ปท็อปรุ่นนี้ออกมาเป็นจำนวนมาก จนล่าสุดทาง Microsoftก็ได้ปล่อยสินค้าออกมาแล้วอย่างเป็นทางการ (ในต่างประเทศ) ซึ่งสเปคและข้อมูลต่าง ๆ ของแล็ปท็อปรุ่นนี้จะน่าสนใจขนาดไหนบ้าง เราไปดูกันเลย

Microsoft Surface Pro 9 ไฮบริดแล็ปท็อปที่มาพร้อมชิปเซ็ตหลายรุ่น

Microsoft Surface Pro 9

สำหรับMicrosoft Surface Pro 9 หรือ Surface pro 9 เปิดตัวมาทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Surface Pro 9 และ Surface Pro 9 5G ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้ยังใช้ชิปเซ็ตที่แตกต่างกันออกไปด้วย โดย Surface pro 9 (รุ่น Wi – Fi) จะมาพร้อม ชิปเซ็ต Intel Core i5-1235U หรือ Intel Core i7-1255U RAM 8GB/16GB/32GB (LPDDR5) และความจุตั้งแต่ 128GB, 256GB, 512GB และ 1TB กราฟิกการ์ด Intel Iris Xe Graphics และสำหรับรุ่น SurfacePro9 with 5G มาพร้อมชิปเซ็ตMicrosoft SQ3 (Snapdragon 8cx Gen 3) และชิป Neural Processing Unit (NPU) RAM 8GB/16GB (LPDDR4x) และความจุ 128GB/256GB/512GB กราฟิกการ์ดMicrosoft SQ3 Adreno 8CX Gen 3

Microsoft Surface Pro 9

ในส่วนของหน้าจอ ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับจอภาพ PixelSense Flow Display ขนาด 13 นิ้ว อัตราการรีเฟรชแบบไดนามิกสูงถึง 120Hz (รุ่น Wi – Fi รีเฟรชที่ 120Hz รองรับอัตราการรีเฟรชแบบไดนามิก) แบตเตอรี่รุ่น Wi – Fi สามารถใช้งานอุปกรณ์ทั่วไป 15.5 ชั่วโมง และ รุ่น 5G สามารถใช้งานอุปกรณ์ทั่วไป 19 ชั่วโมง สุดท้ายในส่วนของกล้อง New Microsoft Surface Pro 9ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกล้องหน้าซึ่งเป็นกล้องตรวจสอบใบหน้า “Windows Hello” และสามารถถ่ายวิดีโอด้วยความละเอียด Full HD 1080p และสำหรับกล้องหลังเป็นกล้องออโต้โฟกัสที่ให้ความคมชัด 10.0MP พร้อมถ่ายวิดีโอด้วยความละเอียด 1080p HD และสูงสุดถึง 4k เลยทีเดียว

Surface Pro 9 ราคา เริ่มต้นเพียง 999.99 เหรียญดอลลาร์

Microsoft Surface Pro 9

สำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของ Microsoft SurfacePro9 ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า ไฮบริดแล็ปท็อปรุ่นใหม่นี้ยังไม่ถูกวางจำหน่ายในเมืองไทย ดังนั้นใครที่อยากได้อาจจะต้องรอออกไปก่อน แต่สำหรับในต่างประเทศSurface Pro9ทั้ง 2 รุ่นได้มีการวางจำหน่ายและเปิดให้จองบนเว็บไซต์ต่าง ๆ แล้วเป็นที่เรียบร้อย โดย Microsoft surface pro9 ราคา เริ่มต้นอยู่ที่ $999.99 (37,959.62 บาท) สำหรับรุ่น Wi – Fi และ $1,299.99 (49,347.62 บาท) สำหรับรุ่น 5G และสำหรับสีจะแตกต่างออกไปตามแต่ละชิปเซ็ต โดยจะมีสีตาชิปเซ็ตดังต่อไปนี้12th Gen Intel Core i5 สี Platinum, Intel Evo 12th Gen aCore i5 สี

Microsoft Surface Pro 9

Platinum/Sapphire/Forest/Graphite, Intel Evo 12th Gen Core i7 สี Platinum/Sapphire/Forest/Graphite และ Microsoft SQ3 สี Platinum นอกจากนี้Microsoft surface pro9คีย์บอร์ด ยังสามารถถอดออกและเชื่อมต่อกับตัวเครื่องได้อย่างง่ายได้เมื่อต้องการ หรือไม่ต้องการใช้งาน และสำหรับใครที่รู้สึกว่า surface pro9 ในราคา 3 – 4 หมื่นบาทเป็นราคาที่สูงเกินไป แต่เราอยากบอกเช่นนี้ว่า ในราคานี้คุณจะได้ทั้งคีย์บอร์ด และปากกาMicrosoft Surface Slim Pen 2 คุณจึงไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้ออุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เหล่านี้แต่อย่างใด 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

