สอนใช้ มือถือ คอมพิวเตอร์ สอนสร้างเว็บ
Categories
News

NINEBOT Super Scooter GT2 สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ราคาหลักแสน 

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า

หากกล่าวถึง สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ในปัจจุบันก็นับว่าเป็นยานพาหนะยอดฮิตของคนชาวเมืองเลยก็ว่าได้ เนื่องจากสกู๊ตเตอร์สามารถเดินทางได้สะดวกสบายไม่ว่าจะไปในถนนที่แคบ ๆ นำขึ้นบนรถไฟฟ้า หรือแม้แต่กระทั่งเป็นเครื่องช่วยทุ่นแรงให้คุณเดินทางได้อย่างรวดเร็วแต่ไม่เหนื่อยเท่าการเดินหรือการปั่นจักรยาน และในวันนี้เราอยากจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ “NINEBOT Super Scooter GT2” สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าราคาหลักแสน ที่ไม่ได้ว๊าวแค่ราคาเท่านั้น

NINEBOT Super Scooter GT2 สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ที่สามารถทำความเร็วสูงสุด 70 กม./ชม. 

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า

NINEBOT Super Scooter GT2 เป็น สกู๊ตเตอร์ ไฟฟ้า รุ่นยอดนิยมจาก Segway บริษัทสัญชาติจีนที่มีสำนักงานใหญ่ในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ของสหรัฐฯ และทำการตลาดผลิตภัณฑ์ของบริษัทไปยังตลาดเฉพาะกลุ่มต่าง ๆ เป็นหลัก ซึ่งรวมถึงหน่วยงานตำรวจ ฐานทัพทหาร คลังสินค้า และสถานที่อุตสาหกรรม เป็นต้น ดังนั้นเราจึงมักจะเห็นหน่วยงานต่าง ๆ เหล่านี้ใช้สินค้าจากแบรนด์นี้เป็นจำนวนมาก 

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า

แต่ในปัจจุบันสินค้าของ Segway ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าอิสระที่ไม่ได้มาจากกลุ่มองค์กรต่าง ๆ โดยเฉพาะ Scooter ไฟฟ้าผู้ใหญ่ 2 ล้อ อย่าง NINEBOT Super Scooter GT2 ที่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันในวันนี้ โดย Super Scooter GT2 จะมาพร้อมมอเตอร์ 2 ตัว กำลังมอเตอร์สูงสุดถึง 6000W ที่สามารถให้ความเร็วสูงสุด 70 กม./ชม. แบตเตอรี่ Lithium-ion 30 Ah 50.4V และสามารถวิ่งได้ไกลถึง 90 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง 

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า

ระบบเบรกเป็นแบบ Hydraulic Disc Brake ไฟหน้า หลัง และ ไฟเลี้ยว มาให้พร้อมเพิ่มความปลอดภัยระหว่างใช้งาน มีจอแสดงผล Transparent PMOLED ระบบกันสั่นสะเทือนคู่ ตัวเครื่องสามารถกันน้ำมาตรฐาน IPX4 ส่วนมอเตอร์ก็สามารถกันน้ำในระดับ IPX7 ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะฝนตกหรือมีน้ำขังบนถนนก็สามารถใช้งานได้หายห่วง และที่สำคัญคือยังสามารถรองรับน้ำหนักได้สูงสุดถึง 150 กิโลกรัม พร้อมความสามารถในการพับเก็บได้ ดังนั้นใครที่อาศัยอยู่ในคอนโดฯ หรืออพาร์ทเมนสกู๊ตเตอร์รุ่นนี้ถือว่าเหมาะเป็นอย่างยิ่ง

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าราคาแสนต้น ๆ พร้อมประกันยาว ๆ 2 ปี 

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า

สำหรับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า รุ่นที่เราพาทุกคนไปรู้จักกันในวันนี้มีน้ำหนักรวมอยู่ที่ 53 กิโลกรัม ซึ่งเป็นรุ่นที่อาจจะไม่เหมาะกับการนำขึ้นรถไฟฟ้าสักเท่าไร เนื่องจากอาจจะมีน้ำหนัก และขนาดที่ใหญ่จนเกินไป ซึ่งหากใครที่อยากได้ scooter ไฟฟ้า น้ำหนักเบา เหมาะกับการพกพาขึ้นบนรถไฟฟ้ารุ่นทั่วไปของแบรนด์ก็อาจจะเหมาะมากกว่าเนื่องจากจะมีน้ำหนักเบาเพียง 15 – 20 กก. และมีราคาเริ่มต้นเพียงหลักหมื่นเท่านั้น แต่สำหรับสกู๊ตเตอร์ที่เราพาทุกคนไปทำความรู้จักกันในวันนี้เป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงและมีขนาดและน้ำหนักใหญ่กว่ารุ่นทั่วไปของแบรนด์ โดยเป็น scooter ไฟฟ้าผู้ใหญ่ ราคา 169,000 บาท ซึ่งในราคานี้รับฟรีประกันมอเตอร์ 2 ปีและ แบตเตอรี่ 1 ปี

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

XPS 13 Plus Laptop แล็ปท็อปรุ่นใหม่ ดีไซน์เรียบหรู ดูแพง

XPS 13 Plus Laptop

XPS 13 Plus Laptop เป็นแล็ปท็อปรุ่นใหม่จาก Dell ที่เปิดตัวไปตั้งแต่ต้นปี 2022 ซึ่งเป็นแล็ปท็อปที่มีดีไซน์เรียบหรู Luxury และที่สำคัญคือให้ความรู้สึกบางเบา ไม่เทอะทะ ดังนั้นจึงทำให้เหมาะกับการพกพาไปทำงานนอกสถานที่เป็นอย่างยิ่ง 

เปิดสเปค XPS 13 Plus Laptop แล็ปท็อปที่เหมาะกับงานหลายรูปแบบ

XPS 13 Plus Laptop

XPS 13Plus Laptop นับว่าเป็นโน้ตบุ๊กที่เหมาะกับการทำงานหลายรูปแบบ ทั้งงานธุรกิจทั่วไป งานกราฟิก, ตัดต่อวิดีโอ, เล่นเกม หรือแม้แต่กระทั่งการใช้สำหรับความบันเทิงต่าง ๆ โน้ตบุ๊กรุ่นนี้ก็เรียกว่า ครบครันเป็นอย่างยิ่ง โดย Dell XPS13 Plus มี 2 รุ่นย่อยให้เลือก ได้แก่ รุ่นที่มาพร้อม CPU Intel Gen12th Core i7 และ Intel Gen12th Core i5 

