สอนใช้ มือถือ คอมพิวเตอร์ สอนสร้างเว็บ
Categories
สอนใช้

5 วิธีทำให้ iPhone ของคุณรบกวนน้อยลง

5 วิธีทำให้ iPhone ของคุณรบกวนน้อยลง
5 วิธีทำให้ iPhone ของคุณรบกวนน้อยลง

5 วิธีทำให้ iPhone ของคุณรบกวนน้อยลง

iPhone ต่างก็มอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีและสะดวกสบายแก่คุณ แต่ iOS ก็มักมีจะนิสัยแปลก ๆ ที่คุณอาจรู้สึกว่าน่ารำคาญ วันนี้เราขอนำเสนอเคล็ดลับสั้น ๆ นั่นก็คือคำแนะนำ 5 ประการที่จะทำให้ iPhone ของคุณรบกวนน้อยลง

การหยุดรับคำขอ ‘อัปเดต’ iOS ของ iPhone แบบเร่งด่วน

คุณมักเห็นข้อความป็อปอัปของ iPhone ของคุณที่แจ้งเตือนให้อัปเดตระบบปฏิบัติการของคุณหรือไม่? หากต้องการหยุดคุณต้องปิดการอัปเดตอัตโนมัติในการตั้งค่า โดยการไปที่ การตั้งค่า> ทั่วไป> อัปเดตซอฟต์แวร์> อัปเดตอัตโนมัติ = ปิด ต่อจากนั่นคุณจะไม่เห็นการแจ้งเตือนที่น่ารำคาญนี้อีกต่อไป หากมีการอัปเดตใหม่ๆ คุณจะเห็นก็ต่อเมื่อคุณเปิด การตั้งค่า> ทั่วไป> อัปเดตซอฟต์แวร์

การซ่อนข้อความขาเข้า

เมื่อมีคนส่งข้อความถึงคุณผ่าน Apple Messages ข้อความจะปรากฏบนหน้าจอล็อก iPhone ตามค่าเริ่มต้น โดยเป็นส่วนหนึ่งของการแจ้งเตือน คุณสามารถเปลี่ยนแปลงการรับแจ้งเตือนได้ หากต้องการที่จะซ่อนข้อความพวกนั้นไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นแอบดูข้อความของคุณ ให้ไปที่ การตั้งค่า> การแจ้งเตือน> ข้อความ> แสดงตัวอย่างและเปลี่ยนเป็น “ไม่เลย”

หลังจากนั้นก็จะไม่มีใครสามารถเห็นข้อความที่ส่งถึงคุณได้ จนกว่าโทรศัพท์จะถูกปลดล็อก

ปิดใช้งานหรือปรับแบนเนอร์และป้ายแจ้งเตือน

หากคุณต้องการที่จะปิดใช้งานป้ายแจ้งเตือนและการแจ้งเตือนสำหรับแอปส่วนใหญ่ใน iPhone ของคุณ ไปที่ การตั้งค่า> การแจ้งเตือน> และเลือกแอปที่คุณต้องการปรับเปลี่ยน  โปรดสังเกตว่ามีสามตัวเลือกให้เลือก ได้แก่ หน้าจอล็อกศูนย์หมายถึงข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอล็อกของคุณ (เช่นข้อความขาเข้าแบบเต็มเว้นแต่คุณจะเปลี่ยนการตั้งค่าเริ่มต้น) ศูนย์การแจ้งเตือนคือคุณจะเห็นป้ายการแจ้งเตือนเมื่อคุณลากนิ้วลงจากด้านบนของหน้าจอ และแบนเนอร์คือการแจ้งเตือนแบบป็อปอัปที่คุณเห็นขณะใช้โทรศัพท์

ปิดการใช้งาน Live Photos

คุณเคยถ่ายรูปหรือรับภาพที่เป็นวิดีโอสั้น ๆ หรือไม่? เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาApple ได้เปิดตัว Live Photos ของ iPhone ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้คุณสามารถจับภาพการเคลื่อนไหวและเสียงได้อย่างรวดเร็ว หากคุณไม่อยากที่จะใช้บริการนี้ให้ไปที่ การตั้งค่า> กล้อง> รักษาการตั้งค่า> และปิดใช้งาน Live Photo

หยุด! เจ้าสิริตัวร้าย

หลายคนเข้าใจว่า Siri ที่ติดมากับเครื่อง iPhone นั้นเป็นเครื่องมือผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเข้าถึงความต้องการบางอย่าง นอกจากนี้ยังมีประโยชน์มากในการทำให้ผู้คนไม่มองโทรศัพท์ขณะขับรถ แต่ในบางครั้ง ก็เป็นเครื่องที่น่ารำคาญสำหรับใครหลายๆคนเช่นกัน ซึ่งถ้าหากต้องการปิดใช้งาน ให้ไปที่ การตั้งค่า> Siri และการค้นหา> และปิดใช้งานตัวเลือกทั้งหมด

จากคำแนะนำ 5 ประการนี่ จะทำให้ iPhone ของคุณรบกวนน้อยลง หวังว่าวิธีที่เราได้หยิบยกมานี้คงจะเป็นประโยชน์ให้กับหลายๆคนที่กำลังมองหาวิธีหยุดการรบกวนจากโทรศัพท์ของคุณ ซึ่ง Apple นั่นก็ต่างมีฟีเจอร์ที่ห้ามการรบกวนอยู่หลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับการคุณจะเลือกใช้งานในรูปแบบไหน

Categories
News

iPad Air 4 vs Galaxy Tab S7 แท็บเล็ตรุ่นไหนที่เหมาะสำหรับคุณ?

iPad Air 4 vs Galaxy Tab S7 แท็บเล็ตรุ่นไหนที่เหมาะสำหรับคุณ.png
iPad Air 4 vs Galaxy Tab S7 แท็บเล็ตรุ่นไหนที่เหมาะสำหรับคุณ.png

iPad Air 4 vs Galaxy Tab S7 แท็บเล็ตรุ่นไหนที่เหมาะสำหรับคุณ?

