สอนใช้ มือถือ คอมพิวเตอร์ สอนสร้างเว็บ
Categories
วิธีดูแลรักษา

เมื่อแบตเตอรี่โทรศัพท์บวม ควรปฏิบัติอย่างไร

เมื่อแบตเตอรี่โทรศัพท์บวม ควรปฏิบัติอย่างไร

   เมื่อคุณสังเกตเห็นว่ามีโทรศัพท์ของคุณแบตเตอรี่โทรศัพท์บวม นั้นถือเป็นสัญญาณเตือนให้คุณรู้ว่าควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้แล้ว เพราะหากคุณยังเปลี่ยนไว้แบบนั้นมันอาจส่งผลอันตรายต่อคุณและโทรศัพท์ขอคุณได้ ซึ่งแบตเตอรี่เป็นที่ชิ้นส่วนสำคัญสำหรับโทรศัพท์ ที่จำเป็นต้องมีการดูแลรักษาอย่างดี เพราะมีอายุการใช้งานจำกัด หากแบตเริ่มเสื่อมสภาพ ย่อมมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายขึ้นได้ อย่างเช่น เครื่องพัง หน้าจอ ปุ่มกดเสียหาย ไปจนถึงตัวเครื่องไหม้หรือระเบิดได้ แล้วสาเหตุที่ทำให้แบตโทรศัพท์เกิดอาการบวมเกิดจากอะไร และมีวิธีปฏิบัติอย่างไร วันนี้เรามีคำตอบและคำแนะนำมาฝากทุกคน จะมีอะไรบ้างตามเรามาดูกันเลยค่ะ

สาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่โทรศัพท์บวมเป็นเรื่องทางเคมี

   แบตเตอรี่โทรศัพท์บวมมีสาเหตุเกิดจากเรื่องทางเคมี โดยเว็บไซต์ iFixit ได้ให้คำตอบว่าโดยทั่วไปแล้วแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนต้องอาศัยปฏิกิริยาทางเคมีในการชาร์จ ดังที่หลายๆคนอาจเคยเรียนจากวิชาเคมีในโรงเรียน ซึ่งหากปฏิกิริยาทางเคมีไม่ได้ใช้รีเอเจนต์ที่มีอยู่จนหมดมันจะสร้างผลพลอยได้แทนและบางครั้งผลพลอยได้เหล่านั้นก็ไม่เป็นที่ต้องการ ดังนั้นหากคุณชาร์จแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนผิดปกติกระบวนการนี้จะสร้างก๊าซแทนที่จะชาร์จเพียงอย่างเดียว ก๊าซนี้จะก่อตัวขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปและเนื่องจากแบตเตอรี่ถูกปิดผนึกอย่างแน่นหนาจึงขยายตัว แทนที่จะระบายออก โดยขั้นตอนนี้จะทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้แบตเตอรี่ได้รับก๊าซมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเป็นสาเหตุที่แบตเตอรี่โทรศัพท์ดันหน้าจอออกจากตัวเครื่อง และหากคุณชาร์จต่อไป ในที่สุดแบตเตอรี่ก็อาจจะระเบิดได้ ซึ่งเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับ Samsung Galaxy Note 7 เมื่อปี 2559 หลายๆคนคงจำได้เพราะช่วงนั้นเป็นข่าวดังมาก

วิธีปฏิบัติเมื่อแบตโทรศัพท์ของคุณบวม

   อันตรายที่เกิดจากแบตเตอรี่เสื่อมหรือบวม เริ่มจากทำให้ส่วนอื่น ๆ ของเครื่องเสียหาย เช่นหน้าจอ ฝาหลังโก่งและงอ ปุ่มกดใช้งานไม่ได้ เพราะแบตเตอรี่บวมจนดันส่วนประกอบภายใน ถ้าคุณยังใช้งานต่อโอกาสสูงที่ตัวเครื่องจะไหม้หรือระเบิดได้ หากไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ ควรหยุดใช้โทรศัพท์เครื่องนั้นโดยด่วน และสิ่งแรกที่คุณควรทำกับเมื่อแบตเตอรี่โทรศัพท์บวมคือคุณไม่ควรชาร์จโทรศัพท์ จากนั้นให้วางไว้ในที่แห้งและเย็น และทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

    1.อย่าชาร์จหรือใช้งานโทรศัพท์

   เมื่อคุณสังเกตเห็นว่าแบตเตอรี่โทรศัพท์บวมหรือถูกเสียหายในทางใดทางหนึ่ง สิ่งแรกเลยคือคุณควรหยุดใช้อุปกรณ์นั้นทันที หรือปิดเครื่องและเหนือสิ่งอื่นใดอย่าชาร์จแบตอุปกรณ์นั้นเด็ดขาด เมื่อแบตเตอรี่ถึงจุดที่น่ากลัวมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย ให้คุณนึกภาพแบตเตอรี่บวมที่กลไกความปลอดภัยทั้งหมดในแบตเตอรี่ออฟไลน์ไปแล้ว การชาร์จแบตเตอรี่ที่บวมก็เหมือนกับการถูกปล่อยให้อยู่กับลูกระเบิดของแก๊สไวไฟที่เป็นพิษในห้องนั่งเล่นของคุณนั่นแหละ

    2.ส่งร้านซ่อมเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่

   การเปลี่ยนแบตเตอรี่ ถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด โดยให้เลือกใช้แบตเตอรี่จากศูนย์บริการของแบรนด์นั้น ๆ หรือเลือกเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ได้มาตรฐาน ยี่ห้อที่มีชื่อเสียงไว้ใจได้ ผ่านการรับรองจาก มอก. อย่านำก้อนแบตเตอรี่ไปห่อหนังสือพิมพ์แล้วแช่ตู้เย็นเด็ดขาด หรืออย่าเจาะแบตเตอรี่เพื่อให้หายบวม เพราะมันเป็นวิธีที่ผิดและไม่ควรทำอย่างยิ่ง มันไม่ได้ช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ แต่มันจะยิ่งสร้างความเสี่ยงให้กับคุณถ้าหากยังนำก้อนแบตที่บวมมาใช้งานอยู่ ทางที่ดีควรเปลี่ยนไปใช้แบตเตอรี่โทรศัพท์ก้อนใหม่ตามที่แนะนำ เพราะเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่าย สะดวก ปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายขณะใช้งานมือถือ แถมยังช่วยยืดอายุการใช้งานโทรศัพท์อีกด้วย

    3.ทิ้งแบตเตอรี่ที่ศูนย์รีไซเคิลที่ได้รับอนุญาต

   หลายคนคงสงสัยว่าแบตเตอรี่ที่เสียหายแล้วควรนำไปทิ้งที่ไหน? ซึ่งแบตเตอรี่นั้นเป็นสิ่งที่อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และคุณไม่ควรหลุมฝังกลบอย่างยิ่ง เพราะแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนรุ่นใหม่ในปัจจุบันยังเป็นอันตรายที่ทำให้เกิดไฟไหม้ได้หากมีการเจาะทะลุหรือย่อในถังขยะหรือรถบรรทุกขยะ 

คุณควรกำจัดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนรุ่นใหม่ที่ใช้แล้วหรือได้รับความเสียหายผ่านศูนย์รีไซเคิลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ในการค้นหาศูนย์รีไซเคิลใกล้บ้านของคุณสามารถหาได้ในอินเตอร์เน็ต หรือโทรไปยังศูนย์กำจัดสารอันตรายในเขตที่อยู่อาศัยของคุณ โดยให้บางพื้นที่จะมีถังขยะแยกที่มีสัญลักษณ์ให้ทิ้งขยะที่เป็นอันตรายซึ่งคุณสามารถเลือกทิ้งในถังขยะนั้นได้

ฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
แนะนำแอปฯ

แนะนำแอปบริการสตรีมวิดีโอที่ได้รับความนิยมที่ดีที่สุดประจำปี 2020

แนะนำแอปบริการสตรีมวิดีโอ

   ปัจจุบันแอปบริการสตรีมวิดีโอ เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตของคนเรามากขึ้น แต่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้นและอุปกรณ์สตรีมมิ่งสื่อจำนวนมากได้เร่งทำให้คนดูสายเคเบิลแบบเดิมลดลง ซึ่งผู้ชมจำนวนมากกำลังหักไปสนับสนุนทางเลือกในการสตรีมโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านความบันเทิงและเทคโนโลยีไม่ได้นิ่งดูดายต่อภัยคุกคามนี้และธรรมชาติของสื่อมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การรวมกลุ่มและการดูแลจัดการดูเหมือนจะเป็นเป้าหมายที่ครอบคลุมมากที่สุด

และตราบใดที่คุณอยู่บ้านเพื่อหยุดการแพร่ระบาดของ COVID-19 แน่นอนว่าคุณอาจจะเบื่อได้ง่ายๆ ซึ่งแอปบริการสตรีมวิดีโอเหล่านี้จะช่วยให้วันที่แสนธรรมดาของคุณวิเศษมากขึ้น อีกทั้งแอปสตรีมมิ่งเหล่านี้ยังสามารถดาวน์โหลดวิดีโอแบบออฟไลน์ได้ และวันนี้เราก็มีแอปบริการสตรีมวิดีโอที่ได้รับความนิยมที่สุดของปี 2020 มาแนะนำทุกคน จะมีแอปอะไรบ้างตามเรามาดูกันเลย

แอปบริการสตรีมวิดีโอที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไทยประจำปี 2020