โดยรุ่นที่มาพร้อม Intel Gen12th Core i7 จะทำงานร่วมกับ Graphic Chip Intel Iris Xe Graphics Ram 16 GB ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Pro, Windows 11 Home 64-bit ความจุ 512GB Wi-Fi 6 Bluetooth 5.2 หน้าจอระบบสัมผัส OLED ขนาด 13.4 นิ้ว ความละเอียด 3.5K (3456×2160) อัตรารีเฟรช 60Hz 100% sRGB ความสว่างของหน้าจออยู่ที่ 400 nits พร้อมระบบป้องกันแสงสะท้อน และ InfinityEdge

XPS 13 Plus Laptop

นอกจากนี้XPS 13 Plus 9320 ยังมาพร้อมกล้องเว็บแคมในตัวความคมชัดระดับ HD RGB 720p ที่ 30 fps และ กล้อง IR ความละเอียด 400p ที่ 30 fps พร้อมไมโครโฟนแบบ dual-array มาในตัว และในส่วนของ เครื่องเสียงและลำโพง Dell new X P S 13 Plus Laptop ถูกติดตั้งลำโพง 4 ตัวพร้อมเอาต์พุตรวม 8 วัตต์ และพร้อมปรับแต่งคุณภาพระดับสตูดิโอด้วยเสียง Waves MaxxAudio®Pro และ Waves Nx®3D จึงทำให้โน้ตบุ๊กรุ่นนี้มีเสียงที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ 

ในส่วนของพอร์ต หรือช่องสำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ รุ่นนี้มีพอร์ต Thunderbolt™ 4 มาให้ทั้งหมด 2 พอร์ต แต่ภายในกล่องจะแถมอะแดปเตอร์สำหรับแปลง USB-C เป็น USB-A 3.0 และ อะแดปเตอร์ ชุดหูฟัง จาก USB-C เป็น 3.5 มม. ดังนั้นคุณจึงไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเหล่านี้แต่อย่างใด และที่สำคัญคือ XPS 13PlusLaptop ยังมีน้ำหนักเริ่มต้นเพียง 1.23 – 1.26 กิโลกรัมเท่านั้น จึงทำให้เราสามารถพกพาโน้ตบุ๊กไปทำงานนอกสถานที่ได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

Dell XPS 13Plus ราคา เริ่มต้นที่ 73,990 บาท พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย

XPS 13 Plus Laptop

สำหรับ XPS13Plus Laptop เป็นโน้ตบุ๊กที่มาพร้อมหน้าจอ 3 ขนาด ได้แก่ 13 นิ้ว, 15 นิ้ว และ 17 นิ้ว โดยรุ่นที่เรานำมาแนะนำให้กับทุกคนได้รู้จักกันในวันนี้คือรุ่น 13 นิ้ว ซึ่งปัจจุบันมีเพียงสีเดียวเท่านั้น นั่นคือสี Graphite และที่สำคัญปัจจุบันทุกคนสามารถหาซื้อสินค้ารุ่นนี้ในไทยได้แล้วเป็นที่เรียบร้อย โดย DellXPS 13 plus รุ่นนี้มีราคาอยู่ที่ประมาณ 73,990 บาท ดังนั้นเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากลองสัมผัสหรืออยากเป็นเจ้าของก็สามารถเดินทางเข้าไปยังศูนย์ Dell หรือ ตัวแทนจำหน่ายได้แล้ววันนี้

เข้าร่วมกับความสนุกสุดอลังการของเกม Sagame และตื่นเต้นไปกับประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

5 พัดลมมินิมอล พัดลมดีไซน์เรียบง่าย เข้ากับทุกห้องในบ้าน

พัดลมมินิมอล

พัดลมมินิมอล นับว่าเป็นดีไซน์ของพัดลมที่เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงต้องตามหาอย่างแน่นอน เนื่องจากตลอดหลายปีที่ผ่านมาแบรนด์ผู้ผลิตพัดลมมักจะมีการดีไซน์พัดลมให้มีสีสันที่หลากหลาย ซึ่งจะค่อนข้างจะสวนทางกับความต้องการของคนในปัจจุบัน ที่มักจะออกแบบห้อง หรือ บ้าน ให้มีดีไซน์มินิมอล และเรียบง่าย ซึ่งการที่เราจะหาซื้อพัดลมให้มีดีไซน์มินิมอลให้เข้ากับดีไซน์ของบ้านจึงอาจจะเป็นเรื่องยาก ดังนั้นวันนี้เราจึงได้รวบรวม 5 พัดลมดีไซน์มินิมอลมาฝากเพื่อน ๆ ทุกคนที่อยากได้ทั้งพัดลมดี ๆ ไว้ใช้งาน พร้อมดีไซน์ที่เข้ากับบ้านของเรา

พัดลมมินิมอล จาก 5 แบรนด์ดัง ที่ไม่ได้มีดีแค่ดีไซน์ 

สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังตามหา พัดลม มินิมอล วันนี้เว็บไซต์ของเราได้รวบรวม 5 พัดลมสไตล์มินิมอล ที่ให้ทั้งลมแรง คงทน และ ดีไซน์สุดเรียบง่าย 

พัดลมมินิมอล
  • Xiaomi Smart Standing Fan 2 Pro

พัดลมมินิมอล Xiaomi รุ่นใหม่ล่าสุดซึ่งเป็นแบบไร้สาย จึงทำให้มีดีไซน์ที่เรียบง่าย ทันสมัย และไม่มีสายไฟมารุงรังรำคาญสายตา โดยรุ่นนี้นอกจากจะเป็นแบบไร้สายแล้ว ยังมาพร้อมไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่และการชาร์จ ใบพัดลมสองชั้น 7+5 ใบ ที่ให้ลมเย็น ไม่แรงปะทะตัวจนเกินไป และกระจายลมไปถึง 140 องศา ควบคุมการทำงานด้วยเสียง อีกทั้งแบตเตอรี่ยังสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 18 ชั่วโมงสำหรับโหมดการระบายอากาศมาตรฐาน ความเร็วระดับ 1 

ราคา: 2,990 บาท

พัดลมมินิมอล
  • พัดลมตั้งพื้นกึ่งตั้งโต๊ะ R12A-HRB

พัดลมมินิมอล Mitsubishi ที่มีให้เลือกถึง 2 สี คือ ขาว และ ดำ โดยรุ่นนี้มาพร้อมใบพัดขนาด 12 นิ้ว ความเร็ว 1,170 รอบต่อนาที ระดับแรงลม 3 ระดับ ควบคุมได้ง่ายจากระยะไกลด้วยรีโมท เพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วยระบบตัดไฟอัตโนมัติ เมื่อมอเตอร์มีอุณหภูมิสูงเกินไป หรือ ไฟฟ้าลัดวงจร เพื่อป้องกันการเกินไฟไหม้ 