เป็นจุดเริ่มต้นครั้งยิ่งใหญ่เมื่อสองค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Apple และ Samsung ได้นำเสนอแท็บเล็ตที่ดีที่สุดอย่าง iPad Air 4 และ Galaxy Tab S7 โดยบริษัททั้งสองได้นำเสนอศักยภาพที่หลากหลายของตัวสินค้าแบบไม่มีใครยอมใคร ดังนั้นเราจึงคิดว่าถึงเวลาที่เหมาะสำหรับการนำเสนอคุณสมบัติของทั้งสองรุ่นนี้ เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อและเป็นการแสดงให้เห็นความแตกต่างของแท็บเล็ตทั้งสองรุ่นนี้ ที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ทั้งสองค่าย

ความแตกต่างระหว่างแท็บเล็ต iPad Air 4 กับ Galaxy Tab S7

Apple และ Samsung ได้เปิดตัวแท็บเล็ตที่ดีที่สุด อย่าง iPad Air 4 กับ Galaxy Tab S7  โดยทั้งสองรุ่นนี้ก็มีความแตกต่างที่ไม่เหมือนใคร วันนี้เราจึงขอนำเสนอความแตกต่างระหว่างของทั้งสองรุ่นนี้ ในแง่ของคุณสมบัติและราคา

  • ราคาและความคุ้มค่า : iPad Air 4 มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 19,900 บาท ในขณะที่แท็บเล็ต Tab S7 ยังไม่มีการเปิดเผยราคา แต่มีข่าวลือว่าราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 7,800 – 8,750 บาท  ในเรื่องของความคุ้มค่า Tab S7 เริ่มต้นด้วยหน่วยความจำที่ 30GB / 64 GB ในขณะที่  iPad Air 4 เรียกเก็บเงินเพิ่มเติม 150 ดอลลาร์ เพื่ออัปเกรดเป็น 256GB ในขณะที่ตัวเลือก 256GB มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 80 ดอลลาร์
  • สไตล์การออกแบบ : ทั้ง iPad Air 4 และ Tab S7 เปลือกเป็นอลูมิเนียมแบบสปอร์ตหนา 0.2 นิ้วพร้อมขอบบางและตัวเลือกสีที่หลากหลายแต่แท็บเล็ต Tab S7 มีขนาดเล็กกว่า 65 ตารางนิ้ว เมื่อเทียบกับ 67.9 ตารางนิ้วของ iPad Air 4 ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดของทั้งสองรุ่นก็คงจะเป็นที่ เก็บปากกา S-Pen ของ Tab S7 ที่ยึดกับรอยกระแทกที่ด้านหลัง ทำให้มีการบดบังเล็กน้อยในขณะที่ iPad Air 4 ยึด Apple Pencil 2nd Gen ไว้ที่ด้านข้างซึ่งสะดวกกว่า
  • หน้าจอการแสดงผล : Tab S7 ให้หน้าจอความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล ขนาด 11 นิ้ว มีอัตราการรีเฟรชสูงถึง 120Hz ในขณะที่ iPad Air 4 มีความละเอียด 2360 x 1640 พิกเซลขนาด 9 นิ้ว
  • ความปลอดภัย : แท็บเล็ต Tab S7 น่าจะชนะเพราะมีทั้งการจดจำใบหน้าและเครื่องอ่านลายนิ้วมือ ในขณะที่ iPad Air 4 มีเครื่องอ่านลายนิ้วมืออยู่ในปุ่มเปิดปิด (ที่เดียวกับ Tab S7)
  • กล้องถ่ายรูป : Tab S7 มีความเหนือกว่าทั้งในแง่ของจำนวนกล้องและจำนวนพิกเซล ซึ่งมีกล้องด้านหลังคู่หนึ่ง 13MP และ 5MP พร้อมกล้องเซลฟี่ด้านหน้า 8MP ในขณะที่ iPad Air 4 มีกล้องหลังเดี่ยว 12MP และกล้อง FaceTime HD 7MP
  • อายุการใช้งานแบตเตอรี่ : เป็นที่น่าประทับใจอย่างมากที่แท็บเล็ต Tab S7 มีอายุการใช้งานถึง 13 ชั่วโมง 16 นาที ในขนาดที่แบตเตอรี่ iPad Air 4 ที่อ้างอิงจาก Apple ใช้ได้นานถึง 10 ชั่วโมง

สรุปผลความแตกต่าง

แม้ว่าแท็บเล็ตทั้งสองรุ่นนี้มีลักษณะที่คล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญบางประการ จากข้างต้นจะเห็นได้ว่า Tab S7 จะเหนือการในเรื่อง ราคาที่ถูกกว่า มีหน่วยความจำมากกว่า หน้าจอความละเอียดมากกว่า มีระบบความปลอดภัยดีกว่า กล้องคุณภาพดี และใช้งานได้นานกว่า ในขณะที่ iPad Air 4 มีหน่วยความจำที่เหนือกว่า

ผู้สนับสนุน: https://hilo-88.com/

Categories
News

Google ทุ่ม 1 พันล้านดอลลาร์ ให้ผู้ที่ผลิตข่าวลงแพลตฟอร์ม Google News Showcase

Google ทุ่ม 1 พันล้านดอลลาร์ ให้ผู้ที่ผลิตข่าวลงแพลตฟอร์ม Google News Showcase
Google ทุ่ม 1 พันล้านดอลลาร์ ให้ผู้ที่ผลิตข่าวลงแพลตฟอร์ม Google News Showcase

Google ทุ่ม 1 พันล้านดอลลาร์ ให้ผู้ที่ผลิตข่าวลงแพลตฟอร์ม Google News Showcase

Google บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ทุ่มทุนจ่ายเงินมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ให้กับผู้ผลิตข่าวลงแพลตฟอร์มผลิตภัณฑ์ตัวใหม่อย่าง ‘Google News Showcase’ โดย Google ระบุว่าได้ลงนามข้อตกลงด้านลิขสิทธิ์กับสำนักข่าว, ผู้ผลิตเนื้อหาใน News Showcase เกือบ 200 รายการ มีทั้งที่มาจากประเทศ เยอรมนี, บราซิล, อาร์เจนตินา, แคนาดา, สหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย และมีแผนจะเพิ่มมากขึ้นและขยายไปตามภูมิภาคอื่นๆในอนาคต