    1.Netflix

   เริ่มกันที่แอปบริการสตรีมวิดีโอมาตรฐานที่ดูได้ทั้งหนัง ซีรี่ส์ สารคดี และรายการทีวีที่ได้รับความนิยมหลายประเทศและเป็นที่พูดถึงมากที่สุดในปัจจุบัน มีคัดสรรเนื้อหาที่น่าประทับใจตลอดเวลา ที่สำคัญ Netflix มีภาพยนตร์และซีรีส์ที่เป็นออริจินัลของตัวเองด้วย แถมการอัพเดตซีรีส์ยังอัพเดตแบบรวดเดียวจบ ไม่ต้องรอ จากนั้นก็มีไลบรารีรายการดั้งเดิมระดับพรีเมียร์ของ Netflix ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งยังคงเหนือกว่าบริการสตรีมมิ่งอื่น ๆ อีกทั้งยังสามารถโหลดไว้ในเครื่องไว้ดูแบบออฟไลน์ได้ ซึ่งมีการเก็บค่าบริการเริ่มต้นที่ 279 บาทต่อเดือน ถ้าหากสมัครครั้งแรกจะดูได้ฟรี 30 วัน

    2.LINE TV

   มาต่อกันที่แอปพลิเคชันที่มีเนื้อหาที่ครอบคลุมหลายหมวดหมู่ ทั้งละคร ซิทคอม ซีรีส์ ภาพยนตร์ อะนิเมชั่น รายการวาไรตี้ มิวสิควีดีโอ ทอล์คโชว์ รวมทั้งซีรีส์และรายการออนไลน์ต่างๆ ซึ่งจุดเด่นของแอปนี้คือสามารถรับชมฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าสมัครสมาชิกรายเดือนหรือรายปี และมีบางรายการก็เป็น Exclusive Video มีฉายแค่เฉพาะในแอปเท่านั้น แต่ว่าไม่มีภาพยนตร์ให้ชม

    3.VIU

   เป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งทั้งแบบ Android และiOS แอปนี้สามารถตอบโจทย์คนที่ชอบดูหนังและซีรีส์เกาหลีอย่างมาก แถมแอปนี้ยังฉายพร้อมๆ กับที่เกาหลีเลยทีเดียว และสามารถดูฟรีได้บางรายการ โดยจะมีโฆษณาคั่นและจำกัดขนาดไฟล์ที่ SD เป็นแอปพลิเคชันดูซีรี่ส์และรายการทีวีถูกกฎหมายที่เปิดตัวไปแล้วหลายประเทศในเอเชีย และมีกระแสตอบรับที่ดีมาก หากคุณสมัครสมาชิกแล้วจะสามารถดูฟรีได้  7 วัน หลังจากนั้นมีค่าบริการรายเดือน 119 บาท แถมแอปนี้ยังสามารถโหลดไว้ดูแบบออฟไลน์ได้ เพียงแต่วิดีโอจะมีอายุ 7 วันเท่านั้น

    4.WeTV

   มาต่อกันที่แอปพลิเคชันสำหรับคอหนังและซีรีส์จีน รวมทั้งยังมีรายการทีวีและอนิเมะด้วย มีให้บริการทั้งแบบ Freemium ที่ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ถ้าสมัครสมาชิกแบบ VIP จะสามารถดูซีรีส์ได้แบบรวดเดียวจบไม่ต้องรออัพเดตตอนต่อตอนและไม่มีโฆษณาคั่น ที่สำคัญมีซับไตเติ้ลให้เลือก แน่นอนมีภาษาไทยให้ด้วย ซึ่งมีค่าบริการสมัครสมาชิกเริ่มต้นที่ 59 บาทต่อเดือน

    5.Youtube

   Youtube เป็นทั้งแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ที่ให้บริการแลกเปลี่ยนภาพวิดีโอระหว่างผู้ใช้ โดยผู้ใช้สามารถเข้าดูวีดีโอต่างๆ พร้อมทั้งเป็นผู้อัปโหลดวีดีโอ ผ่าน Youtube ได้ฟรี เมื่อสมัครสมาชิกแล้ว อีกทั้งยังสามารถใส่ภาพวิดีโอเข้าไป เพื่อแบ่งปันภาพวิดีโอให้คนอื่นดู และเมื่อไม่นานมานี้ Youtube ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ชมสามารถสมัครเป็นสมาชิกของช่อง เพื่อรับสิทธิพิเศษต่างๆจาก ครีเอเตอร์ (creator) หรือ ยูทูบเบอร์ (Youtuber) เช่น สตรีมเกมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน โดยการเป็นสมาชิกจะมีค่าใช้จ่ายแบบรายเดือน ในหลายระดับราคา 

ตัวเลือกบริการสตรีมวิดีโออื่น ๆ

   นอกจากนี้ยังมีแอปบริการสตรีมวิดีโอของต่างประเทศที่น่าสนใจ ตัวอย่างเช่น Crunchyroll, DC Universe, Funimation, RetroCrush และ VRV เป็นบริการสตรีมมิ่งอนิเมะที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

มีอีกบริการสตรีมมิ่งที่น่าสนใจอย่าง Vimeo ที่เป็นแพลตฟอร์มแชร์วิดีโอ ที่มีทั้งภาพยนตร์และวิดีโออินดี้ให้เลือกมากมาย และหากคุณต้องการดูสตรีมเกม Twitch ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยคุณสามารถ download แอปลงโทรศัพท์ได้ เพื่อรับชมการสตรีมสดและแชทกับเหล่าเกมเมอร์ที่คุณชื่นชอบ และยังมี Plex เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับการสตรีมที่มีความสามารถในการจัดการไฟล์มีเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอลเคลชั่นภาพยนตร์และเพลงที่เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์ของคุณและมีสามารถในการสตรีมไฟล์ไปรับชมในอุปกรณ์ต่างๆ ที่คล้ายกับบริการของ Netflix, iFlix หรือ Viu แต่ไม่ต้องจ่ายรายเดือน

คุณควรใช้เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) สำหรับบริการที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตทั้งหมดของคุณ แต่ VPN มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับบริการสตรีมมิ่งเนื่องจากบางแอปพลิเคชันและเว็บไซต์อาจให้สิทธิ์เข้าถึงเนื้อหาใด้ในบางภูมิภาคเท่านั้น ตัวอย่างเช่นหากคุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ในสหราชอาณาจักรจากอุปกรณ์ในสหรัฐอเมริกาคุณอาจรับชมเนื้อหาฟรีจาก BBC TV ได้ 

sa gaming

Categories
News

การอัปเดตครั้งยิ่งใหญ่ของ Apple macOS Big Sur

การอัปเดตครั้งยิ่งใหญ่ของ Apple

macOS Big Sur หรือที่เรียกว่า macOS 11 ของ Apple ได้เพิ่มองค์ประกอบที่คล้าย iOS ลงในระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปรวมถึงภาษาที่ออกแบบใหม่และการอัปเดตครั้งใหญ่สำหรับ Messages และเว็บเบราว์เซอร์ Safari เช่นเดียวกับ iPadOS ที่เริ่มมีลักษณะคล้ายกับ macOS มากขึ้นเรื่อย ๆซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปเวอร์ชันใหม่ล่าสุดของ Apple 

ระบบปฏิบัติการ macOS Big Sur

   macOS Big Sur ได้ใช้ระบบปฏิบัติการมือถือยักษ์ใหญ่ของแคลิฟอร์เนียโดยเฉพาะอย่างยิ่ง iOS การอัปเดตมีขนาดใหญ่มากจน Apple ให้หมายเลขเวอร์ชันหลักใหม่ (11) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัทดำเนินการในรอบ 19 ปี

การพัฒนาใหม่ที่สำคัญสำหรับ macOS คือมันจะทำงานบน Mac โดยใช้โปรเซสเซอร์ Apple Silicon ที่ใช้ ARM ของ Apple Mac รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป Apple M1ขนาด 5 นาโนเมตร ซึ่ง Mac ที่ใช้ชิปใหม่นี้จะสามารถเรียกใช้แอป iOS ได้ แต่ก็ยังมีข่าวมากมายสำหรับ mac OS นอกเหนือจากชิปใหม่

macOS Big Sur ได้ออกแบบภาษาใหม่

   การออกแบบภาษาใหม่ทำให้อินเทอร์เฟซของ Mac มีความเรียบง่ายขึ้นและสอดคล้องกับอินเท อร์เฟซของ iPhone และ iPad มากขึ้น ซึ่งสังเกตได้ว่าตอนนี้ไอคอนแอปมีลักษณะคล้ายกับไอคอน iOS แบบสี่เหลี่ยมแทนที่จะเป็นแบบวงกลมแบบเดิมของ macOS การอัปเดตภาพจะขยายไปยังแอปสแตนด์บายในตัวซึ่งรวมถึงแผนที่ อีเมล ปฏิทินและรูปภาพ เว็บเบราว์เซอร์ Safari และแอป Messages ได้รับความสนใจเป็นพิเศษพร้อมคุณสมบัติใหม่และรูปลักษณ์โฉมใหม่ที่น่าทึ่ง

แม้ว่า Apple จะยึดความป็นโลกอนาคตไว้บนเครื่อง Mac ที่ใช้ CTU ของตัวเองแล้ว แต่ macOS Big Sur จะยังคงรองรับ Mac รุ่นเก่าๆอยู่ซึ่งรวมถึง MacBook Air, MacBook Pro และ Mac Pro รุ่นย้อนหลังไปจนถึงปี 2013 ระบบปฏิบัติการพร้อมให้บริการแล้วในขณะนี้ คุณสามารถอัปเดตในเมนู System Preferences> Software Update 

Big Sur ยังอัปเดตเสียงของระบบปฏิบัติการ เสียงเริ่มต้นของ Mac นั้นไม่ให้ผิดเพี้ยน โดยเสียงของระบบใหม่ได้รับการ “รีมาสเตอร์และปรับแต่ง” 