ราคา: 2,200 บาท 

พัดลมมินิมอล
  • Alectric พัดลมตั้งพื้น OF2 

พัดลมจากแบรนด์ Alectric ใบพัดใหญ่ขนาด 16 นิ้ว ที่สามารถปรับระดับลมได้ 3 ระดับ แรงดันไฟ 220V

ระดับความสูงของพัดลมสามารถปรับได้ถึง 3 ระดับ โดยความสูงระดับ 3 สูงสุด 130 ซม. และกระจายลมได้ถึง 180 องศา จึงสามารถกระจายลมเย็นได้ทั่วทั้งห้อง 

ราคา: 1,990 บาท 

พัดลมมินิมอล
  • Venz F0FWS18

พัดลม 3 ขา ใบพัดใหญ่ 18 นิ้ว ที่มาพร้อมขาไม้ดีไซน์เรียบง่าย และแข็งแรง เหมาะกับการใช้งานภายในตัวบ้าน เช่น การปาร์ตี้ในสวน เป็นต้น โดยฝาครอบใบพัดจะเป็นแบบตะแกรงตาข่าย เพิ่มความปลอดภัยและสวยงาม ปรับแรงลมได้ 3 ระดับ แรงลม 1,450 รอบต่อนาที และที่สำคัญคือเพิ่มความปลอดภัยด้วยเทอร์โมสตัทตัดไฟเมื่ออุณหภูมิสูงเกิน 100 °c 

ราคา: 5,990 บาท 

พัดลมมินิมอล
  • Venz Rattan Tube Collection Sunrise

พัดลมหวายจาก Venz ดีไซน์สไตล์ Handcraft ซึ่งเป็นงานหัตถกรรม จากช่างฝีมือคนไทย เหมาะกับทั้งใช้งาน และ ตกแต่งบ้านและสวน โดยรุ่นนี้มีใบพัดขนาด 12 นิ้ว ที่ปรับแรงลมแบบ Dimmer แรงลมตั้งแต่ 950 -1,320 รอบต่อนาที และด้วยมาตรฐานของแบรนด์รุ่นนี้จึงมาพร้อมเทอร์โมสตัทตัดไฟเมื่ออุณหภูมิสูงเกิน 100 °c

ราคา: 5,400 บาท

ข้อดีของพัดลมตั้งพื้น ที่ทำให้จำเป็นต้องมีทุกบ้าน

พัดลมมินิมอล

สำหรับพัดลมตั้งพื้น ไม่ว่าจะเป็นพัดลมมินิมอล หรือ พัดลมตั้งพื้นแบบทั่ว ๆ ไป ข้อดีของพัดลมเหล่านี้คือ การกระจายลมเย็นไปเป็นบริเวณกว้าง และทั่วถึงพื้นที่ที่เราต้องการ เนื่องจากพัดลมเหล่านี้จะมาพร้อมฟังก์ชันในการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งความสามารถในการปรับระดับความเย็น เลือกให้ส่ายหน้า หรือ ปล่อยลมตรงไปยังจดใดจุดหนึ่งได้ เครื่องย้ายได้สะดวกสบาย และที่สำคัญหากเป็น พัดลมมินิมอล18นิ้ว ก็จะเป็นขนาดที่ใหญ่พอสำหรับใช้งานนอกตัวอาคารได้ 

พัดลมมินิมอล

นอกจากนี้หากบ้านคุณเป็นบ้านที่มีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศอยู่แล้ว พัดลมแบบมินิมอล หรือพัดลมประเภทอื่น ๆ ยังเป็นตัวช่วยที่จะทำให้เครื่องปรับอากาศของคุณทำงานไม่หนักเท่าที่ควร โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน เนื่องจากเมื่อเปิดพัดลมควบคู่กับเครื่องปรับอากาศจะช่วยให้ห้องของคุณเย็นเร็วยิ่งขึ้น จึงทำให้คุณไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์ตลอดทั้งคืน

ด้วย UFABET เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์เดิมพันที่ดีที่สุดโดยไม่ผ่านเอเย่นต์ สนุกไปกับเกมที่หลากหลายและมีความน่าเชื่อถือ

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

Xiaomi 13 Series เปิดตัว 2 รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกล้องจาก Leica 

Xiaomi 13 Series

Xiaomi 13 Series มือถือซีรีส์ใหม่ล่าสุดจากXiaomiที่เปิดตัวมาพร้อม 2 รุ่นย่อยได้แก่ Xiaomi13 และXiaomi 13Pro แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมสุดยอดกล้องหลักจาก Leica แบรนด์ผู้ผลิตกล้องระดับไฮเอนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเราเชื่อว่าแทบจะไม่มีใครไม่รู้จักแบรนด์นี้อย่างแน่นอน

Xiaomi 13 Series กล้องหลัง Leica 3 เลนส์ ความละเอียดสูงสุด 50MP 

Xiaomi 13 Series

ตามที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่าXiaomi 13Series เปิดตัวมาพร้อมรุ่นย่อยทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ Xiaomi13 และ Xiaomi13Pro ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสเปคของมือถือทั้ง 2 รุ่นว่าจะมีความน่าสนใจและจะมีความเทพขนาดไหน และเราขอมาเริ่มในส่วนของรุ่นเริ่มต้นของซีรีส์อย่าง Xiaomi13 กันก่อนเลย 

Xiaomi 13 Series

โดย Xiaomi 13 เป็นมือถือที่มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.36 นิ้ว FHD+ 1080 x 2400 อัตรารีเฟรชหน้าจอที่ 120Hz ความสว่างสูงสุด 1900 nits ชิปเซต Snapdragon 8 Gen 2 RAM LPDDR5X 12GB และ ROM UFS 4.0 256GB อีกทั้งยังรองรับทั้งสัญญาณ 5G, Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.3 และในส่วนของแบตเตอรี่ก็ให้มาใหญ่แบบจุใจถึง 4500mAh มีระบบเทอร์โบชาร์จแบบมีสาย 67W ที่สามารถชาร์จเต็ม 100% ใน 38 นาทีเทอร์โบชาร์จไร้สาย 50W และที่สำคัญยังสามารถชาร์จย้อนกลับแบบไร้สาย 10W จึงทำให้มือถือรุ่นนี้เป็นเหมือนเพาเวอร์แบงค์ไปในตัวได้อีกด้วย 