แบรด เบนเดอร์ รองประธานฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์สำหรับข่าวของ Google กล่าวกับ CNN Business ว่าในอนาคต Google จะอนุญาตให้เผยแพร่ภาพและเสียงไปยัง News Showcase และวางแผนที่จะก้าวไปไกลกว่าความมุ่งมั่นเมื่อ 3 ปี ดังนั้นจึงลงทุนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์กับการวางแผนในครั้งนี้

Bender กล่าว “ผู้เผยแพร่ข่าวสามารถเลือกเทมเพลตเพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดของการทำข่าวและบอกเล่าเรื่องราวในแบบที่พวกเขาต้องการ”

News Showcase แพลตฟอร์มที่เผยแพร่ข่าวที่ใหญ่ที่สุดของ Google

Google ได้เปิดตัวบริการใหม่ล่าสุดอย่าง News Showcase ซึ่งผู้เผยแพร่ข่าวสามารถตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะนำเสนอเนื้อหาของตนบนแพลตฟอร์มอย่างไร เนื้อหาจะแสดงเป็น “แผงเรื่องราว” และผู้เผยแพร่สามารถใช้ไทม์ไลน์สัญลักษณ์แสดงหัวข้อย่อยหรือบทความที่เกี่ยวข้องเพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้าชมคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์ของตนเพื่ออ่านเพิ่มเติม Google จะจ่ายเงินให้ผู้เขียนข่าวบางรายเพื่อให้บทความเข้าถึงได้และฟรีสำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิก

เมื่อไม่นานมานี้ Google ได้เปิดตัว News Showcase ในบราซิลและเยอรมนี พร้อมการใช้งานในแอป Google News บน Android เท่านั้น และจะขยายการใช้งานไปยังอุปกรณ์ iOS และช่องทาง Google Discover และ Google Search ในภายหลัง

Google ได้ปะทะกับหน่วยงานกำกับดูแลของออสเตรเลีย

อันที่จริงออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่ Google เริ่มเซ็นสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ์กับผู้เผยแพร่ข่าว แต่บริษัทได้หยุด News Showcase ชั่วคราว เพราะเรื่องกฎหมายที่อนุญาตให้ผู้เผยแพร่ข่าวสามารถเจรจาค่าตอบแทนสำหรับเนื้อหาของตนเองได้

“แม้ว่าข้อกังวลของเราเกี่ยวกับโปรแกรมจะร้ายแรง แต่เราเชื่อว่าสามารถแก้ไขได้และหวังว่าจะนำ Google News Showcase เข้าสู่ออสเตรเลียในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากเราเชื่อว่าโปรแกรมนี้จะช่วยให้ผู้เผยแพร่ข่าวสามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมและมีส่วนร่วมต่อความยั่งยืนโดยรวมของพันธมิตรข่าวในออสเตรเลียของเรา” Mel Silva กรรมการผู้จัดการของ Google ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์กล่าวในแถลงการณ์

Google ได้ลงนามข้อตกลงกับสำนักข่าวในเยอรมนี บราซิล อาร์เจนตินา แคนาดา สหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย สำนักพิมพ์ที่เข้าร่วม ได้แก่ นิตยสาร Der Spiegel ของเยอรมัน, หนังสือพิมพ์รายวันของบราซิล Folha de S. Paulo และ Village Media บริษัทสื่อของแคนาดา และปฏิเสธที่จะบอกวันที่เปิดตัวในสหรัฐฯ ซึ่งไทยคาดว่าจะเปิดตัวในเร็วๆนี้

Categories
News

Facebook อัปเดตใหม่รวมแชท Messenger กับ Instagram

Facebook อัปเดตใหม่รวมแชท Messenger กับ Instagram
Facebook อัปเดตใหม่รวมแชท Messenger กับ Instagram

Facebook อัปเดตใหม่รวมแชท Messenger กับ Instagram

Messenger และ Instagram เป็นแอปที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน โดย Facebook ถือได้ว่าเป็นเจ้าของแอปทั้งสอง ซึ่งเตรียมที่จะรวมฟังก์ชั่นแชทสนทนาของ Messenger และ Instagram เข้าด้วยกัน โดยหลักๆ คือการรวมฟีเจอร์ของ Messenger เข้ากับ Instagram ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนสีห้องแชท, มีอีโมจิให้เลือกเยอะขึ้น และที่สำคัญคือสามารถแชทข้ามแพลตฟอร์มคุยกับเพื่อนบน Facebook ในแอป Instagram ได้

Facebook จะไม่ปล่อยออกมาทั้งหมด แต่จะทยอยปล่อยการอัปเดตรวมแชทของ Messenger กับ Instagram ให้กับผู้ใช้งานบางส่วนเท่านั้น ซึ่งหากได้รับการอัปเกรดแล้ว บริเวณมุมขวาบนของแอป Instagram จากเดิมจะเป็นช่อง DM (Direct Message) จะเปลี่ยนเป็นโลโก้ของแอป Messenger แทน

Facebook และ Instagram กำลังรวมบริการส่งข้อความเข้าด้วยกันเพื่อให้สามารถสื่อสารข้ามแพลตฟอร์มได้

Facebook ได้นำฟีเจอร์ที่ดีที่สุดของ Messenger มาสู่ Instagram DMs ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ทั้งสองแพลตฟอร์มสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างราบรื่น แล้วยังมีฟีเจอร์ใหม่อีก 10 รายการใน Instagram DM ผู้ใช้สามารถเลือกที่จะอัปเดตทันทีหรือชะลอการอัปเดตในภายหลัง หากผู้ใช้มีสิทธิ์ได้รับการอัปเดตจะมีข้อความแจ้งต่อไป ซึ่งคุณสมบัติใหม่ที่เข้าถึง Instagram Direct Messaging นี่มีคุณสมบัติทั้งหมดดังต่อไปนี้