ศูนย์กลางการควบคุม

   ถึงแม้ว่า Apple จะเพิ่มแถบด้านข้างการแจ้งเตือนก่อนที่ Microsoft จะทำเช่นเดียวกันอย่าง Windows 10 Action Center แต่ macOS ใช้เวลานานมากในการรวมการควบคุมระบบพื้นฐานในศูนย์การแจ้งเตือนเช่นเดียวกับที่ Action Center ทำ ตัวเลือกศูนย์ควบคุมใหม่ของ macOS Big Sur ได้แก่ ระดับเสียง ความสว่างของหน้าจอ การตั้งค่า Wi-Fi และแม้แต่ความสว่างของแป้นพิมพ์ ที่ถูกออกแบบมาให้เป็นมิตรกับสายตาคุณ การออกแบบ macOS ใหม่ล่าสุดดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัว(สำหรับสาวก Mac) โดยคุณสามารถลากเครื่องมือต่างๆ ของศูนย์ควบคุมไปยังแถบเมนูได้ 

วิดเจ็ต

   macOS Big Sur มีวิดเจ็ตเช่นเดียวกับ iOS และ iPadOS ในความเป็นจริงแล้ววิดเจ็ต macOS ใหม่แทบจะแยกไม่ออกจากอุปกรณ์พกพาบน Mac วิดเจ็ตใหม่จะอยู่ในแถบด้านข้างการแจ้งเตือน โดยวิดเจ็ตเหล่านี้สามารถปรากฏในขนาดต่างๆได้ ซึ่ง คุณสามารถเพิ่มนาฬิกา สภาพอากาศ บันทึกย่อและแม้แต่วิดเจ็ตของบุคคลที่สามได้

ลักษณะข้อความ 

   การซิงค์ข้อความของ Apple ระหว่าง iPhone และ Macs เป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดในแพลตฟอร์มนี้มานานหลายปี ด้วยการใช้งาน Messages ใหม่ของ macOS Big Sur ทำให้ Mac กลายเป็น macOS เวอร์ชั่นล่าสุดที่น่าสนใจ ซึ่งการอัปเดตใหม่ครั้งนี้ ทำให้คุณสามารถสร้าง Memoji บนเดสก์ท็อปได้ และทำให้การสนทนาและการตอบกลับแบบเธรดจะทำให้แอปมีประโยชน์มากขึ้น 

การอัปเดต Big Safari

   macOS Big Sur ได้มีการอัปเดต Big Safari ใหม่ซึ่ง Safari เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ยังตามหลัง Chrome ของ Google และ Edge of late ใหม่ของ Microsoft และการอัปเดตครั้งนี้ได้ประกาศใน WWDC 2020 ซึ่งดูเหมือนจะมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้ Safari นี้มีความเป็นส่วนตัว

Apple เริ่มนำเสนอ WWDC Safari ในปีนี้โดยพูดถึงว่า Big Safari นี้ทำงานได้เร็วกว่า Chrome ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ได้ เช่นเดียวกับ Firefox และ Edge Safari พร้อมนำเสนอแผงรายงานความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบรหัสผ่านที่คุณบันทึกไว้เพื่อดูว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดข้อมูลหรือไม่ (Firefox เริ่มทำเมื่อสองปีก่อนแล้ว)

แง่มุมหนึ่งของ Safari ที่ไม่ได้กล่าวถึงใน WWDC คือการรองรับมาตรฐานของเว็บซึ่งเป็นพื้นที่ที่ Safari ติดตาม Firefox, Chrome และ Edge เมื่อเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตามองค์ประกอบใหม่ของการสนับสนุนมีไว้สำหรับ Web Extensions API ซึ่งเป็นการริเริ่มข้ามแพลตฟอร์ม ความสามารถใหม่ที่น่ายกย่อง ช่วยให้คุณกำหนดไซต์ส่วนขยายที่สามารถเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่แท้จริงสำหรับส่วนขยายในเบราว์เซอร์ทั้งหมดในปัจจุบัน 

sa gaming

Categories
สอนใช้

วิธีใช้งาน FaceTime แบบกลุ่มบน iPhone และ Mac ง่ายๆไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด

วิธีใช้งาน FaceTime แบบกลุ่ม

   การใช้งาน FaceTime แบบกลุ่มบน  iPhone และ Mac ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เพราะด้วยคุณลักษณะที่พบใน iPhone, iPad, iPod Touch และ Mac นั้นมีประโยชน์ เนื่องจากช่วยทำให้คุณสามารถสนทนาทางวิดีโอกับผู้ใช้รายอื่นด้วยอุปกรณ์ประเภทเดียวกันได้

   FaceTime แบบกลุ่มมีประโยชน์มากในตอนนี้เพราะเนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 ทำให้หลายคนใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น Group FaceTime จึงเป็นช่องทางในการติดต่อกับเพื่อนและครอบครัว หรือการประชุมงานที่ดีที่สุด ซึ่งการ FaceTime แบบกลุ่มสามารถรองรับได้ถึง 32 คน ดังนั้นคุณจึงสามารถแชทกับเพื่อนทั้งกลุ่มหรือญาติผู้ใหญ่ได้อย่างง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปหากันถึงที่ก็ได้

   มีรายงานเผยว่าก่อนคุณจะใช้ฟีเจอร์ FaceTime แบบกลุ่มให้ตรวจสอบว่าเวอร์ชันระบบปฏิบัติการของคุณล่าสุดเพียงพอที่จะรองรับหรือไม่ซึ่งบน iPhone เวอร์ชันที่ใช้งานได้คือ iOS 12.1.4 หรือเวอร์ชันที่ใหม่กว่านี้ และบน Macs จะเป็น MacOS 10.14.3 หรือเวอร์ชันที่ใหม่กว่า ระบบปฏิบัติการรุ่นเก่าบางระบบจะให้ได้แค่เสียง FaceTime เท่านั้น

   ในการตรวจสอบเวอร์ชันระบบปฏิบัติการของคุณบน iPhone หรือ iPad ให้ไปที่การตั้งค่าจากนั้นเลือกทั่วไป ต่อด้วยเกี่ยวกับ ส่วนบน Mac ให้คลิกที่โลโก้ Apple ที่ด้านซ้ายบนของหน้าจอแล้วคลิกเกี่ยวกับ Mac เครื่องนี้ และนี่คือวิธีใช้ FaceTime เพื่อโทรวิดีโอแบบกลุ่มบน iOS หรือ MacOS

วิธี FaceTime แบบกลุ่มบน  iPhone 

   หากคุณยังไม่รู้ว่า FaceTime แบบกลุ่มทำยังไง ก่อนอื่นคุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่า iPhone หรือ iPad ของคุณเปิด FaceTime แล้ว โดยคุณสามารถตรวจสอบได้โดยการไปที่ Settings แล้ว FaceTime และสลับเปลี่ยนการตั้งค่าไปที่ On จากนั้นคุณสามารถเลือกได้ว่าจะติดต่อด้วยที่อยู่อีเมล Apple ID หรือหมายเลขโทรศัพท์ โดยสามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. คุณจะต้องมีผู้ติดต่อเพื่อพูดคุยด้วยจากแอปรายชื่อ 
  2. หาคนที่คุณต้องการที่จะโทรหา จากหน้าติดต่อของพวกเขาที่มีทั้งแบบวิดีโอหรือเสียงเมื่อกดปุ่ม FaceTime 
  3. เมื่ออยู่ในโหมดการโทรคุณสามารถเพิ่มบุคคลอื่นได้โดยปัดขึ้นบนหน้าจอแล้วเลือกรายชื่อหรือป้อนรายละเอียดของบุคคลที่คุณต้องการเพิ่ม

การเริ่มการโทร เฟสไทม์ แบบกลุ่มนั้นสามารถทำได้จากแอป FaceTime ด้วยเช่นกัน โดยมีขั้นตอนต่อไปนี้

  1. เปิดแอปแล้วแตะปุ่มบวกที่มุมบนขวาและสามารถค้นหาผู้ติดต่อจากที่นั่นได้ 
  2. เมื่อคุณเลือกผู้ติดต่อได้เล้วคุณจะเห็นตัวเลือกในการเริ่มการโทรแบบ FaceTime ไม่ว่าจะด้วยเสียงเท่านั้นหรือแบบวิดีโอ
  3. จากนั้นกดปุ่มบวกต่อไปหรือพิมพ์หมายเลขโทรศัพท์หรือรายชื่อที่มีอยู่ในแอปรายชื่อเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มคนให้มากที่สุดเท่าที่คุณต้องการด้วยแถบค้นหาหรือปุ่มบวกจากนั้นเริ่มการโทร 

   อีกวิธีหนึ่งหากคุณมีแชทเป็นกลุ่มในแอพ Messages กับผู้ใช้ iPhone / iPad / Mac ทั้งหมดคุณสามารถกดไอคอนกลุ่มที่ด้านบนของหน้าจอแชทเพื่อแสดงรายละเอียดเพิ่มเติม คุณจะพบปุ่มสำหรับ FaceTime ที่นั่นได้

วิธีใช้งาน FaceTime แบบกลุ่มบน MacOS

   สิ่งที่สำคัญในการโทร FaceTime แบบเสียงและแบบวิดีโอบน Mac (ต้องใช้ OS X 10.9 ขึ้นไป) คุณต้องทำตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ก่อน : 

  • Mac เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอยู่
  • คุณต้องลงชื่อเข้า FaceTime ด้วย Apple IDของคุณก่อน
  • หากคุณไม่มี Apple ID ให้ไปที่เว็บไซต์บัญชี Apple ID เพื่อลงทะเบียนใช้งานฟรี ไม่เสียเงินค่ะ
  • คุณต้องมีไมโครโฟนในตัวเครื่องหรือที่เชื่อมต่อไว้ สำหรับการโทร FaceTime แบบวิดีโอ และคุณยังต้องมีกล้องในตัวเครื่องหรือที่เชื่อมต่อไว้ด้วยเช่นกัน

และนี่คือวิธีใช้งาน FaceTime แบบกลุ่มหากคุณใช้อุปกรณ์ MacOS ซึ่งขั้นตอนนี้จะแตกต่างกันจาก iOS เล็กน้อย ดังต่อไปนี้