Xiaomi 13 Series

สุดท้ายสิ่งที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ “กล้อง” โดยกล้องหลังจาก Leica ให้มาทั้งหมด 3 เลนส์ด้วยกัน ได้แก่ กล้องหลัก 50MP, Telephoto 10MP และ Ultrawide 12MP โดยกล้องหลังสามารถบันทึกวิดีโอ HDR ด้วย Dolby Vision สูงสุด 4K@60fps หรือ 8K (7680×4320) ที่ 24fps ได้อีกด้วย ส่วนกล้องหน้าก็ให้ความละเอียดสูงสุดถึง 32MP เลยทีเดียว

Xiaomi 13 Series

สำหรับ Xiaomi 13Pro ก็จัดสเปคมาให้สมกับการเป็นรุ่นโปรจริง ๆ โดย Xiaomi 13 Series5G รุ่นโปรจะมาพร้อมหน้าจอ AMOLED WQHD+ขนาด 6.73 นิ้ว 3200 x 1440 อัตรารีเฟรชหน้าจอแบบไดนามิกตั้งแต่ 1-120Hz การตอบสนองในการสัมผัสสูงสุด 240Hz ความสว่างสูงสุด 1900 nits ชิปเซต Snapdragon 8 Gen 2 RAM LPDDR5X 12GB ROM UFS 4.0 512GB และในส่วนของแบตเตอรี่รุ่นนี้มีความจุที่ 4820mAh มีระบบชาร์จเร็ว 120W ชาร์จเต็ม 100% ใน 24 นาที (โหมดมาตรฐาน) เทอร์โบชาร์จแบบไร้สาย 50W และการชาร์จย้อนกลับแบบไร้สาย 10W 

Xiaomi 13 Series

สำหรับกล้องหลังของรุ่นโปรก็จัดหนักไม่แพ้กัน โดยกล้องหลักมีขนาดใหญ่ 1 นิ้ว และเซนเซอร์ 1 นิ้ว ความละเอียด 50MP, กล้อง Telephoto ลอยตัว 50MP และ Ultrawide 50MP ซึ่งทั้งหมดก็มาจาก Leica เช่นกัน ซึ่งความพิเศษของกล้องรุ่นโปรคือจะมาพร้อมเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมายที่จะช่วยให้ภาพถ่ายของคุณถ่ายออกมาได้สวยตลอดทุกช่วงเวลา และส่วนกล้องหน้าก็เป็นความละเอียดเดียวกับรุ่นเริ่มต้นคือ 32MP

มือถือกล้องไลก้า ราคาเริ่มต้นที่ 29,990 บาท พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของแล้ว

Xiaomi 13 Series

สำหรับ Xiaomi13Series ทั้ง 2 รุ่นที่เราพาเพื่อน ๆ ทุกคนไปทำความรู้จักกันในวันนี้ ถูกนำเข้ามาจำหน่ายผ่านตัวแทนและผู้นำเข้าอิสระแล้วเป็นที่เรียบร้อย โดย Xiaomi 13 seriesราคา เริ่มต้นที่ 29,990 บาท สำหรับ Xiaomi13 และ 39,990 บาท สำหรับXiaomi 13 Pro และที่สำคัญคือค่ายสัญญาณมือถือบางค่ายก็ได้มีการจัดจำหน่ายพร้อมราคาโปรโมชั่นที่น่าสนใจมากมาย อีกทั้งในส่วนของราคาค่าเครื่องเมื่อเทียบกับราคาของมือถือกล้องไลก้ารุ่นอื่น ๆ จากXiaomi ที่เคยเปิดตัวมาแล้วก่อนหน้านี้ต้องขอบอกเลยว่าราคาน่ารักพอสมควร และแทบจะไม่แตกต่างหรือไม่โดดไปจากรุ่นก่อน ๆ มากเท่าไรนัก อีกทั้งรุ่นเริ่มต้นยังมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ White, Black และ Flora Green ในขณะที่รุ่นโปรจะไม่มีสี Flora Green 

เรียนรู้เกมพนันไทยและความตื่นเต้นที่สุดกับ ไฮโลไทย ค้นพบพื้นฐานเกมพนันไฮโลที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎของเกมและวิธีเล่นในหน้าเนื้อหานี้!

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

Xiaomi Book S แท็บเล็ตจอใหญ่ 12.4 นิ้ว มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home

Xiaomi Book S

Xiaomi Book S แท็บเล็ตรุ่นใหม่ล่าสุดจากXiaomi โดยรุ่นนี้ถูกพัฒนามาให้มีสเปคที่ดีเยี่ยม พร้อมรองรับปากกาและคีย์บอร์ดอัจฉริยะ ซึ่งนับว่าเป็นเหมือนการยกระดับสินค้าให้สามารถใช้งานได้หลากหลาย และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคหลายกลุ่มมากยิ่งขึ้น 

Xiaomi Book S แท็บเล็ตสเปคเยี่ยม เหมาะกับการใช้งานหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น

หากใครที่เคยชมการเปิดตัว หรือ เคยใช้แท็บเล็ตจาก Xiaomi และ Redmi ก็คงจะทราบกันดีว่า แท็บเล็ตจากทั้ง 2 แบรนด์จะถูกพัฒนามาให้ตอบโจทย์กับการใช้เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง หรือใช้สำหรับการเล่นสื่อมัลติมีเดียต่าง ๆ เท่านั้น แต่ล่าสุดเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา Xiaomi ก็ได้เปิดตัว Xiaomi BookS ซึ่งเป็นแท็บเล็ตที่มีหน้าจอใหญ่ขนาด 12.4 นิ้ว และถูกพัฒนามาให้สามารถใช้งานได้หลากหลายประเภทมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์เอกสาร, วาดภาพ หรือแม้แต่กระทั่ง การครีเอทชิ้นงานต่าง ๆ เป็นต้น 

Xiaomi Book S

โดยXiaomiBook S 12.4 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8cx Gen 2 Octa-core CPU GPU Qualcomm Adreno 680 ขนาด 7nm RAM 8 GB ความจุ 258 GB และมีหน้าจอ LED ขนาด 12.4 นิ้ว ความละเอียด 2560 x 1600 (WQHD+) อัตรารีเฟรช 60Hz สัดส่วนภาพ 16:10 ความสว่างของหน้าจอ 500nits และ 10 point multi-touch 