  • การส่งข้อความข้ามแพลตฟอร์ม : เชื่อมต่อกับผู้คนใน Instagram และ Messenger ได้อย่างราบรื่นโดยใช้แอพใดก็ได้เพื่อส่งข้อความและเข้าร่วมแฮงเอาท์วิดีโอ
  • ดูวิดีโอร่วมกัน : ดูวิดีโอบน Facebook Watch, IGTV, Reels, รายการทีวี, ภาพยนตร์และอื่น ๆ กับผู้ใช้คนอื่น ๆ ในระหว่างการสนทนาทางวิดีโอ
  • โหมด Vanish : โหมดแชทที่เห็นข้อความหายไปหลังจากที่เห็นหรือเมื่อคุณปิดแชท
  • สติกเกอร์เซลฟี่ : วิธีใหม่ในการตอบสนองต่อข้อความ ไฮบริดของบูมเมอแรงอิโมจิและเซลฟี่
  • สีของห้องแชท: ปรับแต่งการแชทของคุณด้วยการไล่ระดับสี
  • กำหนดอิโมจิเอง : สร้างทางลัดของอิโมจิที่คุณชื่นชอบเพื่อตอบสนองต่อข้อความอย่างรวดเร็ว
  • การส่งต่อ : แบ่งปันเนื้อหากับเพื่อนหรือกลุ่มได้สูงสุดห้าคนพร้อมกัน
  • การตอบกลับ : ตอบกลับข้อความเฉพาะในแชทของคุณโดยตรง
  • เอฟเฟกต์ข้อความเคลื่อนไหว : เพิ่มความสวยงามให้กับข้อความด้วยเอฟเฟกต์ส่งแบบเคลื่อนไหว
  • การควบคุมข้อความ : ตัดสินใจว่าใครสามารถส่งข้อความถึงคุณได้โดยตรงและใครไม่สามารถส่งข้อความถึงคุณได้เลย
  • การปรับปรุงการรายงานและการบล็อกการอัปเดต : รายงานการสนทนาทั้งหมดนอกเหนือจากข้อความเดียว รับคำแนะนำการบล็อกเชิงรุกใน Instagram และ Messenger เมื่อคุณเพิ่มบัญชีของคุณในศูนย์บัญชีใหม่

การเติบโตของการรับส่งข้อความบน Instagram และ Facebook

ตอนนี้แอปในตระกูล Facebook มีผู้คนส่งข้อความหากันมากกว่า 1 แสนล้านข้อความทุกวัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการส่งข้อความของแอปได้มาไกลนับตั้งแต่มีการนำมาสู่ Instagram เป็นครั้งแรก โดย Facebook กับ Instagram ทั้งสองแอปนี้มีเจ้าของเดียวกัน

ในการเปิดตัวคุณลักษณะใหม่เหล่านี้บน Instagram และ Messenger ใน “ไม่กี่ประเทศ” ทั่วโลก ซึ่ง Facebook ไม่ได้ระบุชื่อประเทศที่ได้รับการอัปเดตก่อน แต่คาดว่าจะมีการขยายไปทั่วโลกในอีกไม่ช้า

ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาด สถานีต่อไป Facebook ก็น่าจะเป็นการนำ WhatsApp แอปแชทชื่อดังที่มีผู้ใช้งานทั่วโลก มารวมกับทั้ง Messenger และ Instagram อีกที แต่ดูแล้วคงเป็นเรื่องที่ท้าทอยจนต้องปาดเหงื่อนิดหน่อย เพราะตัว WhatsApp มีการเข้ารหัสป้องกันแชทที่ค่อนข้างจะซับซ้อนกว่าทั้งสองแอปที่กล่าวมา

Categories
แนะนำแอปฯ

แอป iPhone ที่อัปเดตเพื่อใช้ประโยชน์จากวิดเจ็ต iOS 14  ที่ดีที่สุด

แอป iPhone ที่อัปเดตเพื่อใช้ประโยชน์จากวิดเจ็ต iOS 14 ที่ดีที่สุด
แอป iPhone ที่อัปเดตเพื่อใช้ประโยชน์จากวิดเจ็ต iOS 14 ที่ดีที่สุด

เมื่อนานมานี้ iPhone ที่อัปเดตระบบปฏิบัติการ iOS 14 ซึ่งในขณะนี้นักพัฒนาแอปจำนวนมากต่างเร่งสร้างสรรค์ ผลงานเพื่อใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติที่ดีที่สุดที่เพิ่มเข้ามา นั่นคือความสามารถในการวางวิดเจ็ตไว้ที่ใดก็ได้บนหน้าจอหลัก

ถึงแม้ iOS รุ่นก่อนหน้ายังมีวิดเจ็ตที่โดดเด่นอยู่ แต่ iOS 14 นี้จะให้วิดเจ็ตที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วยการออกแบบที่น่าสนใจและให้ข้อมูลมากขึ้น ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำแอป iPhone ที่เหมาะแก่การอัปเดตเพื่อใช้ประโยชน์จากวิดเจ็ต iOS 14

สุดยอดแอปพยากรณ์อากาศ Weather Line ใน iOS 14

มีแอปพยากรณ์อากาศยอดเยี่ยมมากมายที่ใช้ประโยชน์จากวิดเจ็ต iOS 14 แต่แอปที่เราชื่นชอบมากที่สุดขอยกให้กับ Weather Line  เพราะมีวิดเจ็ตมากมายและมีขนาดที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการพยากรณ์อากาศรายชั่วโมงหรือรายวัน เป็นวิดเจ็ตที่ใหญ่ที่สุดแถมยังให้ข้อมูลอีกมากมายตั้งแต่ความชื้นไปจนถึงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและเวลาพระอาทิตย์ตก ตลอดจนความเร็วลม และด้วยอินเทอร์เฟซที่ขับเคลื่อนด้วยกราฟ titular ของ Weather Line ทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจแนวโน้มสภาพอากาศได้ง่าย

Weather Line เริ่มใช้งานได้ฟรีบางฟังก์ชั่น เช่นเดียวกับแอป iPhone ทั่วไปหากต้องการใช้ฟังก์ชั่นที่พิเศษ ต้องเสียเงินซื้อถึงจะสามารถปลดล็อกคุณสมบัติที่มากมายได้ เช่นเรดาร์แบบเคลื่อนไหว การคาดการณ์แบบขยายเวลา 10 วันและการตกตะกอนแบบนาทีต่อนาที เป็นแอปที่ต้องสียค่าใช้จ่ายเพื่อปลดล็อกการใช้งานทั้งหมด สามารถโหลดแอปนี้ได้ที่ App Stor