  1. ขั้นแรกเปิดแอพ FaceTime ถ้าหาไม่เจอให้กด Command + Space แล้วพิมพ์ FaceTime แล้วเลือกจากผลลัพธ์
  2. เมื่อเปิดแล้วให้ป้อนที่อยู่อีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลที่คุณต้องการคุยด้วยหรือพิมพ์ชื่อของบุคคลนั้นหากมีชื่ออยู่ในรายชื่อติดต่อของคุณ 
  3. จากนั้นเมื่อคุณมีเลือกผู้ติดต่อทุกคนที่คุณต้องการแล้ว ให้เลือกเริ่มต้นการโทรโดยคลิกที่ปุ่มเสียงหรือวิดีโอ หากคุณเคยโทรแบบ FaceTime กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอยู่แล้วคุณสามารถแตะกลุ่มนั้นในประวัติการโทร จากนั้นเลือกไอคอน FaceTime 

   อีกวิธีคือคุณยังสามารถใช้คำสั่งเสียงผ่าน Siri ได้โดยพูดว่า “FaceTime” หรือ “FaceTime Audio” แล้วตามด้วยชื่อคนที่คุณต้องการคุยด้วย หรือหากคุณต้องการดำเนินการผ่าน iMessages ให้เลือกกลุ่มที่คุณต้องการติดต่อจากนั้นแตะรายละเอียด แล้วเลือกตัวเลือก FaceTime แบบวิดีโอหรือเสียง

Categories
News

5 อันดับแบรนด์โทรศัพท์ที่ดีที่สุดของปี 2020

5 อันดับแบรนด์โทรศัพท์ที่ดีที่สุดของปี 2020

แม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง เนื่องจากสถานการณ์โควิด19 แต่การตลาดสมาร์ทโฟนกลับยังคงมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความที่ในปัจจุบันโทรศัพท์กลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิตของคนเราไปแล้ว ยิ่งทุกวันนี้แบรนด์โทรศัพท์ของแต่ละแบรนด์ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้หลายแบรนด์ดังได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนที่รองรับเครือข่าย 5G กลายเป็นว่าในปี 2020 ถือว่าเป็นยุคพัฒนาของสมาร์ทโฟน 5G อย่างแท้จริง นอกจากประสิทธิภาพการใช้งานจะดีขึ้นแล้ว ราคาสมาร์ทโฟน 5G ยังจะถูกลงอีกด้วย 

แบรนด์โทรศัพท์ที่ได้รับความนิยมในปี 2020

เราเชื่อว่าหลายคนคงกำลังมองหาโทรศัพท์ที่ทำได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพสวย ๆ การสื่อสารกับเพื่อน ๆ ผ่านแอปต่าง ๆมากมาย การเล่นเกมและการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนาน เหมาะต่อการใช้งาน โดยแต่ละแบรนด์ก็ต่างมีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกันไป ซึ่งวันนี้เราก็มี 5 อันดับแบรนด์โทรศัพท์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของปี 2020 มาแนะนำทุกคนจะมีแบรนด์ไหนบ้างตามเรามาดูกันเลย

Samsung

เป็นอีกหนึ่งแบรนด์โทรศัพท์มาแรงจากเกาหลีที่สามารถผลิตโทรศัพท์ที่ยอดเยี่ยมในราคาที่หลากหลายได้ จนได้ขึ้นแท่นอันดับ 5 แบรนด์ที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2020 จากผลสำรวจของอินเตอร์แบรนด์ เป็นอีกหนึ่งผู้นำตลาดสมาร์ทโฟน 5G อีกทั้งยังตอบรับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค นอกจากนี้ Samsung ยังเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนรูปแบบใหม่ ด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้อย่าง Galaxy Z Flip (กาแลคซี่ ซี ฟลิป) ถือว่าเป็นแบรนด์ที่น่าสนใจมากที่สุดในปีนี้เลยก็ว่าได้

Apple

Apple ถือเป็นแบรนด์โทรศัพท์ที่โดดเด่นที่สุดในยุคสมัยนี้ ซึ่งการันตีได้จากรางวัล Best Global Brands 2020 หรือแบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกประจำปี 2020 ที่จัดโดย Interbrand แบรนด์นี้เป็นผู้ผลิตรายเดียวที่ไม่ใช้ Android ถึงจะอยู่ในช่วงภาวะที่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในระดับ Pandemic แบบนี้ แต่ยอดขายของ iPhone ก็ยังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยเมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเปิดตัว iPhone 12 ที่ได้ผลตอบรับจากผู้บริโภคอย่างคับคั่ง ด้วยความเร็วระดับ 5G พร้อมด้วยชิพที่เร็วที่สุดในสมาร์ทโฟนอย่าง A14 Bionic หน้าจอภาพ OLED แบบขอบจรดขอบ ทนต่อการตกกระแทกได้ดีขึ้น 4 เท่า และมีโหมดกลางคืนบนกล้องทุกตัว บอกเลยว่า iPhone 12 มีหมดทุกอย่างที่คุณต้องการแน่นอน

Google

ฟังดูน่าแปลกใจใช่ไหมคะ? แน่นอนว่า Google ในปัจจุบันเป็นได้มากกว่าเครื่องมือค้นหายักษ์ใหญ่ เพราะหลายปีที่ผ่านมา Google ได้สร้างแบรนด์โทรศัพท์เป็นของตัวเอง พร้อมด้วย Google Assistant ที่ทรงพลังและกล้องที่ยอดเยี่ยมสำหรับโทรศัพท์ Android และรุ่นที่น่าสนใจที่สุดในปีนี้คือ Google Pixel 4 XL ตัวเครื่องจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 สีด้วยกันคือ Just Black, Clearly White และ Oh So Orange ที่เป็นสีพิเศษสำหรับรุ่นนี้ โดยในกล่องประกอบไปด้วยตัวเครื่อง, อะแดปเตอร์จ่ายไฟ 18W, สาย USB-C, หัวแปลง USB-A เป็น USB-C และคู่มือการใช้งานเบื้องต้น + เข็มจิ้มถาดซิม สำหรับอะแดปเตอร์จ่ายไฟ 18W ที่ให้มาก็จะจ่ายไฟ 5V/3A และ 9V/2A

Huawei

ปัจจุบันแบรนด์โทรศัพท์จากประเทศจีนอย่าง Huawei กำลังมาแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นอีกหนึ่งแบรนด์มือถือชั้นนำของโลก หลังจากที่ใช้ความพยายามและความทุ่มเทอย่างหนักในการพิสูจน์ตัวเองมาหลายปี ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ล้ำหน้าเหนือคู่แข่ง เป็นโทรศัพท์ Android ที่มีหลากหลายราคาตั้งแต่ราคาประหยัดไปจนถึงราคาสูง ๆ และในปีนี้โทรศัพท์รุ่น Huawei P40 Series ก็เป็นอีกรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่ด้านประสิทธิภาพของกล้องที่ดียิ่งขึ้นไปอีก และใช้ชิปประมวลผล Kirin 990 5G ที่รองรับเคือข่าย 5G ในตัว

Nokia 

โนเกีย (Nokia) ยี่ห้อโทรศัพท์มือถือคลาสสิคที่ครองใจผู้ใช้งานทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวในเรื่องของความ “ทนทาน คุ้มค่า ตอบโจทย์การใช้งาน” ของ Nokia  3310 ที่ในอดีตมีการขายไปได้ถึงกว่าหลายพันล้านเครื่องทั่วโลก โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้โนเกียได้รับการฟื้นคืนชีพกลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยการเปิดตัวโทรศัพท์ Android ที่น่าประทับใจ และปีนี้ แบรนด์โทรศัพท์ Nokia ได้เปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่อย่าง Nokia 8.3 5G เป็นโทรศัพท์ที่เปิดใช้งาน 5G เครื่องแรกของ Nokia ที่เป็นมากกว่าโทรศัพท์ 5G มีจอแสดงผลขนาด 6.8 นิ้วที่เพิ่มขนาดเนื้อหาเป็นรูปแบบที่รองรับ HDR เพื่อความชัดเจนและคอนทราสต์ที่ดีขึ้น มีกล้องหลังสี่ตัวพร้อมเลนส์มุมกว้าง 64Mp เลนส์ ultrawide 12Mp และเลนส์มาโคร 2Mp สำหรับการถ่ายภาพระยะใกล้และเซ็นเซอร์ความลึก 2Mp นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,500 mAh เพื่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานเป็นพิเศษ

เว็บบาคาร่าทำเงินต้อนรับปี 2021

Categories
แนะนำแอปฯ

แนะนำ 5 แอปกล้องถ่ายรูปสวยๆ ดาวน์โหลดฟรี สำหรับผู้ใช้งาน Android

แนะนำ 5 แอปกล้องถ่ายรูปสวยๆ

ปัจจุบันนี้มีแอปพลิเคชั่นที่ใช้ถ่ายภาพและตกแต่งภาพมากมายหลายแนว และเป็นเรื่องที่ยากมากที่หลายคนจะรู้ว่าแอปพลิเคชั่นไหนที่ถ่ายภาพสวย เพราะแค่เซ็นเซอร์ภาพจากโทรศัพท์สำหรับบางคนคงไม่พอ คุณจำเป็นต้องเลือกแอปกล้องถ่ายรูปสวยๆสักแอปติดเครื่องไว้ 

แอปกล้องถ่ายรูปที่ดีจะบอกเล่าเรื่องราวบางอย่างเมื่อคุณถ่ายรูป ทำให้ภาพถ่ายของคุณดูน่าจดจำมากยิ่งขึ้น และรูปภาพเหล่านั้นจะบ่งบอกไลฟ์สไตล์ของคุณที่ถูกแชร์ลงในโลก Social สำหรับโทรศัพท์ Android นั้นถือได้ว่าเป็นมือถือที่มีแอปกล้องถ่ายรูปให้เลือกมากมาย ที่มาพร้อมคุณสมบัติต่างๆ เช่น โหมดถ่ายภาพหลายภาพ การวางองค์ประกอบภาพ ตัวช่วยในการถ่ายภาพนิ่ง เครื่องมือแก้ไข และเทคนิคพิเศษหลังการประมวลผลรูปถ่าย