Xiaomi Book S

นอกจากนี้ แท็บเล็ต Xiaomi มาพร้อม all – New Windows 11 ที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับแล็ปท็อป 2-in-1 จึงทำให้คุณใช้คีย์บอร์ด แทร็คแพด และ Smart Pen ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีโหมดการใช้งานที่โดดเด่น 3 โหมด ได้แก่ Canvas Mode, Laptop Mode และ Tablet Mode จึงให้แท็บเล็ตรุ่นนี้ใช้งานได้อย่างหลากหลายแล้ว และประสบการณ์การใช้งานที่มากกว่าที่เคย

Xiaomi Book S

กล้องหลังความละเอียด 13MP และ กล้องหน้าสามารถบันทึกวิดีโอความละเอียด 1080p และ ไมโครโฟนคู่ที่รองรับ Qualcomm Aqstic ECNS (เทคโนโลยีตัดเสียงก้องและตัดเสียงรบกวน) จึงทำให้การประชุมผ่านวิดีโอของคุณจะดีขึ้นกว่าที่เคย อีกทั้งยังมาพร้อมลำโพงคู่ที่ให้เสียงสเตอริโอและประสบการณ์เสียงที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าคุณจะอยู่ในการประชุมทางวิดีโอ ดูวิดีโอ หรือแค่ฟังเพลง เป็นต้น

Xiaomi BookS 12.4 ราคา 699.99 ยูโร ปัจจุบันยังไม่ถูกนำเข้าไทย

Xiaomi BookSปัจจุบันถูกว่าจำหน่ายในหลาย ๆ ประเทศในยุโรป โดยราคาเปิดตัวในปี 2022 อยู่ที่ 699.99 ยูโร หรือราว ๆ 25,725 บาท และสำหรับใครที่เป็นเจ้าของ miXiaomi book sและอยากใช้งานแบบเต็มประสิทธิภาพคุณจำเป็นที่จะต้องซื้อคีย์บอร์ด และ ปากกา โดยXiaomi BookS 12.4 Keyboard มีราคาอยู่ที่ 150 ยูโร หรือประมาณ 5,512 บาท และ XiaomiSmart Pen ราคา 100 ยูโร หรือประมาณ 3,675 บาท 

หากคุณสนใจเล่น บาคาร่า888 คุณสามารถเข้าสู่ระบบและสมัครสมาชิกได้ทันทีผ่านเว็บไซต์ของบาคาร่า888 โดยมีขั้นตอนง่ายๆ เพียงเลือกที่จะเป็นสมาชิก กรอกข้อมูลส่วนตัว และฝากเงินเข้าบัญชีผ่านวิธีการที่รองรับ

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

Realme C55 มือถือดีไซน์เรียบหรู ราคาหลักพัน

Realme C55

Realme C55 มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดจากRealmeที่มาพร้อมดีไซน์ที่เรียบหรู ดูแพง พร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง แต่เปิดตัวมาพร้อมราคาเพียงหลักพัน และที่สำคัญสเปคที่จัดให้กลับให้มาแบบจัดเต็มไม่มีกั๊ก พร้อมให้คุณใช้งานจึงทำให้มือถือรุ่นนี้เหมาะกับการใช้งานหลาย ๆ ประเภท ดังนั้นวันนี้เราจึงนำข้อมูลเกี่ยวกับสเปคและการสั่งจองของมือถือรุ่นนี้มาฝากเพื่อน ๆ ที่อยากได้มือถือที่ทั้งถูกและดีไปไว้ใช้งานทุกคนแล้ว

สเปค Realme C55 มือถือที่มาพร้อม กล้อง AI 64MP

Realme C55

Realme C 55 มาพร้อมหน้าจอ FHD+ 1080×2400 ขนาด 6.72 นิ้ว อัตรารีเฟรช 90Hz Touch sampling rate 180Hz ความสว่างสูงสุดที่ 680 nits RAM 6GB/8GB ROM 128GB/256GB อีกทั้งยังรองรับการเพิ่มหน่วยความจำภายนอกสูงสุด 1TB (SSD) Realme C55สเปค ของชิป รุ่นนี้มาพร้อม MediaTek Helio G88 ซึ่งเป็นชิปรุ่นใหม่ที่ทาง MediaTek พึ่งเปิดตัวไปเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมาก CPU Octa-core, 12 นาโนเมตร, สูงถึง 2.0GHz และGPU ARM Mali-G52

Realme C55

Realme C55กล้อง ก็ให้มาแบบจัดเต็ม ทั้งกล้องหลัง 2 เลนส์ ได้แก่ กล้องหลัก 64MP และ B&W 2MP (กล้อง AI 3 เลนส์ 60MP) ที่รองรับการถ่ายวิดีโอ 1080P@60fps และ 30fps หรือการถ่ายวิดีโอ 720p@60fps และ 30fpsอีกทั้งยังรองรับฟังก์ชันการถ่ายภาพ 14 โหมด ได้แก่ Photo, AI Beauty, Filter, AI Scene Recognition, Night Mode, Professional, Panoramic view, Portrait Mode, Street, HDR, 64MP Mode, Starry, Chroma Boost, Bokeh Flare Portrait และ AI Color Portrait

Realme C55

สำหรับกล้องหน้า หรือกล้องเซลฟี่เป็นกล้อง AI ความละเอียด 8MP ที่รองรับการถ่ายวิดีโอ 1080P@30fps และ 720P@30fps อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่นการถ่ายภาพสูงสุดถึง 8 โหมด ได้แก่ Photo, Beauty, Filter, Night Mode, Panoramic view, Portrait Mode, HDR และ AI Scene Recognition ซึ่งโหมดการถ่ายภาพแต่ละโหมดก็สามารถทำออกมาได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว 

Realme C55

นอกจากนี้ในส่วนของแบตเตอรี่ RealmeC55 2023 ก็อึดสุด ๆ ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว SUPERVOOC 33W ที่ให้คุณสามารถชาร์จจนเต็มความจุ 100% ในเวลาเพียง 63 นาที หรือสามารถชาร์จไฟจาก 0-50% ได้ในเวลาเพียง 29 นาที และถึงแม้แบตเตอรี่จะขนาดใหญ่ถึง 500mAh แล้ว แต่ตัวเครื่องยังมีขนาดบางเพียง 7.89 มม. ที่สำคัญเมื่อคุณใช้งานในโหมดประหยัดพลังงาน Ultra SavingMode แม้แบตเตอรี่จะเหลือเพียง 5% คุณก็จะสามารถเปิดสมาร์ตโฟนเพื่อรอรับสาย (สแตนด์บาย) ต่อไปได้อีกนานสูงสุดถึง 32 ชั่วโมงเลยทีเดียว