ติดตามภาพรวมทางการเงินด้วยแอป Copilot ใน iOS 14

หากคุณต้องการแอปติดตามพฤติกรรมการใช้จ่ายของคุณ เราขอนำเสนอ Copilot เป็นแอปที่ใช้ประโยชน์จากวิดเจ็ต iOS 14 ที่มีวิดเจ็ตแสดงการใช้จ่ายของคุณในหมวดหมู่เฉพาะ เช่น ข้อมูลร้านค้าเป้าหมายที่ตั้งไว้ล่วงหน้า มีวิดเจ็ตที่ให้ภาพรวมของยอดเงินในบัญชีธนาคาร และยังมีวิดเจ็ตที่แสดงรายการธุรกรรมล่าสุดทั้งหมด ซึ่งสามารถเข้าถึงได้โดยการเชื่อมต่อบัญชีการเงินกับแอป แอปมีการเปิดให้ทดลองใช้ฟรีและหากหมดกำหนดการใช้ฟรี ก็ต้องเสียค่าใช้จ่าย จึงจะสามารถใช้วิดเจ็ตทั้งหมดได้ สามารถโหลดแอปนี้ได้ที่ App Stor

Fantastical แอปปฏิทินที่ดีที่สุดของ iOS 14

Fantastical แอปปฏิทินที่ดีที่สุดของ iOS มาระยะหนึ่งแล้ว ด้วยระบบการสร้างการนัดหมายที่ง่ายดาย พร้อมกับคุณสมบัติที่ชาญฉลาด เช่นการคาดการณ์ที่มีภายในงานอีเวนต์ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ Fantastical เป็นผู้นำในแง่ของแอปที่มีวิดเจ็ตที่รองรับ iOS 14 มีทั้งหมด 11 รายการ ตั้งแต่แบบกะทัดรัดที่แสดงวันที่ปัจจุบัน เหตุการณ์ของวันนี้หรือตารางทั้งเดือน ไปจนถึงการนำเสนอข้อมูลทั้งหมดที่เจาะลึกมากยิ่งขึ้น

วิดเจ็ตทั้งหมดของ Fantastical มีให้บริการในฟรี แต่ก็มีบางคุณสมบัติที่ต้องสมัครสมาชิกเสียค่าใช่จ่าย และยังปลดล็อกแอปเวอร์ชัน Apple Watch และ macOS สามารถโหลดแอปนี้ได้ที่ App Stor

แนวโน้มวิดเจ็ต iOS 14

นี่เป็นเพียงแอปของบุคคลที่สามที่ใช้ประโยชน์จากวิดเจ็ตจาก iOS 14 เท่านั้น แต่ก็ยังสามารถดึงดูดความสนใจของเราเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยความสามารถในการใช้งานที่หลากหลาย และรูปแบบวิดเจ็ตที่สวยงาม ซึ่งในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีแอปที่น่าสนใจเกิดขึ้นอีกมากมาย และเราหวังว่าจะได้แบ่งปันข้อมูลใหม่ ๆ เมื่อมีการปรากฏของตัวแอปใหม่ๆ ให้คุณได้ติดตามในเร็วนี้

เกมส์ออนไลน์ระบบ ios และ android

Categories
สอนใช้

3 วิธีรีเซ็ต iPad ของคุณ

3 วิธีรีเซ็ต iPad ของคุณ
3 วิธีรีเซ็ต iPad ของคุณ

คุณมีปัญหาเกี่ยวกับ iPad ของคุณหรือไม่? วันนี้เราจะช่วยทำให้ iPad ของคุณกลับมาใช้งานได้ปกติและรวดเร็ว หลายคนต่างชอบ และคิดว่ามันเป็นฮาร์ดแวร์ที่ดีที่สุดชิ้นหนึ่งของ Apple เนื่องจากมีอายุการใช้งานที่ยาวนานในการชาร์จครั้งเดียวตามระยะเวลาที่ Apple รองรับ

แม้ว่าจะมีสาเหตุหลายประการที่ทำให้ iPad ของคุณทำงานผิดปกติ แต่วันนี้เรามีสามวิธีง่ายๆ ในการทำให้เครื่องกลับมาทำงานได้ตามปกติ ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดคือการรีเซ็ตซึ่งสามารถแก้ปัญหาด้านประสิทธิภาพได้ และการรีสตาร์ทแบบบังคับ และตัวเลือกสุดท้ายคือการรีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงานซึ่งจะลบทุกอย่างออกจาก iPad ของคุณ

ก่อนที่คุณจะทำตามขั้นตอนเหล่านี้ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลในเครื่องของคุณ ทำการเก็บสำรองข้อมูลเรียบร้อยแล้ว และนี่คือคำแนะนำในการรีเซ็ต iPad ของคุณ

วิธีรีเซ็ต iPad แบบซอฟต์รีเซ็ต

1. กดปุ่มเปิด / ปิดเครื่องค้างไว้

2. ปัดปุ่ม “เลื่อนเพื่อปิดเครื่อง” ไปทางขวาเมื่อปรากฏบนหน้าจอ

3. หลังจาก iPad ปิดให้กดปุ่มเปิด / ปิด / ล็อคอีกครั้งจนกว่าโลโก้ Apple จะปรากฏขึ้น

วิธีรีเซ็ต iPad แบบบังคับให้รีสตาร์ท

          วิธีรีเซ็ตมีสองวิธีในการบังคับให้รีสตาร์ท iPad ซึ่งจะต้องทำหากเครื่องไม่ทำงาน  โดยส่วนใหญ่ iPad จะมีปุ่มโฮมที่ด้านล่างของหน้าจอ

วิธีแรก : กดปุ่มเปิด / ปิดและปุ่มโฮมค้างไว้พร้อมกันจนกว่า iPad จะปิด ซึ่งควรรีสตาร์ทด้วยตัวเอง เมื่อกดปุ่มเปิด / ปิดค้างไว้อีกครั้งหากไม่เป็นเช่นนั้นให้เลือกทำวิธีที่สอง

วิธีที่สอง : หากรุ่น iPad ของคุณไม่มีปุ่มโฮม (iPad Pro ปี 2018 ไม่มี) คุณจะต้องทำขั้นตอนต่อไปนี้ อย่างรวดเร็วหากวิธีแรกไม่ได้ผล