ไอโฟน14 plus มีความแตกต่าง น่าสนใจยังไง สิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อ

ไอโฟน14 plus

มาทำความรู้จัก ไอโฟน14 plus มีความแตกต่าง และน่าสนใจยังไง ดังนั้นมาดูกันว่า iPhone 14 plus มีอะไรบ้าง ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ

ไอโฟน14 plus คือรุ่นมาตรฐานที่อัพไซส์

จึงแม้จะมีการเปิดตัววางจำหน่าย iPhone 14‌, iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ไปก่อนหน้านี้ แต่สำหรับ iPhone 14 Plus นั้นถือว่ามาช้ากว่ารุ่นอื่นเพราะเพิ่งจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งก็มีบางอย่างที่หลายคนยังไม่รู้เกี่ยวกับ iPhone 14 Plus ว่าน่าสนใจ และแตกต่างจากรุ่นอื่นยังไง เราจึงข้อควรรู้มาบอกกัน

ไอโฟน14 plus
  1. สเปกของกล้องไอโฟน14 plus เป็นแบบเดียวกันกับ iPhone 14

กล้องของ1 iPhone 4 plus ใช้สเปกกันกับ ไอโฟน 14 ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ต่าง ๆ รูปแบบการจัดวาง ความละเอียด รูรับแสง ระบบป้องกันภาพสั่นไหว พูดง่าย ๆ ก็คือทั้งสองไม่อะไรแตกต่างกันดังนั้นคุณสมบัติด้านการถ่ายภาพจึงดีเหมือน ๆ กัน

  1. ขับเคลื่อนระบบโดย A15 Bionic

สำหรับไอโฟน 14 จะมีชิปอยู่ 2 แบบ คือ A15 Bionic และ A16 Bionic ซึ่งทั้งไอโฟน 14 และ ไอโฟน 14Plus ใช้ชิปแบบ A15 Bionic ที่เหมือนกับ ไอโฟน 13 Pro ที่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่จากแตกตรงที่ GPU Core จะดีกว่าไอโฟน 13 Pro แต่ความแรงก็ยังด้อยกว่า ไอโฟน14 Pro ที่ใช้ชิปรุ่นใหม่ที่ช่วยในเรื่องของความร้อนได้มากกว่า

ไอโฟน14 plus
  1. มีจอแบบ Super Retina XDR ขนาดใหญ่

ไอโฟน14 plus มีหน้จอขนาด 6.7 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดเดียวกันกับ iPhone 14 Pro Max รวมไปถึงชนิดหน้าจอก็เป็น Super Retina XDR เหมือนกัน แต่จะแตกต่างตรงที่ไม่มีเทคโนโลยี Pro Motion, ค่าความสว่าง และ Dynamic Island

  1. เครื่องที่ใหญ่กับแบตเตอรี่ที่อึดใช้ได้นาน

ไอโฟน 14 Plus เป็นรุ่นระดับเริ่มต้นที่นอกจากจะจะมีขนาดหน้าจอใหญ่ 6.7 นิ้วแล้วยังเป็นรุ่นที่ใช้แบตเตอรี่ใหญ่ (มีรุ่น Pro ที่ใช้แบตฯ ขนาดเดียวกัน) ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน หากถามว่าอึดนานขนาดไหน อ้างอิงข้อมูล Apple ก็คือดูหนังได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 26 ชั่วโมง ฟังเพลงได้ 100 ชั่วโมง สามารถชาร์จไฟผ่าน MagSafe ชาร์จไฟได้มาก 50 % ภายในเวลา 30 นาที (เท่าไอโฟนรุ่นอื่น ๆ) 

ไอโฟน14 plus
  1. ความแข็งแรงทนทาน

ไอไฟนที่ออกมาทั้ง 4 รุ่น ถือว่ามีความทนมาก ๆ เพราะใช้กระจกหน้าจอแบบ Ceramic Shield ที่มีความแข็งแรงกว่าเดิม สามารถกันน้ำได้ลึก 6 เมตร นาน 30 นาที ใครทีชอบทำโทรศัพท์ตกน้ำบ่อย ๆ คงถูกใจสิ่งนี้

ไอโฟน14 plus

เรียกได้ว่า ไอโฟน14 Plus ก็เป็นอีกรุ่นที่ออกมาตอบโจทย์ถ้าคุณอยากได้ iPhone ที่จอใหญ่แต่งบไม่เยอะ นี่เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจอยู่ครับ แต่ราคาเริ่มต้นที่ 37,900 บาท จะถูกใจคุณหรือไม่ อาจจะต้องขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของแต่ละคนนะครับ