Realme C 55 ราคา เริ่มต้นเพียง 5,999 บาท พร้อม 2 สีสุดพิเศษให้เลือก

Realme C55

สำหรับRealme C55 เปิดตัวมาพร้อม 2 สีให้เลือกได้แก่ สีทอง Sun shower และ สีดำ Rainy Night ที่จะมีลูกเล่นเมื่อมีแสงตกกระทบ จึงทำให้มือถือรุ่นนี้มีความโดดเด่น หรูหรา และไม่เหมือนใคร และสำหรับราคาRealme C55เปิดตัวมาพร้อมราคาเริ่มต้นที่ 5,999 บาท และ 7,299 บาทสำหรับRealme C55 256GB และสำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของมือถือรุ่นนี้ก็สามารถสั่งจองได้จากหลากหลายช่องทาง หนึ่งในนั้นคือ Banana Shop และสามารถจองได้ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 30 มีนาคม 2023 และทาง Banana จะเริ่มจัดส่งสินค้าตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2023 เป็นต้นไป และจะมีค่ามัดจำสินค้าที่ 500 บาทเท่านั้น ดังนั้นใครไม่อยากพลาดมือถือสเปคดี ๆ แบบนี้ไม่รีบไม่ได้แล้ว 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

จอมอนิเตอร์ Samsung รุ่น Smart Monitor M8 Iconic Slim Design ดีไซน์มินิมอล จอใหญ่จุใจ

จอมอนิเตอร์ Samsung

จอมอนิเตอร์ Samsung นับว่าเป็นหน้าจอมอนิเตอร์ที่ได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง เนื่องจาก Samsung พัฒนาหน้าจอออกมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนหลายกลุ่ม เช่น Monitor Ultra-Wide, Monitor High Resolution, จอคอมเกมมิ่ง หรือ จอคอมธุรกิจ เป็นต้น และในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ “Smart Monitor M8 Iconic Slim Design” หน้าจออัจฉริยะที่มาพร้อมสไตล์สุดมินิมอล เป็นได้ทั้งจอสำหรับทำงาน และ อุปกรณ์แต่ห้องสวย ๆ 

เปิดสเปคของ Smart Monitor M8 Iconic Slim Design จอมอนิเตอร์ Samsung

จอมอนิเตอร์ Samsung

จอมอนิเตอร์Samsung รุ่นที่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันในวันนี้คือ Smart Monitor M8 Iconic Slim Design หน้าจอมอนิเตอร์อัจฉริยะ ที่มาพร้อมคุณสมบัติการใช้งานที่ดีเยี่ยม เนื่องจากจอรุ่นนี้นอกจากจะใช้สำหรับทำงานทั่ว ๆ ไป เช่น งานเอกสาร, แต่งภาพ, เล่นเกม และเป็น IoT Hub แล้ว Smart Monitor M8 ยังเป็นเหมือนสมาร์ททีวี ที่รวมเอาสิ่งเอนเตอร์เทนเมนท์ต่าง ๆ มาไว้ในจอนี้แบบครบ จบในที่เดียว

จอมอนิเตอร์ Samsung

โดยจอรุ่นนี้เป็น จอคอม Samsung 32 นิ้ว ที่มีความละเอียดของหน้าจออยู่ที่ 4K 3,840 x 2,160 HDR10 อัตราส่วนภาพ 16:9 อัตราส่วนความคมชัดคงที่ 3,000:1(Typ.) เวลาตอบสนอง 4 ms (GTG) อัตรารีเฟรชสูงสุดที่ 60Hz และ sRGB 99% ซึ่งความพิเศษของจอ M8 รุ่นนี้นอกจากจะมีสเปคของจอภาพที่น่าสนใจแล้ว ในส่วนของระบบปฏิบัติการก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยคุณจะใช้งานแบบที่เชื่อมต่อ PC หรือไม่ก็ได้ เนื่องจากจอรุ่นนี้ให้ Microsoft 356 และ มีเว็บเบราว์เซอร์มาให้ในตัว ดังนั้นสำหรับใครที่ต้องการทำงานเอกสารทั่วไป ก็สามารถทำงานบนจอนี้ได้เลย 

จอมอนิเตอร์ Samsung

หรือคุณจะเชื่อมต่อการใช้งานกับอุปกรณ์อื่นอย่าง PC, Mac หรือ Samsung Dex เพื่อแสดงภาพขึ้นบนจอก็สามารถทำได้เช่นกัน และพิเศษสุดคือคุณสามารถชาร์จโน้ตบุ๊คผ่าน USB – C 65 วัตต์ได้ด้วย นั่นจึงหมายความว่าในขณะที่คุณเชื่อมต่อภาพของโน้ตบุ๊คขึ้นบนจอ จอภาพก็จะทำการชาร์จไฟไปยังโน้ตบุ๊คของคุณนั่นเอง สำหรับความเป็นสมาร์ททีวิของจอรุ่นนี้ก็แทบจะไม่ต้องพูดอะไรมาก เนื่องจากฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ให้มาบน M8 ก็แทบจะไม่มีอะไรแตกต่างจากสมาร์ททีวี Samsung เลยทีเดียว อีกทั้งยังมาพร้อมรีโมทที่ให้คุณสามารถควบคุมการใช้งานต่าง ๆ ได้เหมือนสมาร์ททีวี รวมไปถึงการสั่งงานด้วยเสียง นอกจากนี้จอยังรองรับการเชื่องต่อ Bluetooth ดังนั้นคุณจึงสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย

จอ monitor 4k Samsung ราคาปัจจุบันอยู่ที่หลักหมื่นต้น ๆ พร้อม 4 สีให้เลือก

จอมอนิเตอร์ Samsung

จอมอนิเตอร์ Samsungรุ่น Smart Monitor M8 Iconic Slim Design ที่เราพาทุกคนไปทำความรู้จักกันในวันนี้ ถูกเปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2022 ที่ผ่านมา โดยเปิดตัวมาพร้อมราคา 23,990 บาท อีกทั้งยังมีสีให้เลือกถึง 4 สี ได้แก่ Cloud Pink, Spring Green, Daylight Blue และ Warm Light ซึ่งปัจจุบันคุณสามารถสั่งซื้อ สมาร์ทมอนอเตอร์ รุ่นนี้ผ่าน Samsung Thailand โดยปัจจุบันลดราคาสูงสุด 7,000 บาท เหลือเพียง 16,990 บาทเท่านั้น 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

NAS ที่เก็บข้อมูลทุกที่จะทำให้คุณเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่