1. คลิกและปล่อยปุ่มเพิ่มระดับเสียง

2. คลิกและปล่อยปุ่มลดระดับเสียง

3. กดปุ่มล็อค / เปิด / ปิดค้างไว้จนกระทั่งหน้าจอเลื่อนเพื่อปิดเครื่องปรากฏขึ้น

4. เลื่อนเพื่อปิด และรอให้ iPad ของคุณปิด

5. กดปุ่มเปิด / ปิดค้างไว้จนกว่าจะเปิด

วิธีรีเซ็ต iPad แบบคืนค่าจากโรงงาน

          นี่คือวิธีพื้นฐานสำหรับวิธีรีเซ็ต iPad ซึ่งจะลบข้อมูลทั้งหมดของคุณและกู้คืนกลับไปเป็นการตั้งค่าจากโรงงาน ซึ่งวิธีนี้จะทำได้เหมือนกันในทุกเครื่องและเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหา

1. เปิดแอปการตั้งค่า

2. ไปที่การตั้งค่าทั่วไป

3. แตะที่รีเซ็ต

4. แตะที่ “ลบเนื้อหาและการตั้งค่าทั้งหมด”

5. เลือกตัวเลือก สำรองหรือลบ

จากนั้นรอให้ iPad ของคุณรีเซ็ต ซึ่งอาจจะใช้เวลานานขึ้นอยู่กลับข้อมูลภายในเครื่องของแต่ละเครื่อง

จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 วิธีนี้ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรีเซ็ต iPad ของคุณเบื้องต้น เมื่อตัวเครื่องมีอาการผิดปกติ แต่ถ้าหากได้ทำตามวิธีใดวิธีหนึ่งใน 3 วิธีนี้แล้ว อุปกรณ์ของคุณก็ยังไม่สามารถใช้ทำงานได้ปกติ เราขอแนะนำให้นำตัวเครื่องเข้าศูนย์ซ่อมเพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจดูอาการและซ่อมแซมให้กลับมาใช้ได้อย่างปกติ และนี่ถือเป็นทางเลือกสุดท้ายและเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด

Categories
วิธีดูแลรักษา

การชาร์จโทรศัพท์ข้ามคืนอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ?

การชาร์จโทรศัพท์ข้ามคืนอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ
การชาร์จโทรศัพท์ข้ามคืนอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ

การชาร์จโทรศัพท์ข้ามคืนทิ้งไว้ในขณะนอนหลับเป็นผลเสียถึงขั้นเป็นอันตรายหรือไม่? มีคำถามมากมายเกี่ยวกับแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ มีการถกเถียงกันจำนวนมาก เนื่องจากบางคนกลัวว่าแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนจะ “ใช้งานเกินกำลัง” ซึ่งความกังวลดังกล่าวดูเหมือนจะค่อนข้างสมเหตุสมผลเนื่องจากเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา Galaxy Note 7s ของ Samsung เกิดไฟลุกขึ้นเบื้องต้นเกิดจากปัญหาแบตเตอรี่ แต่ตามที่เราได้ติดตามข่าวมานั้นอธิบายได้ว่าเกิดข้อบกพร่องในเรื่องของการผลิต และวันนี้เราขอนำเสนอเรื่องราวความจริงของการชาร์จโทรศัพท์ iPhone หรือ Android โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเสียบปลั๊กค้างคืน

การชาร์จโทรศัพท์ข้ามคืนจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพจริงหรือ?

สิ่งหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญทุกคนเห็นพ้องต้องกันเมื่อมีคำถามเกี่ยวกับการชาร์จโทรศัพท์ข้ามคืนนั้นคือ สมาร์ทโฟนฉลาดพอที่จะไม่ปล่อยให้เกิดการโอเวอร์โหลด ซึ่งมันมีชิปป้องกันภายในทำให้สมาร์ทโฟนมีการตัดวงจรกระแสไฟฟ้า เมื่อมีการชาร์จจนเต็ม แต่อาจเกิดปัญหาได้หากสมาร์ทโฟนเจอความร้อน หรืออยู่ในอุณหภูมิที่สูง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายท่านแนะนำให้นำเคสออกจากโทรศัพท์ก่อนชาร์จ เพื่อระบายความร้อนจากตัวเครื่องในขณะที่ชาร์จ และอย่าวางโทรศัพท์ที่ชาร์จอยู่ไว้ใต้หมอนเด็ดขาด

          อาการชาร์จแล้วเครื่องร้อนอาจเกิดจากสายชาร์จเสีย หรือหากคุณใช้สายชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน (เช่นสาย Lightning ของ iPhone ควรได้รับการรับรอง MFi ) อาจเป็นปัญหาได้ สายไฟและขั้วต่ออาจไม่ตรงตามข้อกำหนดสำหรับโทรศัพท์ของคุณ

ควรชาร์จแบตเตอรี่ในสถานที่ที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสม

แบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์ที่เกลียดสองสิ่งนี้ นั้นก็คือ ความเย็นจัดและความร้อนสูง เมื่อคุณชาร์จแบตเตอรี่ไว้ในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพและหมดเร็วขึ้น ภายในของสมาร์ทโฟนทุกเครื่องไม่ชอบความร้อนและความชื้น เพราะมันมีระบบคอมพิวเตอร์อยู่ในนั้น ซึ่งระบบคอมพิวเตอร์กับอากาศร้อนและความชื้น เป็นเสมือนศัตรูตัวฉกาจของกันและกันมาหลายทศวรรษแล้ว

          ในเรื่องของอุณหภูมิที่เหมาะสมนั้น Apple ได้กล่าวไว้ว่าการชาร์จ iPhone ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 35 องศาเซลเซียส หรือ 95 องศาฟาเรนไฮต์ จะทำให้แบตเตอรี่เสียหายถาวร เช่นเดียวกันกับสมาร์ทโฟนสมัยใหม่ทุกรุ่น หากคุณจะชาร์จโทรศัพท์ข้ามคืนคุณควรเลือกสถานที่ที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้สมาร์ทโฟนของคุณเครื่องร้อนเกินไป

สรุปส่งท้าย การชาร์จโทรศัพท์ข้ามคืนทำให้แบตเตอรี่โทรศัพท์มีอายุการใช้งานน้อยลง ?

จากข้อมูลข้างต้น จะทำให้ทราบว่า การชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้ข้ามคืน จะไม่ส่งผลเสียต่อตัวสมาร์โฟนและแบตเตอรี่ เนื่องจากสมาร์ทโฟนจะมีการตัดวงจรกระแสไฟฟ้า เมื่อมีการชาร์จจนเต็ม แต่อย่างไรก็ตามการที่จะชาร์จแบตเตอรี่ทั้งคืนนั้น ผู้ชาร์จควรจะนำเคสออกจากโทรศัพท์ก่อนชาร์จ เพื่อเป็นการระบายความร้อนจากตัวเครื่องในขณะที่ชาร์จ ควรเลือกใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน และควรชาร์จในที่ที่มีอุณภูมิที่เหมาะสม

Categories
แนะนำแอปฯ

สร้างวิดีโอแบบสั้นด้วย Instagram Reels

สร้างวิดีโอแบบสั้นด้วย Instagram Reels
สร้างวิดีโอแบบสั้นด้วย Instagram Reels

Instagram เปิดตัว Instagram Reels ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่มีลูกเล่นเป็นวิดีโอสั้น ๆ โดยสามารถเพิ่มเพลงและเอฟเฟกต์ภาพสนุก ๆ บนวิดีโอแบบวนซ้ำได้ ถือว่าเป็นการเปิดตัวที่ถูกจังหวะจริงๆ เพราะเมื่อไม่นานมานี้มีคำสั่งแบบแอป TikTok จากฝ่ายบริหารของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา

Instagram Reels เป็นฟีเจอร์ตัวหนึ่งที่รวมอยู่ในแอป Instagram ที่สามารถใช้งานได้ทันที โดยคลิปวิดีโอมีความยาว 15 วินาที สามารถบันทึกแล้วแชร์กับผู้ติดตามได้ หากเปิดบัญชีเป็นสาธารณะวิดีโอจะถูกเผยแพร่ไปยังชุมชน Instagram ที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย เรามาดูวิธีการสร้างวิดีโอแบบสั้นๆของเรากันเลยดีกว่า

Categories
News

Twitter ทดสอบการแปลภาษาโดยอัตโนมัติ เริ่มที่บราซิลเป็นประเทศแรก

Twitter ทดสอบการแปลภาษาโดยอัตโนมัติ เริ่มที่บราซิลเป็นประเทศแรก
Twitter ทดสอบการแปลภาษาโดยอัตโนมัติ เริ่มที่บราซิลเป็นประเทศแรก

    Twitter อีกแอปพลิเคชั่นของการโต้ตอบกันบนมือถึง หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายไม่แพ้แอป ฯ อื่น ๆ แต่อาจมีปัญหาในเรื่องของการใช้ภาษาซึ่งเป็นอุปสรรคที่ใหญ่มากในการสื่อสาร เมื่อต้องสื่อภาษากับคนละภาษาทำให้การสื่อสัมพันธ์อาจไม่ถึงสุดทางก็ได้ ดังนั้นทาง Twitter เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเนื่องจากรู้ว่าผู้ใช้งานได้รับความเดือดร้อนในเรื่องดังกล่าว จึงได้ระดมทีมวิศวกรทางด้านนี้มาช่วยกันเพื่อการพัฒนาแอป ฯ ของตนให้มีการใช้งานทางด้านภาษาให้หลากหลายยิ่งขึ้น

    โดยได้ทำการแปลภาษาขึ้นก่อนเป็นการเร่งด่วน โดยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ภาษาที่ตนเองถนัดได้ในการสื่อสาร ซึ่งทาง Twitter ก็ได้ออกประกาศมาแล้วอย่างเป็นทางการว่าจะพัฒนาให้ฟีเจอร์นี้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งที่จริงแล้วควรเป็นการแปลภาษาโดยวิธีอัตโนมัติแทนการที่ผู้ใช้ต้องกดเลือกเอง สำหรับผู้ใช้งานที่ตั้งค่าไว้ในภาษาอยู่แล้ว โดยเป็นภาษากลางหรือภาษาอังกฤษ แต่ต้องการทวีตในภาษาอื่น ก็จะกดปุ่มเพิ่อแปลภาษานั้นได้ทันที แต่ในเวอร์ชั่นใหม่นี้ทาง Twitter จะทำให้การทวิตทั้งหมดของผู้ใชงานแสดงเป็นภาษาของผู้ใช้งานเองก่อนเท่านั้น แลถจะแสดงผลทวิตเป็นภาษาที่ต้องการได้ในภายหลัง โดยในฟีเจอร์ใหม่นี้จะปรากฏในแอคเค้าท์ทวิตของผู้ใช้งานในประเทศบราซิลก่อนเป็นที่แรก

    โดย Twitter ของผู้ใช้งานในประเทศบราซิลจะได้ใช้ฟีเจอร์ใหม่นี้ด้วยการทดสอบในกลุ่มผู้ใช้ชาวบราซิลก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งการทวิตของผู้ใช้ในภาษาอื่น ๆ จะถูกแปลเป็นภาษโปรตุเกสในฟีเจอร์ของผู้ใช้ชาวบราซิลโดยอัตโนมัติ แต่ก็ปรากฎว่าผู้ใช้งานในกลุ่มทดสอบนี้บางส่วนก็ยังไม่พอใจสักเท่าไหร่ เนื่องจากการทำงานของฟีเจอร์อัตโนมัตินี้ยังไม่สมบูรณ์ ทั้งของ Google และของ Apple เองก็ตามซึ่งปัญหาอยู่ที่คำแปลความบางคำยังไม่ถูกต้องตามหลักภาษาศาสตร์นัก เรียกว่ายังไม่สมบูรณ์ 100% นั่นเอง เพราะยังมีการตีความภาษาที่ผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้ว่าการใช้งานแปลภาษานี้จะเป็นส่วนช่วยเสริมการใช้งานที่ดีแต่ผู้ใช้ยังคงคิดว่าเป็นการแปลที่เข้มงวดมากเกินไปอยู่นั่นเอง