แอปกล้องถ่ายรูป ดาวน์โหลดฟรี ระดับพรีเมี่ยม พร้อมคุณสมบัติที่อัดแน่นสำหรับ Android

เมื่อก่อนกว่าจะได้รูปสวยๆ สักรูปไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ เพราะการถ่ายรูปให้สวยนั้นต้องใช้องค์ประกอบหลายอย่างไหนจะกล้องเอย เลนส์เอย แฟลช ไฟ อุปกรณ์อีกสารพัด แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นมีแอปกล้องถ่ายรูปให้คุณได้ดาวน์โหลดใช้มากมายหลายแนวทั้งแบบฟรีและเสียเงิน ทำให้รูปถ่ายของคุณสวย น่าแชร์ลงบนโลก Social มากยิ่งขึ้น และในฐานะที่เราพอจะคุ้นเคยกับแอปพลิเคชันถ่ายรูปเช่นกัน เราจึงได้รวบรวมแอปกล้องถ่ายรูป ระดับพรีเมี่ยม แถมสามารถดาวน์โหลดฟรีมาฝากทุกคน จะมีแอปไหนบ้าง ตามเรามาดูกันเลยค่ะ

      1.Lightroom 

มาเริ่มกันที่แอปกล้องถ่ายรูปแอปแรกที่มีกระแสยอดฮิตเป็นอย่างมาก จากค่าย Adobe หลายคนอาจจะงงว่ามันแตกต่างจาก Photoshop ตรงไหน? ซึ่งจริง ๆแล้ว Photoshop นั้นจะเหมาะกับการแต่งรูปแบบรีทัช และการแต่งแบบเบื้องต้นมากกว่า แต่ Lightroom นั้น จะเพิ่มความโปรขึ้นไปอีก โดยจะมีฟิลเตอร์มาให้เลือกถึงจะไม่เยอะมาก เพราะต้องการเน้นให้แต่งเองมากกว่า แต่ฟีเจอร์เหล่านั้นก็มีความหลากหลาย และอุปกรณ์การแต่งก็เพิ่มมากขึ้นด้วย

      2.Camera360 

Camera 360 แอปถ่ายรูปที่มาพร้อมกับสติกเกอร์ตลก ๆ และเครื่องมือแก้ไขภาพสดอื่น ๆ นอกจากสติกเกอร์และฟิลเตอร์ทั้งหมดแล้วยังมาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพพร้อมเครื่องมือและการตั้งค่าที่หลากหลายสำหรับการถ่ายภาพของคุณให้สวยงาม ในขณะเดียวกันโหมดกล้องเซลฟี่ยังสามารถดึงโทนสีผิวและบรรยากาศของภาพออกมาเพื่อให้คุณได้รูปภาพที่คุณต้องการ อีกทั้งยังมีการควบคุมกล้องขั้นสูงแบบเก่ายังมีอยู่ เช่นความอิ่มตัว ความคมชัด และสมดุลสีขาวยังคงมีอยู่โดยคุณจะต้องเปิดสวิตช์ “การปรับขั้นสูง” ในการตั้งค่าเพื่อเปิดใช้งาน

      3.VSCO 

มาต่อกันที่สุดยอดแห่งวงการแอปคุมโทน ที่โดนใจเหล่าสาวกวินเทจหลายคน VSCO เป็นแอปพลิเคชันแต่งรูปที่นำเสนอการตั้งค่าและการแก้ไขที่กำหนดค่าล่วงหน้าไว้มากมาย นอกจากการแต่งรูปแล้ว ในแอปยังมีฟีเจอร์ที่คนอื่นๆทำไว้ให้ติดตามมากมาย แถมคุณยังสามารถลงรูปไว้ใน Studio ตัวเองได้ เพื่อทำให้คนมาติดตามด้วยก็ได้ ส่วนเรื่องการใช้งาน ฟิลเตอร์ที่เป็นธีมนั้นมีให้เลือกค่อนข้างเยอะ แต่ต้องซื้อเพิ่ม ถ้าไม่อยากซื้อเพิ่ม จะใช้เท่าที่แอปให้มา แต่ก็สวยๆ อยู่บ้าง แต่ถ้าอยากคุมโทนจริงๆ ก็คงต้องซื้อสัก 1 ธีมมาใช้งาน หรือถ้าคุณโปรหน่อย จะปรับแต่งเองทั้งหมดเลยก็ทำได้ แอปนี้ยังมีบริการสมัครสมาชิก VSCO X ซึ่งมีเครื่องมือขั้นสูงเพิ่มเติม เช่นการตัดต่อวิดีโอและการตั้งค่าล่วงหน้าของ Film X ที่เลียนแบบคุณสมบัติของกล้อมฟิล์มบางประเภทได้อีกด้วย

      4.Snapseed 

Snapseed เป็นแอปที่มีความหลากหลาย ทางด้านการใช้งาน เพราะเป็นแอปที่ใช้งานง่ายซับซ้อนอะไรมากมาย แต่งได้ทุกรูปแบบและเข้าใจง่าย ซึ่งแอปนี้ไม่ได้มีฟิลเตอร์ให้เลือกเยอะมากนัก แต่จะเน้นให้แต่งเองมากกว่า ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะในฟีเจอร์ Tools ตั้งชื่อและทำไอคอนให้เข้าใจง่าย โดยจะเลือก Style เพื่อแต่งด้วยฟิลเตอร์ไปเลย หรือจะใช้ Tools แต่งให้รูปออกมาสวยตามต้องการ ก็ใช้เวลาทำไม่นาน เหมาะกับคนที่ชอบแต่งรูปถ่ายแบบหลายสไตล์ จะเน้นไปในทาง Vintage ที่สีแบบกล้องฟิล์ม หรือเน้นภาพวิว Portrait ก็ได้ จะแต่งแบบคุมโทนด้วยก็ดี

      5.Foodie 

แอปนี้ไม่ใช่แค่แอปที่แต่งอาหารได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังสามารถแต่งรูปอย่างอื่นได้ด้วย ทั้งการเซลฟี่ ที่ปรับรูปหน้าได้ แต่งรูปใส่ฟิลเตอร์ได้ปกติเลย แต่ที่จะเน้นๆ ก็คือเน้นฟิลเตอร์ ที่เหมาะสำหรับถ่ายรูปอาหาร หรือจะถ่ายภายในห้อง ถ่ายวิวได้หมดเลย ซึ่งฟิลเตอร์ในแอปจะออกแนวละมุนๆ ไม่ได้ตัดสีคอนทราสเยอะเกินไป ทำให้ได้ภาพที่ออกมาสบายตา และสวยมากอีกด้วย

มีแอปพลิเคชั่นมากมายช่วยในการตกแต่งแก้ไขภาพถ่าย

อย่าให้ขีดจำกัดในการสร้างสรรค์ผลงานภาพถ่ายของคุณหยุดอยู่เพียงแค่ 1-2 แอปพลิเคชั่น เพราะจงจำไว้ว่ายิ่งมีแอปกล้องถ่ายรูป และรู้วิธีการใช้มากก็ย่อมทำอะไรได้มากกว่า คุณควรหมั่นศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการทำงานของฟิลเตอร์จากแอปพลิเคชั่น ซึ่งแอปถ่ายรูปสวยๆ ในปี 2020 มีให้เลือกมากมายหลายแอป ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกนำไปประยุกต์ใช้ในการถ่ายภาพแบบไหน เพื่อสร้างสรรค์ผลงานชิ้นสิ่งใหม่ๆ ที่ดูดีและควรค่าที่จะเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดี 

สุดยอดเว็บบาคาร่าทำเงิน 2021

Categories
สอนใช้

เผยเคล็ดลับป้องกันข้อมูลส่วนตัวของคุณจากแฮกเกอร์ในอินเตอร์เน็ต

เผยเคล็ดลับป้องกันข้อมูลส่วนตัว

สำหรับหลายคนสมาร์ทโฟนคือแหล่งเก็บข้อมูลส่วนตัวที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ เราใช้มันเพื่อจุดประสงค์ต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสาร เลื่อนดูโซเชียลมีเดีย เล่นเกม จัดการเงิน สืบค้นหาข้อมูลและการซื้อของออนไลน์ ซึ่งโทรศัพท์ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนจำนวนมากและสามารถแฮกได้ง่าย หากคุณไม่ระมัดระวัง แต่วันนี้โชคดีที่เรามีที่ทำให้คุณสามารถเคล็ดลับป้องกันข้อมูลส่วนตัวที่อยู่ในสมาร์ทโฟนของคุณจากแฮกเกอร์ รวมถึงข้อเสนอแนะในกรณีที่มีการละเมิดข้อมูลส่วนตัวของคุณมาฝาก จะมีเคล็ดลับอะไรบ้างตามเรามาดูกันเลยค่ะ

เคล็ดลับสำคัญในการป้องกันข้อมูลส่วนตัวของคุณจากแฮกเกอร์

  1. เลือกดาวน์โหลดแอปอย่างรอบคอบและตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง

Charles Edge ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยและนักพัฒนาซอฟต์แวร์แนะนำให้เรียกใช้เฉพาะแอปที่มีให้บริการจาก Google Play Store หรือ Apple App Store หรือแหล่งอื่นที่เชื่อถือได้อย่างแท้จริงเท่านั้น เพราะแอปเหล่านี้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนดโดยร้านค้าและยังได้รับการสแกนหามัลแวร์ เมื่อคุณดาวน์โหลดแอปแล้วให้จำกัดการเข้าถึงข้อมูลอื่น ๆ บนอุปกรณ์ของคุณซึ่งรวมถึงตำแหน่งผู้ติดต่อและรูปภาพของคุณ แอปอาจร้องขอการเข้าถึงบริการอื่น ๆ แบบจำกัดหรือถาวรหลายครั้งและการเข้าถึงนี้อาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของคุณหากแอปนั้นถูกบุกรุก  