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

iPad Pro M2 ไอเพดรุ่นใหม่ที่มาพร้อมชิปใหม่ล่าสุดจาก Apple 

iPad Pro M2

สิ้นสุดการรอคอยสำหรับ iPad Pro M2 เนื่องจากล่าสุดทาง Apple ได้ทำการเปิดตัว iPad และ iPad Pro รุ่นใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยไอแพดโปรรุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับ ชิป M2 ซึ่งเป็นชิปตัวใหม่ล่าสุดจากทาง Apple ที่ถูกนำมาใช้กับ MacBook Pro รุ่น 13 และ MacBook Air รุ่นใหม่ที่ถูกเปิดตัวไปก่อนหน้านี้นั่นเอง แต่สำหรับสเปคของ iPad Pro M2 จะน่าสนใจขนาดไหนนั้นเราไปดูพร้อมกันเลย

iPad Pro M2 ที่สายกราฟิก และ ครีเอเตอร์ต้องมีสักเครื่อง 

iPad Pro M2

สำหรับiPadPro M2 หรือ iPad Pro2022 เป็นไอแพดที่มาพร้อมกับชิป M2ซึ่งเป็นชิปใหม่จากทาง Apple โดยชิปรุ่นนี้จะทำให้อุปกรณ์นั้นมีความเร็วแรงมากยิ่งขึ้นกว่าที่เคย โดยชิปปรุ่นนี้จะมาพร้อมกับ CPU แบบ 8-core, GPU แบบ 10-core และ Neural Engine แบบ 16-core จึงทำให้ประสิทธิภาพในการรันข้อมูล และ ประสิทธิภาพกราฟิกเร็วขึ้นหลายเท่าตัว และที่สำคัญชิปรุ่นนี้ยังถูกพัฒนาการทำงานด้านอื่น ๆ ให้เร็วมากขึ้นจึงส่งผลให้คุณสามารถสร้างงานออกแบบ 3D, สร้างโมเดล AR ที่ และเล่นเกมไปพร้อมคุณภาพกราฟิกระดับคอนโซลที่มีอัตราเฟรมเรทที่สูงได้เร็วยิ่งกว่าที่เคยบน New iPad ProM2ได้เลย

iPad Pro M2

iPad Por ยังมีทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่นรุ่น 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว โดยรุ่นที่มาพร้อมกับจอภาพ 12.9 นิ้ว จะเป็นจอภาพแบบ Liquid Retina XDR ที่มีอัตรารีเฟรชแบบปรับได้ที่ 120Hz ความสว่างแบบเต็มจอ 1,000 นิต HDR (ความสว่างสูงสุดเฉพาะจุด) 1,600 นิต True Tone เพิ่มพลังความสว่างจาก Mini-LED กว่า 10,000 ดวง ซึ่งความพิเศษของ Mini-LED ที่นำมาใช้บน iPad Pro รุ่นนี้ยังมีขนาดที่เล็กกว่ารุ่นก่อน ๆ ถึง 120 เท่าเลยทีเดียว ส่วนสำหรับรุ่น 11 นิ้ว จะมาพร้อมกับหน้าจอแบบ Liquid Retina ความสว่างแบบเต็มจอที่ 600 นิตนั่นเอง 

iPad Pro M2

นอกจากนี้สำหรับไอแพดรุ่นนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับ iPadOS 16 ได้ดี และมีประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่ง สามารถถ่ายโอนข้อมูลด้วย Thunderbolt ได้เร็วสูงสุด 40Gb/s กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP และสามารถปลดล็อค iPad ด้วย Face ID และในส่วนของกล้องหลังมาพร้อมกันทั้งหมด 2 เลนส์ด้วยกัน ได้แก่ กล้องไวด์ 12MP และกล้องอัลตร้าไวด์ 10MP รองรับสัญญาณ 5G และที่สำคัญยังสามารถใช้งานร่วมกับ Apple Pencil หางจากหน้าจอได้ไกลสูงสุด 12 มม. เลยทีเดียว

ราคาของ ไอแพดโปร M2 แต่ละรุ่น 

iPad Pro M2

สำหรับ iPadPro M2นั้นมีทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ รุ่นหน้าจอ 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว โดยทุกรุ่นจะมาพร้อม 2 สี ได้แก่ เทาสเปซเกรย์ และ เงิน และในส่วนของราคา iPad ProM2 ราคา เริ่มต้น 32,900 บาท รุ่น 11 นิ้ว ความจุ 128GB Wi-Fi และ Wi-Fi + Cellular จะอยู่ที่ 38,900 บาท ส่วนรุ่นหน้าจอ 12.9 นิ้ว จะมีราคาเริ่มต้นที่ 44,900 ความจุ 128GB Wi-Fi และ Wi-Fi + Cellular จะอยู่ที่ 50,900 บาท ซึ่งเป็นราคาเริ่มต้นที่สูงกว่า iPad ProM1 อยู่เล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้สำหรับทั้ง 2 รุ่น ยังมีความจุสูงสุดถึง 2 TB เลยทีเดียว 

อ่านบทความอื่นๆ:

HILO-88.COM
HILO-88.COM