    ซึ่งทาง Twitter ในประเทศบราซิลกลับให้รายละเอียดว่า ตัวฟีเจอร์ใหม่นี้กำลังอยู่ในระยะทดสอบ ซึ่งทวิตทั้งหมดที่เกินขึ้นในระหว่างนี้จะถูกเก็บบันทึกไว้เพื่อการนำข้อมูลมาวิเคราะห์อีกครั้งหนึ่งเพื่อการปรับปรุงให้ดีขึ้น หลังจากทีมงานได้เห็นข้อบกพร่องแล้วในภายหลัง เพื่อให้การใชงานเป็นไปอย่างราบรื่นต่อไป

    ส่วนผู้ใช้งานชาวไทย ก็ไม่ต้องเสียใจว่าทวิตของตนจะไม่ได้ผลตามที่ต้องการ เนื่องจากทั้งหมดที่กล่าวนี้เป็นเพียงการทดลองในในบราซิลเท่านั้น คงยังไม่มาถึงบ้านเราเร็ว ๆ  หรือไม่แน่ถ้าการทดลองล้มเหลว โครงการนี้ก็อาจต้องพับไปหรือปิดตังเองลงก่อนที่จะแพร่ไปยังประเทศอื่น ๆ ก็ได้

Categories
News

Samsung เลิกแถมหูฟังในกล่องเริ่มที่สหรัฐ ฯ

Samsung เลิกแถมหูฟังในกล่องเริ่มที่สหรัฐ ฯ
Samsung เลิกแถมหูฟังในกล่องเริ่มที่สหรัฐ ฯ

    ซัมซุงค่ายมือถือยักษ์ใหญ่องเกาหลี ที่มีสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ออกว่างจำหน่ายทั่วโลก และเป็นที่รู้จักกันดีมีสาวกซัมซุงเป็นล้านเครื่องอยู่ในเวลานี้ จากผลสำรวจในเรื่องของผลิตภัณฑ์มือถือที่ใช้งานจริงอยู่ มีผู้ใช้งานหูฟังไม่ถึง 20% ซึ่งก็ได้กลายเป็นของทิ้งให้เป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปในที่สุด ทำให้เกิดผลเสียต่อมลภาวะของสังคมบนโลกอย่างช่วยไม่ได้ เรื่องดังกล่าวทำให้ผู้ผลิตตระหนักถึงผลที่เกิดขึ้นแล้ว จึงได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เลิกแถมหูฟังที่มาพร้อมเครื่องใหม่ทุกเครื่องตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยให้เริ่มที่สหรัฐอเมริกาก่อนเป็นประเทศแรก ดังนั้นลูกค้าซัมซุงที่ซื้อมือถือซัมซุงในสหรัฐ ฯ จะไม่ได้รับแถมหูฟังในกล่องมือถืออีกต่อไป แต่ยังไม่รู้ว่าราคาจะคงเดิมหรือไม่

    ก่อนหน้านี้ทาง Apple ก็เคยมีนโยบายเช่นนี้มาก่อน ว่าจะเลิกแถมหูฟังและหัวชาร์จในกล่อง IPhone ด้วยเช่นกัน แต่ก็ได้มีข่าวลือออกมาว่าทาง ซัมซุงก็มีแนวคิดเดียวกัน ซึ่งดูเหมือนว่าแนวคิดนี้จะเป็นแนวคิดที่เหมือนกันกับค่ายอื่น ๆ ทั้งไปเสียด้วยซ้ำเนื่องจากจะสามารถลดขยะได้แล้ว ที่สำคัญยังลดต้นทุนการผลิตได้อีกต่างหากซึ่งเรื่องนี้น่าจะสำคัญกว่าเรื่องการลดขยะเสียอีก สำหรับเรื่องการงดแถมหูฟังนี้ทางค่ายซัมซุงแม้ว่าจะคิดทีหลังแต่ก็เดินหน้าไปก่อนใครแล้วในขณะนี้

    เนื่องด้วยระหว่างนี้ในกล่องผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะ Samsung Galaxy Note 20 & Ultra ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานในบ้านเรา ก็จะไม่มีการแถมหูฟังให้แล้ว เช่นเดียวกับในอเมริกา แต่ยังมีที่ชาร์จให้เหมือนเดิม แต่ก็เป็นไปคามคาดที่ซัมซุงจะไม่แถมทั้งหูฟังและที่ชาร์จในกล่องซัมซุงในสหรัฐ ฯ อีกต่อไป โดยเฉพาะหูฟัง USB-C ซึ่งเรื่องนี้ทางซัมซุงก็ได้ออกมาให้คำยืนยันแล้วว่าเป็นเรื่องจริง แต่ซัมซุงก็มีทางเลือกให้ลูกค้าที่ต้องการหูฟัง ก็จะขอได้ฟรีจากทางร้านค้าก็ได้

    แนวคิดการเลิกแถมที่ชาร์จ หรือหูฟังนี้เป็นแนวคิดของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนมานานแล้ว แต่ยังไม่มีใครกล้าที่จะเป็นผู้นำ มันได้เกิดขึ้นมาจากกระแสการรณรงค์ในเรื่องการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ในสหรัฐ ฯ เองเป็นประเทศแรก ซึ่งการดำเนินนโยบายดังกล่าวของบรรดาผู้ผลิตมือถือสมาร์ทโฟน ทั้ง Apple และ Samsung นั้นก็เป็นเพียงการเดินตามแนวคิดตามกระแสเท่านั้น ซึ่งก็ได้รับคำชมจากสถาบันที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ อย่างมากมาย แค่อาจสวนทางกับผู้ใช้ก็ได้ ทางซัมซุงได้ออกตัวว่านโยบายดังกล่าวนี้ยังไม่มีแนวคิดที่จะใช้กับประเทศอื่นนอกจากในสหรัฐ ฯ เท่านั้น ซึ่งก็ได้รวมถึงประเทศไทยด้วย แต่อย่างไรก็คงกำลังดูอยู่เช่นกันสาวกซัมซุงในบ้านเราก็ระวังไว้เป็นดีที่สุด

HILO-88.COM
HILO-88.COM