NAS

NAS อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลยุคใหม่ ที่จะทำให้คุณบันทึกและเข้าถึงข้อมูลของคุณได้จากทุกที่ โดยที่คุณไม่ต้องกังวลว่า Google Drive ของคุณจะเต็มอีกต่อไป เพราะ NAS จะเข้ามาเป็นตัวช่วยใหม่สำหรับคนที่ต้องเก็บข้อมูลสารสนเทศจำนวนมากจน Google Drive แบบฟรีอาจจะไม่เพียงพอ

แนะนำ NAS 3 รุ่นจาก Synology ที่เก็บข้อมูลได้เยอะแถมปลอดภัย

NAS

NASคืออะไร เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ได้ยินคำว่า “NAS” คงต้องเกิดคำถามนี้อย่างแน่นอน ซึ่งหากจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ NASคือ เซิร์ฟเวอร์ หรือพื้นที่จัดเก็บข้อมูล ที่ให้คุณสามารถบันทึกและเข้าถึงข้อมูลได้แบบออนไลน์ คล้ายกับ Google Drive แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือคุณสามารถมารถเพิ่มหรือลดพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลได้ด้วยตัวเอง ซึ่งพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลเหล่านั้นจะเป็นการซื้อขาด และแน่นอนว่ามันคุ้มกว่าการเช่า

แนะนำ NAS 3 รุ่นจาก Synology ที่คุ้มค่า และราคาไม่แรง

  • DiskStation DS120j
NAS

NASรุ่นเริ่มต้นจาก Synology โดยนับว่าเป็นรุ่น ระบบNAS ในบ้าน เลยก็ว่าได้เนื่องจากฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ โดยรองรับสูงสุด 1 Bay พื้นที่จัดเก็บข้อมูลสูงสุด 108 TB สามารถใช้งานได้สูงสุด 512 แอคเคาท์ 128 กลุ่ม Shared Folder สูงสุด 256 แชร์ ซิงค์ Shared Folder สูงสุด 2 ซิงค์ และรองรับทั้ง Google Chrome, Firefox, Microsoft Edge และ Safari

ราคา: เริ่มต้น 4,190 บาท 

  • DiskStation DS220j
NAS

NASที่เป็นเป็นฮับของสื่อภายในบ้าน ที่สามารถสตรีมเนื้อหาดิจิตอลทั้ง เพลง วิดีโอและภาพ ไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในบ้านของคุณ เช่น คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์มือถือ, Samsung TV, Apple TV, Google Chromecast และอุปกรณ์ DLNA เป็นต้น โดยรุ่นนี้รองรับสูงสุด 2 Bays พื้นที่จัดเก็บข้อมูลสูงสุด 108 TB บัญชีผู้ใช้ภายในสูงสุด 1,024 แอคเคาท์ 256 กลุ่ม Shared Folder สูงสุด 256 แชร์ และซิงค์ Shared Folder สูงสุด 2 ซิงค์ 

ราคา: ราคาเริ่มต้น 6,790 บาท

  • DiskStation DS423+
NAS

NASSynology ที่เหมาะกับ Hom Office หรือบริษัทขนาดเล็ก โดยรุ่นนี้รองรับสูงสุด 4 Bays และสล็อตไดรฟ์ M.2 2 สล็อต (NVMe) พื้นที่จัดเก็บข้อมูลสูงสุด 108 TB บัญชีผู้ใช้ภายในสูงสุด 2,048 แอคเคาท์ 256 กลุ่ม Shared Folder สูงสุด 512 แชร์ และ ซิงค์ Shared Folder สูงสุด 8 ซิงค์ 

ราคา: เริ่มต้นประมาณ 20,000 บาท 

ที่เก็บข้อมูลNAS เหมาะกับใคร? 

สำหรับNASนอกจากจะเป็นพื้นที่เก็บข้อมูลที่คุณสามารถเชื่อมต่อการใช้งานกับอินเตอร์เน็ตได้แล้ว NASเก็บข้อมูล ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานได้หลากหลาย ทั้งตั้งค่าการเข้าถึงข้อมูล และตั้งค่าการแบ็คอัพข้อมูล หรือแม้แต่กระทั่งบางรุ่นยังมีพื้นที่สำหรับการเพิ่มสล็อตไดรฟ์เพื่อให้การอัปโหลดข้อมูลเร็วขึ้น ซึ่ NASจากแต่ละ แบรนด์มักจะมีการออกแบบและพัฒนาเพื่อให้รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งการใช้งานในรูปแบบครอบครัว ออฟฟิศ สำนักงานเล็ก ๆ หรือแม้แต่กระทั่งระดับอุตสาหกรรม 

NAS

ซึ่งราคาของตัวเครื่องก็จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นNASจึงเหมาะกับคนทุกกลุ่มเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะบุคคลที่ต้องบันทึกไฟล์ต่าง ๆ เป็นจำนวนมากทั้งไฟล์ภาพ เอกสาร และวิดีโอต่าง ๆ ซึ่งจะคุ้มค่ามากกว่าการเช่าพื้นที่การจัดเก็บอย่างไดรฟ์ หรือ Cloud เป็นต้น 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

OPPO Find N2 Flip มือถือพับจอรุ่นแรกของ Oppo

OPPO Find N2 Flip

สิ้นสุดการรอคอยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ OPPO Find N2 Flip มือถือจอพับรุ่นแรกจากOppo ที่นอกจากจะมีขนาดกะทัดรัดแล้ว รุ่นนี้ยังมาพร้อมฟังก์ชันและฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ซึ่งจะน่าสนใจขนาดไหนวันนี้เราจะนำสเปคของมือถือรุ่นนี้มาเปิดให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกัน

เปิดสเปค OPPO Find N2 Flip มือถือจอพับที่มาพร้อม 2 หน้าจอสุดเก๋

OPPO Find N2 Flip

OPPO Find N2Flip เป็นมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดของ Oppo ที่เราเชื่อว่ามีแฟน ๆ หลายคนต่างตั้งรอคอยการมาของเขาอย่างแน่นอน โดย Oppo Find N2 จอพับได้รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอขนาด AMOLED 6.8 นิ้ว FHD+ 2520×1080 อัตรารีเฟรช 120Hz (ต่ำสุด 1Hz) 403 PPI และหน้าจอรองขนาด 3.26 นิ้ว 720×382 อัตรารีเฟรช 60Hz (ต่ำสุด 30Hz) 250 PPI Color Depth 16.7 million (8-bit) 100% sRGB