อย่าลืมปิด AirDrop และ Bluetooth เมื่อคุณอยู่ในที่สาธารณะอย่างน้อยก็เมื่อคุณไม่ได้ใช้งาน เพราะอาจทำให้อุปกรณ์ของคุณเสี่ยงต่อการโจมตีที่เป็นอันตรายแม้จะอยู่ห่างไกล และหนึ่งในขั้นตอนที่ง่ายที่สุดที่คุณสามารถทำได้เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนตัวในโทรศัพท์ของคุณจากแฮกเกอร์คือการเปิดการอัปเดตอัตโนมัติสำหรับทั้งแอปและระบบปฏิบัติการของคุณ 

    2.เพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นด้วยเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN)

เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) สามารถเพิ่มความเป็นส่วนตัวอีกชั้นสำหรับข้อมูลของคุณโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้เครือข่าย Wi-Fi สาธารณะ โดยพื้นฐานแล้ว VPN จะทำให้ข้อมูลของคุณไม่สามารถอ่านได้โดยใครก็ตามที่ดักฟังข้อมูลบนเครือข่าย Wi-Fi แบบเปิด อีกตัวเลือกหนึ่งคือการดาวน์โหลดการรักษาความปลอดภัยมือถือหรือแอปป้องกันไวรัส แอปเหล่านี้ตรวจจับมัลแวร์ป้องกันการโจรกรรมและอาจเสนอการสำรองข้อมูลการติดตามอุปกรณ์หรือ VPN ของตัวเอง 

    3.อย่าให้หมายเลขโทรศัพท์ของคุณกับคนอื่น

อีกหนึ่งวิธีป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลง่ายๆ คือคุณควรหยุดแจกหมายเลขโทรศัพท์ของคุณเว้นแต่ว่ามันจำเป็นจริงๆ หมายเลขโทรศัพท์อาจดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่มักใช้เป็นรูปแบบของ ID และโดยปกติจะส่งรหัสเข้ามือถือ ซึ่งแฮกเกอร์สามารถใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณได้ 

    4.อย่าดาวน์โหลดไฟล์หรือแอปแบบสุ่ม

อย่าดาวน์โหลดสิ่งที่ส่งเข้าโทรศัพท์ของคุณทาง SMS หรืออีเมลโดยไม่ได้ตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างรอบคอบโดยเด็ดขาดแม้ว่าข้อความนั้นจะมาจากคนที่คุณรู้จักก็ตาม และหากไม่ทราบผู้ติดต่อหรือหากข้อความต้องการให้คุณดำเนินการอย่างเร่งด่วนอย่าตอบหรือคลิกลิงก์ใด ๆทั้งสิ้น 

    5.อย่าใช้ Wi-Fi สาธารณะ

สุดท้ายนี้พยายามหลีกเลี่ยงการใช้เครือข่าย Wi-Fi สาธารณะ ซึ่งเป็นจุดสำคัญสำหรับแฮกเกอร์ในการเข้าถึงข้อมูลในมือถือของคุณ หรือถ้าหากจำเป็นต้องให้จริงๆ เช่น เมื่อเดินทางไปต่างประเทศควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเปิดใช้งาน VPN ของคุณแล้ว

ข้อบ่งชี้ที่บอกว่าโทรศัพท์ของคุณถูกบุกรุก ได้แก่ ความร้อนสูงเกินไปและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ลดลง หากต้องการดูว่ามีแอปใดใช้พลังงานบนอุปกรณ์ Android ของคุณในปริมาณที่ผิดปกติ ให้ไปที่การตั้งค่า> แบตเตอรี่> เพิ่มเติม> การใช้แบตเตอรี่ และใน iOS ให้ไปที่การตั้งค่า> แบตเตอรี่

ข้อเสนอแนะในกรณีที่มีการละเมิดข้อมูลส่วนตัวของคุณ

  • หากคุณได้รับอีเมลแจ้งว่าบัญชีของคุณอยู่ในความเสี่ยงและคุณจะต้องเข้าใช้อย่างเร่งด่วน  คุณจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นอีก หรือตรวจสอบช่องดิจิตอล เช่นเว็บไซต์ทางการหรือข้อมูลส่วนตัวบนโลกออนไลน์ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การละเมิดข้อมูลจะต้องสื่อสารสิ่งที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน ต้องให้คำแนะนำที่จำเป็นเพื่อให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบรู้ว่าควรแก้ปัญหาอย่างไร 
  • หากคุณป้องกันข้อมูลส่วนตัวแล้ว แต่ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณยังถูกเปิดเผย เช่น บางครั้งร้านค้าออนไลน์ที่คุณเลือกรายงานว่ามีการละเมิดโครงสร้างพื้นฐานและทำให้ฐานข้อมูลลูกค้าทั้งหมดรั่วไหลออกมา โดยฐานข้อมูลนี้ประกอบด้วยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวสูงเช่นหมายเลขบัตรเครดิต คุณควรโทรไปที่ธนาคารหรือ บริษัท ผู้ออกบัตรเครดิตเพื่อดำเนินการบล็อกทันที

โปรโมชั่นเว็บทำเงินดี ๆ ปี 2021

Categories
วิธีดูแลรักษา

โทรศัพท์ทำงานลื่นปรื๊ดได้ง่ายๆ ด้วยเคล็ดลับทั่วไปที่ช่วยเร่งความเร็วเมื่อโทรศัพท์ช้า

โทรศัพท์ทำงานลื่นปรื๊ดได้ง่ายๆ

หากโทรศัพท์ที่ทำงานช้าเป็นปัญหาที่หน้าเบื่อสำหรับคุณ ซึ่งอาจเป็นเพราะหลายแอปพลิเคชันกินทรัพยากรเครื่องโดยมากเกินไป โดยเฉพาะแอปพลิเคชันที่มีการรับ-ส่งภาพและวิดีโอ เพราะแอปเหล่านี้เป็นแอปที่คนส่วนใหญ่ใช้งานเป็นประจำ และจำนวนข้อมูลก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการใช้งาน แต่ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุอะไร วันนี้เราก็มีเคล็ดลับง่ายๆที่ใช้โดยทั่วไปในการช่วยเร่งความเร็วเมื่อคุณรู้สึกว่าโทรศัพท์ช้า เป็นวิธีง่ายๆสำหรับอุปกรณ์ iOS และ Android 

อย่าทนกับโทรศัพท์ที่ช้ากันเลยค่ะ มาดูสิ่งที่เรานำมาเสนอในวันนี้กันดีกว่าเพราะมันจะช่วยเพิ่มความเร็วให้โทรศัพท์ของคุณในเวลาอันรวดเร็วแน่นอนค่ะ

วิธีเพิ่มความเร็วเมื่อโทรศัพท์ช้าง่ายๆที่คุณก็ทำได้

แม้จะมีความแตกต่างระหว่างโทรศัพท์ iOS และ Android แต่การทำงานที่สำคัญของทั้ง 2 ระบบก็มีความคล้ายคลึงกัน ด้วยเหตุนี้จึงมีเคล็ดลับทั่วไปบางประการที่จะช่วยให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาโทรศัพท์ช้าของคุณได้ในเวลาอันรวดเร็ว

     1.ล้างแคชของโทรศัพท์

หากคุณใช้โทรศัพท์เพื่อท่องอินเทอร์เน็ตมากกว่าใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายความว่าเว็บเบราว์เซอร์ในโทรศัพท์ของคุณไม่ว่าจะเป็น Chrome, Safari หรือ Opera กำลังจัดเก็บข้อมูลจำนวนมาก การล้างแคชจะช่วยประหยัดพื้นที่เก็บข้อมูลและเพิ่มความเร็วเบราว์เซอร์ของโทรศัพท์ได้อีกด้วย

     2.อัปเดตระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์

คุณอาจได้ยินบางคนบ่นเกี่ยวกับการอัปเดตระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์ บางทีพวกเขาอาจจะไม่ชอบดีไซน์ใหม่หรือพวกเขารำคาญที่อาจจะใช้พื้นที่เก็บข้อมูลในโทรศัพท์มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการอัปเดตของ Android หรือ iOS ในแต่ละครั้งจะมาพร้อมกับการปรับปรุงความเร็วและคุณสมบัติด้านความปลอดภัยรวมถึงการแก้ไขข้อบกพร่องที่สามารถช่วยเพิ่มความเร็วได้

  • วิธีอัปเดต iOS บน iPhone หรือ iPad ให้แตะการตั้งค่า > ทั่วไป > อัปเดตซอฟต์แวร์ นอกจากนี้คุณยังสามารถเปิดการอัปเดตอัตโนมัติซึ่งจะอัปเดต iOS เมื่อเสียบโทรศัพท์ของคุณและชาร์จระหว่างช่วงเวลา 02.00 น. ถึง 05.00 น.
  • วิธีอัปเดต Android เริ่มต้นโดยการไปที่การตั้งค่า > เกี่ยวกับโทรศัพท์ / อุปกรณ์ > Software Update  เพียงแค่นี้โทรศัพท์ของคุณจะค้นหาการอัปเดต หากมีการอัปเดตคุณจะได้รับแจ้งให้ติดตั้ง นอกจากนี้คุณยังสามารถกำหนดเวลาการอัปเดตในภายหลังหรือเปิดการอัปเดตอัตโนมัติได้อีกด้วย

     3.ลบแอปที่ไม่ได้ใช้งาน

การลบแอปที่ไม่ใช้งานเป็นวิธีทําให้โทรศัพท์เร็วขึ้นที่ชัดเจนที่สุด เพราะแอปเหล่านั้นกินพื้นที่จัดเก็บข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้โทรศัพท์ของคุณทำงานช้า อีกทั้งยังทำให้โปรเซสเซอร์ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นหากคุณไม่ได้ใช้แอปก็ควรเพิ่มพื้นที่ว่างให้โทรศัพท์โดยการลบมันออก

  • วิธีลบแอปบน iPhone มี 2 วิธีเพียงแค่กดแอปที่คุณต้องการลบค้างไว้และเมื่อแอปเริ่มเต้นไปมาบนหน้าจอของคุณให้แตะ “x” ที่มุมบนซ้าย หรือการแตะไปที่การตั้งค่า > ทั่วไป > ที่เก็บข้อมูล iPhone > เลือกแอป > ลบแอป
  • วิธีลบแอปบนโทรศัพท์ Android คุณอาจไม่สามารถลบแอปทั้งหมดบนโทรศัพท์ Android ของคุณได้ แต่คุณสามารถปิดใช้งานแอปเหล่านั้นเพื่อไม่ให้แสดงในรายการแอปของคุณได้ โดยไปที่การตั้งค่า > แอปและการแจ้งเตือน เลือกแอปที่คุณต้องการถอนการติดตั้ง หรือแตะดูแอปทั้งหมดหรือข้อมูลแอปหากไม่พบ จากนั้นแตะถอนการติดตั้ง หรือการปิดใช้งานแอปจะเป็นไปตามกระบวนการเดียวกัน

     4.ปิดแอปที่ไม่จำเป็น

ถึงแม้ว่าทั้ง Apple และ Google ต่างอยู่เบื้องหลังแอปต่างๆ ซึ่งจะไม่ขัดขวางประสิทธิภาพของโทรศัพท์ของคุณ แต่อย่างไรก็ตามหากยังมีแอปที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง เช่น แอปที่กำลังระบุตำแหน่งของคุณ อาจส่งผลต่อความเร็วของโทรศัพท์ได้

  • วิธีปิดแอปบน iOS กดปุ่มโฮม 2 ครั้งจากนั้นปัดขึ้นบนแอปที่คุณต้องการปิด
  • วิธีปิดแอปบน Android วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด โดยแตะปุ่มภาพรวม (โดยปกติจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสทางขวาของปุ่มโฮมบนซัมซุง จะอยู่ทางซ้าย) > จากนั้นคุณจะเห็นรายการแอปที่เปิดอยู่ > ลากแอปออกจากหน้าจอหรือแตะ “X” ที่มุมบนของหน้าต่างแอป

สาเหตุหลักที่ทำให้โทรศัพท์ตอบสนองช้า 

มันเป็นความเบื่อหน่ายที่สุดหากโทรศัพท์ช้า แต่โทรศัพท์ก็เหมือนคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กในกระเป๋าของคุณ เพราะหากมันช้า อาจเกิดจากหลายๆปัจจัย โทรศัพท์ก็เหมือนกันซึ่งปัจจัยส่วนใหญ่ที่ทำให้โทรศัพท์ตอบสนองช้า ไม่ว่าจะเป็นแอปไม่ตอบสนองบ้าง โทรศัพท์อืดบ้าง โดยสาเหตุหลักๆที่เราพบจะเป็นการใช้แอปหรือโปรแกรมมากเกินไปทำให้มีพื้นที่จัดเก็บน้อย หรืออาจจะเป็นเพราะใช้ระบบปฏิบัติการที่ล้าสมัย แบตเตอรี่เก่า และรวมเป็นถึงเครื่องทำงานหนักจนร้อนเกินไปทำให้โทรศัพท์มือถือของคุณทำงานช้าและมีอายุการใช้งานที่น้อยลง

สมัครเล่นเกมส์ออนไลน์ได้เงินจริง

Categories
News

แนะนำรุ่นโทรศัพท์สำหรับเล่นเกม ยี่ห้อไหนดี ประจำปี 2020

แนะนำรุ่นโทรศัพท์สำหรับเล่นเกม

การเล่นเกมบนมือถือเป็นสิ่งที่มีมานานและในปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ก็เล่นเกมบนมือถือกันเยอะมาก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ผลิตโทรศัพท์ถึงได้นำเสนออุปกรณ์ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะเพื่อเล่นเกมโปรดของคุณได้อย่างมีคุณภาพและเหนือชั้น ซึ่งโทรศัพท์สำหรับเล่นเกมที่ดีที่สุด ควรมีโปรเซสเซอร์ระดับแนวหน้า แรมจำนวนมากและหน้าจอแสดงผลพร้อมอัตราการรีเฟรชที่เร็วขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่พลาดช่วงเวลาการเล่นเกมที่สมบูรณ์แบบ

บริษัท ต่างๆ เช่น Razer และ Asus ซึ่งเป็นชื่อแบรนด์ที่นักเกมเมอร์น่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ในฐานะที่เป็นแบรนด์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการผลิตโทรศัพท์มือถือที่เน้นการเล่นเกมโดยเฉพาะ แต่ล่าสุดผลิตภัณฑ์ Samsung และ OnePlus ที่มาพร้อมด้วยสเปคระดับชั้นนำที่ยอดเยี่ยมนั้นก็เป็นที่น่าจับตามองไม่แพ้กัน

แนะนำรุ่นโทรศัพท์สำหรับเล่นเกมที่ดีที่สุดที่สายเกมเมอร์ไม่ควรพลาด

หากคุณเป็นคนที่คนชื่นชอบโทรศัพท์ที่มีการการผสมผสานที่ดีระหว่างประสิทธิภาพการการใช้งานและคุณสมบัติพิเศษที่เน้นการเล่นเกม เช่นอัตราการรีเฟรชหน้าจอที่สูงและประสิทธิภาพการทำงานหลายชั่วโมง คุณไม่ควรพลาดกับโทรศัพท์สำหรับเล่นเกม ประจำปี 2020 ที่เรานำมาแนะนำวันนี้ รับรองว่าเหมาะสำหรับเหล่าเกมเมอร์โดยเฉพาะ จะมียี่ห้อไหนบ้าง ตามเรามาดูกันเลยค่ะ

  1. Samsung Galaxy Note 20 Ultra

Samsung Galaxy Note 20 Ultra โทรศัพท์สำหรับเล่นเกมที่ให้มากกว่าการเล่นเกม ด้วยหน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.9 นิ้ว ที่มาพร้อมกับ CPU Snapdragon 865 Plus ถึงจะเป็นมือถือเล่นเกมที่อาจจะดูใหม่สำหรับสายเกมมิ่ง แต่มั่นใจเลยว่านี่คือหนึ่งในโทรศัพท์ที่ทรงพลังที่สุดในท้องตลาด ด้วยจอแสดงผลที่ทันสมัยที่สุดที่คุณสามารถปรับขนาดได้จนถึงระดับ สูงสุด 120Hz หรือลดลงถึง 30Hz หรือ 60Hz เพื่อให้ตรงกับอัตราเฟรมของเนื้อหาบนหน้าจอ และมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน แถม Note 20 Ultra ได้รับการปรับให้เหมาะกับการสตรีมชื่อ Xbox ผ่าน Xbox Game Pass Ultimate และยังสามารถแคสเกมไปยังจอแสดงผลภายนอกผ่านอินเทอร์เฟซ DeX ของ Samsung และ Miracast

    2.iPhone 12 Pro Max 

12 Pro Max เป็นโทรศัพท์สำหรับเล่นเกมที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ iPhone มีจอแสดงผล OLED ขนาด 6.7 นิ้วที่สดใสและมีสีสัน อีกทั้งยังมีโปรเซสเซอร์ A14 Bionic ของ Apple ที่ทรงพลังกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ พร้อมด้วยอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน และด้วยความสามารถในการถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยม โดยมีอัตราการรีเฟรช 60Hz และพื้นที่เก็บข้อมูล 128GB ถือเป็นรุ่นที่มีราคาแพงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เป็นอีกหนึ่งโทรศัพท์มือถือที่มีความรอบรู้ในด้านต่างๆนอกเหนือจากการเล่นเกมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของคุณภาพของกล้อง

    3.Samsung Galaxy S20 Plus

Galaxy S20 Plus โทรศัพท์สำหรับเล่นเกม Android ที่รอบรู้พร้อมกล้องที่ดีขึ้น ด้วยเลนส์เทเลโฟโต้ 64MP ที่น่าประทับใจ อีกทั้งหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.7 นิ้วพร้อมอัตราการรีเฟรช 120 Hz ทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานขึ้น เช่นเดียวกับ OnePlus 8 Pro นอกจากนี้ Galaxy S20 Plus มีโปรเซสเซอร์ Snapdragon 865 และ RAM 12GB ทำให้มันรวดเร็ว และรองรับ 5G ที่ขยายไปยังเครือข่ายคลื่นมิลลิเมตรและเครือข่ายย่อย 6GHz ซึ่งช่วยให้สามารถรับข้อมูลได้เร็วที่สุดในโลก

    4.RedMagic 5G

RedMagic 5G โทรศัพท์ที่เหมาะสำหรับเล่นเกม ด้วยหน้าจอแสดงผล AMOLED 144Hz ขนาด 6.65 นิ้ว ระดับชั้นนำมีประสิทธิภาพที่แข็งแกร่ง อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานและชาร์จเร็วที่ราคาสมเหตุสมผล มีโปรเซสเซอร์ Snapdragon 865 ของ Qualcomm ที่ในท้องตลาดตอนนี้ได้รับการกล่าวถึงในรายการโทรศัพท์เกมที่ดีที่สุดนี้ เป็นมือถือที่มีชิปเซ็ตระดับไฮเอนด์ พร้อมแรมสูงสุด 12GB และการออกแบบที่เรียบและขอบบางที่เอื้อต่อการเล่นเกม มีพัดลมอยู่ภายในช่วยระบายความร้อน ทำให้มั่นใจได้ว่ามือถือของคุณสามารถเล่นเกมเป็นเวลานานได้

วิธีเลือกโทรศัพท์สำหรับเล่นเกมที่ดีที่สุดสำหรับเกมเมอร์

การเลือกโทรศัพท์สำหรับเล่นเกมที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญมาก หากคุณกำลังมองหามือถือเล่นเกมที่ดีที่สุด คุณควรเลือกโทรศัพท์ที่มีชิปเซ็ต Snapdragon 865 Plus หรือ A14 Bionic ของ Apple แต่ถ้าเป็นโทรศัพท์ Android เราแนะนำให้เน้นไปที่ Snapdragon เนื่องจากเป็นซิลิกอนที่ดีที่สุดของ Qualcomm 

อีกหนึ่งสิ่งที่ควรนึกนึกคืออัตราการรีเฟรชที่สูง ซึ่งแผงที่ได้รับการจัดอันดับที่ 90Hz ขึ้นไปให้การเลื่อนและกราฟิกโดยรวมที่ราบรื่นกว่าหน้าจอทั่วไปทำให้คุณรู้สึกราวกับว่าทุกครั้งที่กวาดนิ้วแตะที่หน้าจอแล้วการตอบสนองไม่มีการหน่วงเวลา หากคุณเป็นเกมเมอร์ที่มีการแข่งขัน ควรเลือกอัตราการรีเฟรชที่สูงขึ้นเป็นพิเศษจะทำให้คุณไม่พลาดทุกช่วงการเล่นเกม

Categories
News

แนะนำโทรศัพท์กล้องถ่ายรูปสวยที่สุดในปี 2020

แนะนำโทรศัพท์กล้องถ่ายรูปสวยที่สุดในปี 2020

หลายคนต้องการกล้องถ่ายรูปสวยๆสักเครื่อง เพื่อถ่ายภาพที่สวยงามในเวลาอันสั้น นั่นเป็นเหตุผลที่เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโทรศัพท์กล้องถ่ายรูปสวยมาแนะนำทุกคน ซึ่งทุกวันนี้กล้องสมาร์ทโฟนมีความซับซ้อนมากกว่าที่เคยมีมาและมีความสามารถมากกว่าการใช้งาน กล้องที่ดีที่สุดในโทรศัพท์ถูกนำมาผสมผสานเลนส์และเซ็นเซอร์ที่ซับซ้อนเข้ากับอัลกอริทึมซอฟต์แวร์ที่อาศัยหลักการทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เพื่อดึงแสงสีและรายละเอียดที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จากทุกสถานการณ์ และไม่ใช่แค่จำนวนเลนส์ด้านหลังมือถือเท่านั้นผู้ผลิตโทรศัพท์บางรายยังใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์นี้เพื่อทำให้การประมวลผลของถ่ายภาพดียิ่งขึ้น

โทรศัพท์กล้องถ่ายรูปสวยที่น่าสนใจในปี 2020

หากคุณเป็นคนที่รักในการถ่ายรูปและกำลังมองหาโทรศัพท์กล้องถ่ายรูปสวยสักเครื่อง แน่นอนว่าคุณไม่ควรพลาดกับ iPhone 12 รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2020 ของ Apple ซึ่งให้ภาพถ่ายที่ดีที่สุดที่ โดยเฉพาะ iPhone 12 Pro Max ที่เป็นรุ่นที่ดีที่สุดในเรื่องของกล้องด้วยเซ็นเซอร์หลักที่ใหญ่กว่า 

ไม่ใช่แค่ iPhone รุ่นล่าสุดเท่านั้นที่ถ่ายภาพได้ดี แต่ยังมีโทรศัพท์อีกแบรนด์ที่น่าสนใจอย่าง Samsung Galaxy Note 20 Ultra ด้วยระบบกล้องสามเลนส์ที่ซับซ้อน ซึ่งนำโดยกล้องหลักความละเอียดสูง 108 ล้านพิกเซลและเทเลโฟโต้ 12 ล้านพิกเซลพร้อมซูมออปติคอล 5 เท่า โดยระบบกล้องของ Note 20 Ultra ยืมมาจาก Galaxy S20 Ultra แต่แก้ไขความบกพร่องในการโฟกัสของโทรศัพท์ด้วยระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบเลเซอร์ใหม่โดยตระหนักถึงศักยภาพของเทคโนโลยีการถ่ายภาพมือถือที่ล้ำสมัยของ Samsung อย่างแท้จริง 

สำหรับใครที่ต้องการมือถือถ่ายรูปสวยๆ ระหว่างเดินทาง แต่จ่ายในราคาน้อยกว่า iPhone 12 เราขอแนะนำให้ลองใช้ Google Pixel 4a หรือ iPhone SE เพราะเป็นโทรศัพท์ราคาถูก แต่รับประกันคุณภาพของภาพถ่ายที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Pixel 4a ซึ่งมีราคาต่ำกว่า iPhone SE แต่มีฮาร์ดแวร์กล้องหลักเช่นเดียวกับโทรศัพท์ Pixel ระดับพรีเมียมของ Google เลย

โทรศัพท์ที่กล้องถ่ายรูปที่ดีที่สุดและคุณสามารถหาซื้อได้ในปัจจุบัน

  1. iPhone 12 Pro Max: เป็น iPhone รุ่นใหม่ของ Apple เป็นโทรศัพท์กล้องถ่ายรูปสวยที่สุด ซึ่งกล้องมีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ช่วยให้รับแสงได้มากกว่า iPhone รุ่นอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Sensor-shift ซึ่งส่งผลให้สามารถถ่ายวิดีโอได้นิ่งเป็นพิเศษ โดยกล้องหลักของ iPhone 12 Pro Max มาพร้อมเลนส์อัลตร้าไวด์ที่มีมุมมอง 120 องศาและกล้องเทเลโฟโต้ 65 มม. พร้อมซูมออปติคอล 2.5 เท่าและซูมดิจิตอล 12 เท่า นอกจากนี้ด้วย12 Pro Max ยังมีระบบเซ็นเซอร์ LiDAR ที่สามารถถ่ายภาพบุคคลได้ในโหมดกลางคืน 
  2. iPhone 12: ถึงแม้ว่า iPhone 12 และ iPhone 12 mini  จะไม่มีเลนส์กล้องเหมือน iPhone 12 Pro แต่ iPhone 12 ยังคงได้รับประโยชน์จากซอฟต์แวร์กล้องถ่ายรูปและระบบประมวลผลของ Apple นั่นหมายความว่าฟีเจอร์ต่างๆเช่น Night Mode, Deep Fusion และ Smart HDR จะยังใช้งานได้อยู่ iPhone 12 ยังสามารถบันทึกวิดีโอ 4K HDR ได้ โทรศัพท์เครื่องนี้บันทึกวิดีโอ Dolby Vision ด้วยแม้ว่าจะจำกัดไว้ที่ 30 FPS วิดีโอที่ถ่ายด้วย iPhone 12 จะดูคมชัดกว่าทุกสิ่งที่ Android Flagship สามารถผลิตได้ในปัจจุบัน ถือว่าเป็นโทรศัพท์มือถือที่กล้องชัดที่สุดอีกเครื่องหนึ่ง
  3. Samsung Galaxy Note 20 Ultra: เป็นโทรศัพท์ที่มีกล้องที่น่าทึ่ง ที่ได้รับการปรับปรุงจาก Galaxy S20 Ultra ด้วยการใช้เซ็นเซอร์โฟกัสอัตโนมัติแบบเลเซอร์ใหม่โดยเฉพาะ เทเลโฟโต้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และสามารถออปติคอลซูมได้ถึง 10 เท่าและดิจิตอลซูมได้สูงสุด 50 เท่า Note 20 Ultra ไม่ได้ให้ภาพถ่ายที่ดีกว่า iPhone ระดับพรีเมียมของ Apple แต่ Note 20 Ultra ให้ความสามารถที่หลากหลายมากขึ้นด้วยเลนส์ล้านพิกเซลและพลังการซูมที่ไม่มีใครเทียบได้ พร้อมทั้งการโฟกัสอัตโนมัติแบบเลเซอร์
  4. Xiaomi Mi 10 Pro 5G: เป็นโทรศัพท์กล้องสวยที่มีเซ็นเซอร์หลักถึง 108 ล้านพิกเซล อีกทั้งยังมีเลนส์เทเลโฟโต้สองตัว มาพร้อมพลังการซูมที่ยอดเยี่ยมที่สามารถเน้นรายละเอียดระยะไกลได้อย่างง่ายดายกว่าโทรศัพท์คู่แข่งและทางยาวโฟกัสที่เหมาะสมสำหรับการถ่ายภาพบุคคลที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีกล้องอัลตร้าไวด์สำหรับทิวทัศน์ ที่มีความสามารถในการจับรายละเอียดที่น่าทึ่งโดยปกติไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า
  5. iPhone SE (2020): iPhone SE รุ่นใหม่มาพร้อมกล้องเลนส์เดี่ยว 12 ล้านพิกเซลƒ / 1.8 ของ iPhone 8 และยังใช้โปรเซสเซอร์ A13 Bionic ที่รวดเร็ว เพื่อเพิ่มพลังในการถ่ายภาพ อีกทั้งยังได้เทคนิคการถ่ายภาพที่ซับซ้อนหลายอย่างของ Apple เช่น Smart HDR และ Semantic Rendering แถมราคาไม่แพงมากเมื่อเทียบกับ iPhone รุ่นล่าสุดของ Apple เหมาะสำหรับคนที่ต้องการโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ โดยเฉพาะ iPhone และไม่มีเงินใช้จ่ายมากนัก เครื่องนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
HILO-88.COM
HILO-88.COM