OPPO Find N2 Flip

OPPO จอพับ ยังมาพร้อมชิปเซ็ต Dimensity 9000+, 8 cores และ Arm Mali-G710 MC10 GPU แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4300mAh ให้คุณใช้งานได้นานเกือบตลอดทั้งวัน เล่นวิดีโอ 20 ชั่วโมง, เล่นโซเชียลมีเดีย 16 ชั่วโมง หรือวิดีโอคอล 6 ชั่วโมง มีระบบชาร์จไว 44W SUPERVOOC ให้คุณชาร์จ 50% ในเวลา 23 นาที และในส่วนของกล้องรุ่นนี้ก็ให้มาแบบจัดเต็มตามสไตล์ OPPO โดยกล้องหลังให้มา 2 เลนส์ กล้องหลักความละเอียด 50 MP และกล้อง Ultra-wide Angle 8 MP มุมกว้าง 112° กล้องหลังรองรับการถ่ายวิดีโอที่ 4K 60fps ( 1080@60fps/30fps หรือ 720P@60fps/30fps) และกล้องหน้าความละเอียด 32MP ที่สามารถถ่ายวิดีโอด้วยความละเอียดสูงสุด 1080P/720P@30fps

OPPO Find N2 Flip

นอกจากนี้เราเชื่อว่า สำหรับใครที่กำลังจะซื้อมือถือจอพับ ก็คงจะต้องกังวลในเรื่องของอายุการใช้งานอยู่พอสมควร เนื่องจากการพับของหน้าจอค่อนข้างจะมีจำนวนครั้งของการพับจำกัดอยู่พอสมควร แต่สำหรับOPPO Find N2Flip คุณอาจจะไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีกต่อไปเนื่องจากOPPO Find N2 Flipรุ่นนี้สามารถพบได้มากกว่า 400,000 ครั้ง ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้งานได้นานกว่า 4 ปีอย่างแน่นอน 

Oppo Find N2 Flipขายในไทย พร้อมราคาที่น่าสนเพียง 29,990 บาท 

OPPO Find N2 Flip

สำหรับ OPPO Find N2Flip พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของในไทยแล้ววันนี้ โดย Find N2Flip ในไทยเปิดตัวมาพร้อมราคาเพียง 29,990 บาท อีกทั้งยังมี 2 สีให้เลือกได้แก่ สีม่วง Moonlit Purple และ สีดำ Astral Black โดยสีม่วง Moonlit Purple นับว่าเป็น product color ของมือถือรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ ดังนั้นใครที่ไม่อยากพลาดมือถือจอพับรุ่นแรกจากOppoนอกจากจะสามารถสั่งจองมือถือรุ่นนี้ได้ง่าย ๆ ก่อนใครตั้งแต่วันนี้ – 23 มีนาคม 2023 นี้ พร้อมรับของขวัญสุดพิเศษจากทางแบรนด์มูลค่ากว่า 21,198 บาทเลยทีเดียว 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

Apple เปิดตัว HomePod 2 พร้อมราคาอย่างเป็นทางการที่ $299

HomePod 2

HomePod 2 เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อต้นปี 2023 ที่ผ่านมา หลังจากที่เปิดตัวรุ่นแรกไปเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมาและดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร และในปีนี้เขากลับมาอีกครั้งใน Generation2 ที่มีดีไซน์คลายเดิม หรือแทบจะไม่แตกต่างเลยก็ว่าได้ แต่สิ่งที่แตกต่างนอกจากระบบเสียงและฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่พัฒนาให้ดีกว่าเดิมแล้ว ในส่วนของราคายังถูกลงกว่ารุ่นก่อนหน้าอีกด้วย

HomePod 2 ลำโพงที่ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์กับทุกรูปแบบการใช้งาน

HomePod 2

ปัจจุบันการสร้างบ้านภายใต้แนวคิด Smart Home ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่กำลังจะมีบ้านหรือคอนโดฯเป็นของตัวเอง และหนึ่งในอุปกรณ์ที่ Smart Home ขาดไม่ได้คือ ลำโพงอัจฉริยะ ซึ่งก็มีหลาย ๆ แบรนด์ที่พัฒนาและเปิดตัวสินค้าออกมาอย่างต่อเนื่อง และ Apple ก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะล่าสุดได้เปิดตัว Home Pod2 ซึ่งเป็นลำโพงอัจฉริยะที่มาพร้อมขนาดที่เล็กและเบาลง เมื่อเปรียบเทียบกับHomePod gen 1 โดยลำโพงรุ่นใหม่มีขนาดอยู่ที่ 168 มม. × 140 มม. น้ำหนักเบาเพียง2.3 กิโลกรัม 

HomePod 2

New HomePod2 มาพร้อมวูฟเฟอร์ที่มีความถี่สูง จึงให้เสียงเบสที่นุ่มลึกและหนักแน่น โดยมอเตอร์ของรุ่นนี้ใช้ไดอะแฟรมขนาดถึง 20 มม. พร้อมไมค์ในตัวแบบ Bass-EQ ที่สามารถปรับความถี่ต่ำแบบไดนามิกได้แบบ Real Time จึงทำให้เสียงเบสมีความชัดเจน ไม่ขุ่นมัว และในส่วนของฐานลำโพงจะถูกติดตั้งทวีตเตอร์แบบ Beamforming 5 ตัว ซึ่งจะอยู่รอบฐานของลำโพง ซึ่งจะเป็นส่วนที่ให้คลื่นความถี่สูง และจะปรับความถี่สูงให้เหมาะสมกับรายการที่เราเลือกฟังในขณะนั้นเพื่อสร้างเสียงที่ละเอียดและชัดเจน และด้วยดีไซน์ที่เป็นทรงกระบอกและโค้งมน ดังนั้นเสียงที่ได้จึงจะกระจายออกไปรอบทิศทาง จึงทำให้คุณได้ยินเสียงที่ชัดเจนทั่วทั้งห้อง

HomePod Gen2 พร้อมวางขายแล้วใน 21 ประเทศ

HomePod 2

สำหรับ HomePod2 ถูกวางจำหน่ายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2023 โดย HomePod 2ราคา 299 เหรียญสหรัฐ อีกทั้งยังวางขายแล้วใน 21 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, ญี่ปุ่น, สเปน, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา และอีกกว่า 11 ประเทศและภูมิภาค ซึ่งประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลว่าจะมีการนำเข้าหรือไม่ แต่สำหรับHomePod gen 1 และ HomePod mini ที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้าก็ไม่ได้มีการนำเข้าไทยเช่นกัน ดังนั้นเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากได้HomePod ตัวใหม่ล่าสุดนี้อาจจะต้องมาลุ้นกันอีกที่ว่า Apple จะใจดีกับแฟนชาวไทยอย่างเรา ๆ หรือไม่

อ่านบทความอื่นๆ: