สอนใช้ มือถือ คอมพิวเตอร์ สอนสร้างเว็บ
Categories
สอนใช้

ตั้งค่ากล้องไอโฟน ยังไงให้ถ่ายภาพสวย ถูกใจสายโซเชียล

ตั้งค่ากล้องไอโฟน

หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ และเลือกซื้อไอโฟนซึ่งมีจุดเด่นของกล้องเพื่อที่จะได้ถ่ายภาพสวย ๆ เพื่อนำมาอัปบนโซเชียลให้เพื่อน ๆ ได้อิจฉากันเล่น ๆ แต่พอถ่ายภาพไอโฟนทีไรก็รู้สึกว่าไม่สวยสักที ดังนั้นวันนี้เราจึงมีเทคนิคในการ ตั้งค่ากล้องไอโฟน ยังไงให้ถ่ายภาพสวย ถูกใจสายโซเชียล ซึ่งใช้เทคนิคเหล่านี้บอกเลยว่าได้ภาพสวยไม่มีเอ๊ะแน่นอน

5 วิธีและเทคนิค ตั้งค่ากล้องไอโฟน ใช้เทคนิคเป็นได้ภาพสวยทุกช็อตแน่นอน

ตั้งค่ากล้องไอโฟน

สำหรับใครที่ไม่ใช่สายเทคนิคเราเชื่อว่าการถ่ายภาพให้สวย หรือ ตั้งค่า กล้องไอโฟน ให้สวยได้ดังใจก็อาจจะไม่ใช้เรื่องง่ายเท่าไรนัก ดังนั้นวันนี้เราจึงได้นำวิธีและเทคนิค ตั้ง ค่า กล้อง ไอ โฟน ทั้ง 5 เทคนิคมาฝากเพื่อน ๆ ทุกคนแล้ว และเราเชื่อว่าหลายคนแทบอาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า บนกล้องไอโฟนมีฟีเจอร์เหล่านี้มาให้ด้วย

ตั้งค่ากล้องไอโฟน

ปรับโฟกัสและการเปิดรับแสง

ตั้ง ค่า กล้อง ไอ โฟน ให้ ชัด ด้วยการปรับโฟกัสและเปิดรับแสง ซึ่งนับว่าเป็นตั้งค่ากล้องพื้นฐานของกล้องไอโฟนเลยก็ว่าได้ เนื่องจากฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์ที่ APPLE ใส่มาบนไอโฟนตั้งแต่รุ่นแรก ๆ เลยก็ว่าได้ และถึงแม้ว่าไอโฟนรุ่นใหม่ ๆ จะมีฟีเจอร์ออโต้โฟกัสมาให้แล้ว แต่การที่เราปรับเองแบบแมนนวลก็จะทำให้เราเลือกจุดโฟกัสที่ถูกใจได้มากขึ้น ที่สำคัญสำหรับใครที่อยากได้ภาพถ่ายละมุนสไตล์เกาหลีก็สามารถเปิดรับแสงเพิ่มได้ โดยการปรับโฟกัสและการเปิดรับแสงให้ทำดังนี้ เปิดแอปกล้อง > แตะหน้าจอบริเวณที่ต้องการโฟกัส > ให้ลากปุ่มปรับการเปิดรับแสง (รูปดวงอาทิตย์) ขึ้นหรือลงเพื่อปรับการเปิดรับแสง

ตั้งค่ากล้องไอโฟน

ใช้เปิดแฟลชถ่ายภาพ

เราเชื่อว่ามีหลาย ๆ คนที่กลัวการใช้แฟลชในการถ่ายภาพเป็นอย่างยิ่ง แต่ที่จริงแล้วหากเราเลือกใช้แฟลชได้ถูกที่ถูกเวลาบอกได้เลยว่า ภาพที่คุณถ่ายออกมาสวยจึ้งแน่นอน โดยเฉพาะแฟลชในไอโฟน 14 ขึ้นไปที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ ซึ่งการเปิดแฟลชถ่ายภาพนั้นจะค่อนข้างเหมาะกับการถ่ายภาพกลางคืน ที่เราสามารถโพสท่าเล่นกับแสงแฟลชได้หลากหลาย สำหรับการ ตั้งค่ากล้อง IPHONE เพื่อเปิดใช้แฟลชก็ง่ายมาก ๆ เพียงแค่ เปิดแอป กล้อง > แตะปุ่มแฟลช (รูปสายฟ้ามุมซ้ายบน) เพื่อเปิดหรือปิดแฟลชอัตโนมัติ หรือแตะลูกศรเพื่อเปิดเมนูด้านล่างหน้าจอก็ได้เช่นกัน 

ตั้งค่ากล้องไอโฟน

ถ่ายรูปโดยใช้ฟิลเตอร์

ฟิวเตอร์เป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่ APPLE ก็ใส่ให้มาตั้งแต่ไอโฟนรุ่นแรก ๆ เช่นเดียวกัน และมีหลายคนอาจจะไม่เคยลองใช้ฟีเจอร์นี้เลย ซึ่งการถ่ายโหมดรูปภาพ หรือ โหมดภาพถ่ายบุคคลคุณสามารถเลือกใช้ฟีเจอร์นี้ร่วมได้ด้วย เพื่อให้รูปที่ได้มี TONE&MOOD ที่โดดเด่นและชัดเจนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งคุณยังไม่ต้อง ตั้งค่ากล้องไอโฟนให้สวย แต่อย่างใด เพียงแค่คุณไปที่แอปกล้อง > แตะที่ปุ่นฟีเจอร์มุมขวาบน > ปัดฟิลเตอร์ไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อดูตัวอย่าง > เลือกฟิลเตอร์ที่ต้องการ > แตะปุ่มชัตเตอร์เพื่อถ่ายภาพ หรือแตะลูกศรแล้วเรียกการใช้งานจากเมนูด้านล่างก็ได้เช่นกัน

ตั้งค่ากล้องไอโฟน

ใช้เส้นตาราง 9 ช่อง

สำหรับเทคนิคการใช้ตาราง 9 ช่องเป็นเทคนิคที่ทั้งช่างภาพมือใหม่และมืออาชีพเลือกใช้ในการถ่ายภาพ เนื่องจากการใช้ตาราง 9 ช่อง เป็นหนึ่งในทฤษฎีถ่ายภาพที่จะทำให้องค์ประกอบภาพมีความสมดุลกันนั่นเอง และสำหรับ วิธี ตั้ง ค่า กล้อง ไอ โฟน เพื่อเปิดใช้ตาราง 9 ช่องให้คุณไปที่ ตั้งค่า > กล้อง > เปิดใช้งานเส้นตาราง (GRID)

ตั้งค่ากล้องไอโฟน

เซลฟี่กล้องหน้าภาพไม่กลับด้าน

สำหรับใครที่รู้สึกว่าถ่ายรูปกล้องหน้าไอโฟนยังไงก็รู้สึกว่าได้มุมไม่สวยถูกใจสักที แต่ที่จริงแล้วอาจจะเป็นเพราะกล้องไอโฟนเมื่อถ่ายรูปกล้องหน้าแล้วภาพจะถูกกลับด้านจึงอาจจะทำให้ภาพที่ได้ยังอาจจะไม่สวย หรือบางคนอาจจะรู้สึกว่าใบหน้าของเราดูไม่เหมือนในกล้อง ดังนั้นเราแนะนำให้ไป ตั้งค่ากล้องไอโฟน ไม่ให้กลับด้าน โดยเข้าไปที่ ตั้งค่า > กล้อง > เปิดใช้งานกลับข้างรูปภาพด้านหน้า

ตั้งค่ากล้องไอโฟน ร่วมกับการแต่งภาพช่วยให้ภาพของคุณสวยขึ้นอีกขั้น

ตั้งค่ากล้องไอโฟน

นอกจากการ ตั้งค่ากล้อง ไอโฟน ที่ช่วยให้ภาพถ่ายของคุณสวยขึ้นแล้วการ แต่งภาพไอโฟน ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยให้ภาพของคุณสวยตรงใจขึ้น เนื่องจากบนไอโฟนมีฟีเจอร์ในการแต่งรูปที่ครบ และแทบจะเรียกได้ว่าเป็นแอปรูปภาพที่ค่อนข้างครบไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นใครที่ยังไม่เคยลองแต่งภาพบนไอโฟน เราก็อยากแนะนำให้ลองใช้เป็นอย่างยิ่ง

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สอนใช้

เปลี่ยนชื่อบลูทูธ IPHONE เปลี่ยนให้เก๋แสดงตัวตนของคุณ

สำหรับใครที่ใช้IPHONEหรือสินค้าหลาย ๆ ชิ้นของ APPLE ที่มี BLUETOOTH อาจจะยังไม่รู้ว่าคุณสามารถ เปลี่ยนชื่อบลูทูธ IPHONE และอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ตามที่ต้องการ ซึ่งการเปลี่ยนชื่อบลูทูธนอกจากจะทำให้เรารู้ได้ว่า BLUETOOTH อันนั้นเป็นของใครแล้ว ยังให้เกิดความแตกต่างกันอีกด้วย เนื่องจากอุปกรณ์ของ APPLE จะถูกตั้งค่าเริ่มต้นให้ BLUETOOTH และ AIR DROP มีชื่อเดียวกันอุปกรณ์รุ่นนั้น ๆ เช่นIPHONE, MACBOOK AIR หรือ AIR POD เป็นต้น

วิธี เปลี่ยนชื่อบลูทูธ IPHONE ทำง่าย ๆ ในไม่กี่ขั้นตอน

เปลี่ยนชื่อบลูทูธ IPHONE

มาถึงในส่วนของวิธีเปลี่ยนชื่อบลูทูธ IPHONEที่ให้คุณสามารถทำได้ง่าย ๆ ในไม่กี่ขึ้นตอน และที่สำคัญคุณยังสามารถครีเอทชื่อได้หลากหลาย รวมไปถึงยังสามารถใส่ไอคอน หรืออิโมจิคอนได้ตามที่ต้องการอีกด้วย ซึ่ง วิธีเปลี่ยนชื่อบลูทูธ IPHONE บนทั้ง IPHONE, IPAD, MACBOOK และ AIR POD มีดังนี้

เปลี่ยนชื่อบลูทูธ IPHONE

เปลี่ยนชื่อบลูทูธIPHONEและ IPAD

สำหรับใครที่กำลังตามหาเปลี่ยนชื่อบลูทูธ IPHONE13 หรือรุ่นอื่น ๆ รวมไปถึง IPAD ให้คุณทำตามวิธีนี้ โดยให้คุณไปที่ “ตั้งค่า” จากนั้นเลือกไปที่ “ทั่วไป” จากนั้นเลือกไปที่ “เกี่ยวกับ” ซึ่งจะอยู่ที่ช่องแรกของฟังก์ชันนี้ และเมื่อกดเข้าไปจะเห็นคำว่า “ชื่อ” ให้คุณกดเข้าไปแล้วก็ครีเอทชื่อที่คุณต้องการได้เลย ซึ่งชื่อที่คุณตั้งจะถูกใช้สำหรับ BLUETOOTH และ AIR DROP 

เปลี่ยนชื่อบลูทูธ IPHONE

เปลี่ยนชื่อบลูทูธ MACBOOK

สำหรับการ เปลี่ยนชื่อ บลูทูธ บน MACBOOK ก็มีรูปแบบเช่นเดียวกับ IPHONEและ IPAD โดยให้คุณไปที่ “เมนู” จากนั้นไปที่ “ตั้งค่า” กดเลือก “ทั่วไป” ตามด้วย “เกี่ยวกับ” แล้วตั้งชื่อใหม่ตามที่ต้องการได้เลย แต่สำหรับ MACBOOK จะแตกต่างจากIPHONEและ IPAD คือสามารถตั้งชื่อ “โฮสต์ส่วนกลาง” ได้ โดยการตั้งชื่อโฮสต์ส่วนกลางจะทำให้เป็นเหมือนการจำลอง MACBOOK ขึ้นมาอีกเครื่องหนึ่ง ทำให้คุณสามารถใช้ MACBOOK ร่วมกับคนอื่น ๆ ได้อย่างปลอดภัย และมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยแต่ละคนจะมีแอคเคาท์เพื่อเข้าใช้งานตามตามที่ตัวเองตั้งค่า และที่สำคัญอุปกรณ์ระบบ WINDOWS ก็สามารถตั้งค่าฟังก์ชันนี้ได้เช่นกัน

เปลี่ยนชื่อบลูทูธ IPHONE

เปลี่ยนชื่อบลูทูธ AIR POD

สำหรับการ เปลี่ยนชื่อแอร์พอด มีความจำเป็นที่ต้องอาศัยอุปกรณ์อื่น ๆ อย่างเช่น IPHONE, IPAD และ เครื่อง MAC โดยก่อนอื่นคุณจะต้องทำการเชื่อมต่อ AIR POD กับอุปกรณ์เหล่านี้ก่อนจากนั้นไปที่ “ตั้งค่า” แล้วกดเลือกที่ชื่อ AIRPOD ของคุณ จากนั้นแตะที่ “ชื่อปัจจุบัน” แล้วกดเปลี่ยนได้เลย แต่สำหรับของใครที่ชื่อของ AIRPOD ไม่ได้ขึ้นให้ที่หน้าการตั้งค่า ให้เข้าไปที่ BLUETOOTH จากนั้นกดเลือกที่ “ไอคอนตัว i” แล้วกดเลือกไปที่ “ชื่อ” จากนั้นก็เปลี่ยนชื่อ BLUETOOTH ตามที่เราต้องการได้เลย แต่สำหรับ MAC ให้เข้าไปที่ “เมนู” จากนั้นเลือก “การตั้งค่าระบบ” และกดเลือกชื่อ AIR POD ที่ขึ้นอยู่ แล้วก็สามารถเปลี่ยนชื่อได้ตามที่เราต้องการได้เลย

เหตุผลและความสำคัญของการ เปลี่ยนชื่อบลูทูธ IPHONE

เปลี่ยนชื่อบลูทูธ IPHONE

หลายคนอาจจะรู้สึกว่าการ เปลี่ยนชื่อบลูทูธIPHONE หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ของ APPLE นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการ เปลี่ยนชื่อ BLUETOOTH IPHONE และอุปกรณ์อื่น ๆ นั้นจะช่วยสร้างความแตกต่างให้กับอุปกรณ์ APPLE ของคุณ เพราะหากเราใช้งาน BLUETOOTH นอกบ้านอย่างเช่น มหาวิทยาลัย, โรงเรียน หรือห้างสรรพสินค้า ซึ่งมักจะเป็นที่ที่มีการเปิดใช้งานสินค้าของ APPLE เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้เราเชื่อมต่อ BLUETOOTH และ AIR DROP ผิดอุปกรณ์ได้

เปลี่ยนชื่อบลูทูธ IPHONE

เพื่อน ๆ ลองคิดภาพดูว่าถ้ารอบ ๆ บริเวณนั้นมีคนใช้ IPHONE 15 จำนวน 4 เครื่องและใช้ชื่อ BLUETOOTH เป็นชื่อเดียวกันทั้งหมดคือ “IPHONE 15” แน่นอนว่าเชื่อมต่อบลูทูธผิดเครื่องได้อย่างนอน ดังนั้นการตั้งชื่อให้มีความเป็นเอกลักษณ์ หรือมีความแตกต่างก็จะเป็นหนึ่งการป้องกันการเชื่อมต่อ และการส่งข้อมูลผิดพลาดนั่นเอง

เปลี่ยนชื่อบลูทูธ IPHONE

นอกจากนี้สำหรับใครที่ใช้อุปกรณ์ของ APPLE หลาย ๆ ชิ้นก็จำให้ให้คุณรู้ว่าจะต้องเชื่อมต่อบลูทูธกับอุปกรณ์ใด เช่น อาจจะมีมือถือไอโฟนหลายเครื่องและต้องการเชื่อมต่อ AIR POD กับไอโฟนเครื่องใดเครื่องหนึ่ง การตั้งชื่อให้มีความแตกต่างกันก็จะทำให้คุณสามารถใช้งานอุปกรณ์ได้ง่ายขึ้น และช่วยให้คุณไม่สับสนอีกด้วย

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
สอนใช้

ซ่อนรูปในไอโฟน ฟีเจอร์ดี ๆ ที่ให้คุณจัดการแอปภาพถ่ายได้ด้วยตัวเอง

ซ่อนรูปในไอโฟน

หลายคนที่ใช้ IPHONE อาจจะยังไม่รู้ว่าคุณสามารถ ซ่อนรูปในไอโฟน ของคุณได้ แบบที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยแอปอื่น ๆ เลย โดยคุณสามารถซ้อนภาพได้ง่าย ๆ บนแอปรูปภาพที่ APPEL ให้มาทั้งบน IPHONE และ IPAD เพื่อให้คุณสามารถสร้างความเป็นส่วนตัวได้ตามที่คุณต้องการ

แนะนำวิธี ซ่อนรูปในไอโฟน ทำได้ง่าย ๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน

ซ่อนรูปในไอโฟน

สำหรับใครที่อยาก ซ่อนรูป ในไอโฟน มารวมกันทางนี้ เพราะวันนี้เรามีวิธี ซ่อนรูป ในไอโฟน มาฝากเพื่อน ๆ ทุกคนที่อยากสร้างความเป็นส่วนตัวแบบขีดสุด โดยจะเป็นวิธีซ่อนรูปที่ใช้สำหรับ IOS 14 หรือใหม่กว่า ซึ่งจะมีทั้งวิธีซ่อนรูปภาพ, เลิกซ่อนรูปภาพบน รวมไปถึงการซ่อนภาพแบบที่ต้องใส่รหัสผ่านก่อนเข้าดูภาพ ให้เพื่อเพื่อน ๆ สามารถทำตามกันได้ง่าย ๆ 

ซ่อนรูปในไอโฟน

วิธีซ่อนรูปภาพ

สำหรับ วิธีซ่อนรูปในไอโฟน IOS 16 ขึ้นไปจะมีความพิเศษมากกว่า IOS 14 และ IOS 15 เนื่องจากการที่คุณจะเปิดดูภาพที่ถูกซ้อนจะต้องมีการใส่รหัสผ่าน หรือ FACE ID ก่อนจึงจะสามารถดูภาพเหล่านั้นได้ ซึ่งรุ่นที่ IOS เก่ากว่าจะไม่มีฟังก์ชันนี้ โดยวิธีซ่อนภาพในอุปกรณ์ที่มี IOS 16 ขึ้นไป คือให้คุณเลือกไปที่ “ภาพที่คุณอยากซ่อน” จากนั้นเลือกไปที่ “จุด 3 จุด” ซึ่งจะอยู่ที่มุมขวาล่างของจอ และเลือกไปที่คำว่า “ซ่อน” แต่สำหรับรุ่นที่ใช้ IOS ต่ำลงมาให้คุณเลือกที่ “ภาพที่ต้องการซ่อน” จากนั้นเลือกไปที่ “แชร์” ซึ่งจะอยู่มุมซ้ายล่างของจอ จากนั้นเลื่อนลงมาหาคำว่า “ซ่อน” เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถซ่อนภาพและวิดีโอได้ตามต้องการ

ซ่อนรูปในไอโฟน

วิธีเลิกซ่อนภาพ

สำหรับใครที่อยาก เลิกซ่อนรูปในไอโฟน ก็สามารถทำได้ง่ายมาก ๆ โดยให้คุณเลือกไปที่ฟังก์ชัน “อัลบั้ม” ในแอปรูปภาพ จากนั้นให้เลื่อนลงมาข้างล่าง แล้วกดเลือก “ซ่อนอยู่” ซึ่งจะเป็นรูปดวงตา จากนั้นเลือกภาพที่ต้องการเลือกซ่อน แล้วทำวิธีเดียวกันกับขั้นตอนการซ่อนภาพแต่ให้เลือกที่ “เลิกซ่อน” แต่สำหรับคนที่หาฟังก์ชัน “ซ่อนอยู่” ไม่เจอให้เข้าไปที่ “ตั้งค่า” จากนั้นเลือกไปที่ “รูปภาพ” แล้วเลือกเปิด “การซ่อนอัลบั้ม” เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเข้าไปดูภาพที่ซ่อนอยู่ได้แล้ว

ซ่อนรูปในไอโฟน

วิธีซ่อนภาพ ใส่รหัสสำหรับ IOS 14 และ 15

อย่างที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า IPHONE และ IPAD ที่ใช้ IOS 14 และ 15 จะไม่มีฟังก์ชันให้ใส่รหัสผ่าน หรือ FACE ID ก่อนที่จะเปิดเข้าดูภาพที่ซ่อนอยู่ แต่เราก็สามารถ ซ่อนรูปในไอโฟน ใส่รหัส ได้เช่นกัน โดยเราจะต้องใช้แอปพลิเคชันโน้ตของ APPLE ร่วมด้วย โดยให้เลือกเขาไปที่แอปโน้ตจากนั้น “สร้างโฟลเดอร์” จากนั้นให้กดค้างที่โฟลเดอร์ แล้วเลือกไปที่ “ล็อคโน้ต” จากนั้นเพื่อน ๆ ก็สามารถตั้งค่ารหัสผ่าน, คำใบ้, TOUCH ID หรือ FACE ID ได้ แล้วเมื่อตั้งค่าความปลอดภัยของโฟลเดอร์เสร็จแล้ว

ให้เข้าไปที่แอปรูปภาพ จากนั้นเลือกภาพที่คุณต้องการซ่อน จากนั้นเลือกไปที่ “แชร์” จากไอคอนที่อยู่มุมซ้ายล่าง จากนั้นเลือกแชร์ไปที่ “โน้ต” เลือกโฟลเดอร์ที่เราสร้างไว้ จากนั้นกด “บันทึก” เพียงเท่านี้ภาพถ่ายของคุณก็ถูกซ่อนแล้ว และคุณจะสามารถลบภาพนั้นออกจากแอปรูปภาพของอุปกรณ์ได้เลย

ซ่อนรูปในไอโฟน แบบไร้ร่องรอย หายังไงก็ไม่เจอ

ซ่อนรูปในไอโฟน

สำหรับใครที่อยากซ่อนรูปในไอโฟน คุณก็สามารถทำได้ง่ายมาก ๆ โดยให้คุณดูก่อนว่า ในแอปรูปภาพของคุณมีฟีเจอร์ “ซ่อนอยู่” ขึ้นอยู่ไหม โดยวิธีดูคือให้คุณเข้าไปที่ “อัลบั้ม” จากนั้นเลื่อนลงมาข้างล่างสุด แล้วหาฟีเจอร์ “ซ่อนอยู่” หากฟีเจอร์นี้ยังปรากฏอยู่ให้เข้าไปที่ “ตั้งค่า” จากนั้นเลือกไปที่ “รูปภาพ” จากนั้นให้ปิด “การซ่อนอัลบั้ม” เพียงเท่านี้รูปที่ซ่อนก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ถ้าหากคุณอยาก ดูรูปที่ซ่อนในไอโฟน ก็เพียงแค่ไปเปิดการซ่อนอัลบั้ม เพียงเท่านี้ฟีเจอร์ “ซ่อนอยู่” ก็จะกลับมาแล้ว

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: sa-game.bet

Categories
สอนใช้

ตั้งค่าไอโฟน ถ่ายรูปสวย เทคนิคดี ๆ ที่ใครก็ทำตามได้

สำหรับใครที่กำลังใช้ IPHONE อยู่แล้วรู้สึกว่าไอโฟนของคุณถ่ายรูปไม่สวย หรือถ่ายออกมาแล้วไม่เหมือนเหล่าบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ในโซเชียลถ่าย วันนี้เราจะมาแนะนำการปลดล็อกสกิลทองคำของการถ่ายภาพด้วยไอโฟนด้วยการ ตั้งค่าไอโฟน ถ่ายรูปสวย ด้วยเทคนิคง่าย ๆ ใครที่ไอโฟนอยู่ในมือลองทำไปพร้อม ๆ กันได้เลย

5 เทคนิค ตั้งค่าไอโฟน ถ่ายรูปสวย สำหรับไอโฟน 11 ขึ้นไป

ตั้งค่าไอโฟน ถ่ายรูปสวย

บน IPHONE ทุกรุ่นทาง APPLE จะใส่ฟีเจอร์ฟิวเตอร์มาให้อยู่แล้ว สำหรับใครที่ต้องการปรับโทนภาพให้ออกมาในโทนที่เราต้องการ ซึ่งจะมีตั้งแต่โทนร้อน โทนเย็น หรือแม้แต่กระทั่งฟิล์มนัวร์ก็มีมาให้เช่นเดียวกัน แต่เราเชื่อว่าสำหรับใครที่เป็นสายแต่งภาพเท่านี้คงไม่พออย่างแน่นอน ดังนั้นวันนี้เราจึงมี 5 เทคนิคตั้งค่าไอโฟน ถ่ายรูปสวย มาฝากทุกคนที่อยากได้ภาพสวย ๆ ไว้อวดเพื่อน ๆ บนโซเชียล ซึ่งจะมีตั้งแต่การ ตั้งค่ากล้อง iPhone 11 ไปจนถึง iPhone 14 PRO MAX เลยทีเดียว

ตั้งค่าไอโฟน ถ่ายรูปสวย

ตั้งค่าให้ถ่ายภาพได้คมชัดขึ้น

สำหรับใครที่ใช้ IPHONE ตั้งแต่รุ่น 11 ขึ้นไป ไอโฟนจะมาพร้อมโหมด “จับภาพคมชัดอย่างรวดเร็ว” ซึ่งคุณสามารถเลือกเปิด หรือ ปิด โหมดนี้ได้ตามความต้องการ โดยการ ตั้งค่ากล้องไอโฟนให้ชัด ด้วยวิธีจี้จะมีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกัน ซึ่งหากเลือกปิด คุณภาพของภาพที่ได้ก็จะมีความคมชัด แต่ต้องแลกกับเวลาถ่ายภาพที่นานขึ้น และ แต่ถ้าคุณเลือกเปิด กล้องจะสามารถเก็บภาพได้เร็วขึ้น แต่ภาพที่ได้อาจจะมีคุณภาพที่ลดลง จึงทำให้โหมดนี้เหมาะกับการใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป

ตั้งค่าไอโฟน ถ่ายรูปสวย

ตั้งค่าให้ถ่ายภาพละมุน ฟรุ้ง สไตล์เกาหลี

สำหรับใครที่รู้สึกว่าโหมดออโต้โฟกัสของ IPHONE ยังทำงานได้ไม่ดีพอ หรือ กล้องสดไอโฟนไม่สวย เรามีวิธีตั้งค่ากล้องไอโฟนให้ถ่ายภาพออกมาได้ละมุน ฟรุ้ง สไตล์เกาหลี ด้วยวิธีตั้งค่าการรับแสง โดยเข้าไปที่ “ตั้งค่ากล้อง” เลือกไปที่ “ตั้งค่าการใช้งานล่าสุด” และเลือก “การปรับการเปิดรับแสง” ซึ่งใครที่ไม่ชอบภาพที่มีความคมมากเกินไป ก็สามารถปรับรับแสงเพิ่มขึ้นได้ตามต้องการ

ตั้งค่าไอโฟน ถ่ายรูปสวย

ตั้งค่ากล้องหน้าให้ถ่ายภาพสวยเหมือนตาเห็น

บนไอโฟนเวลาลาที่เราถ่ายกล้องหน้า ภาพที่ออกมาจะถูกกลับด้าน ให้กลายเป็นเหมือนเราใช้กล้องหลังถ่ายแล้วหลายคนรู้สึกว่าภาพที่ได้ไม่สวยเหมือนเหมือนในกล้อง APPLE จึงได้พัฒนาฟีเจอร์ “กลับข้างรูปภาพด้านหน้า” ขึ้นมา เพื่อให้ภาพที่ถ่ายกล้องหน้าไม่กลับด้าน สำหรับใครที่ชอบเซลฟีการ ตั้งค่ากล้อง iPhone 14 PRO MAX ให้สวย ด้วยการเปิดฟีเจอร์นี้ก็น่าจะตอบโจทย์เป็นอย่างยิ่ง

ตั้งค่าไอโฟน ถ่ายรูปสวย

ตั้งค่าค่า F บนโหมดภาพถ่ายบุคคล

สำหรับใครที่สงสัยว่า ค่า F ในกล้องไอโฟนคืออะไร เราขออธิบายง่าย ๆ แบบนี้ว่า ค่า F คือค่ารูรับแสงของเลนส์ถ่ายภาพ ซึ่งไอโฟนแต่ละรุ่นก็มาพร้อมค่า F ที่ถูกพัฒนาขึ้นแตกต่างกันออกไป โดยโหมดภาพถ่ายบุคคลบนไอโฟนจะสามารถปรับค่า F และรูปแบบของแสงได้ โดยหากค่า F ต่ำภาพพื้นหลังก็จะมีความคมชัดมากขึ้น แต่ถ้า F สูงขึ้น ภาพพื้นหลังก็จะจะมีความเบลอ และรูปแบบของแสงที่มีให้เลือกก็จะมีความสวยที่แตกต่างกันออกไป โดยการตั้งค่า F ของโหมดภาพถ่ายบุคคลจะเป็นรูป ƒ อยู่ตรงมุมขวาบนของจอ จากนั้นก็เลือกปรับค่า F ได้เลย

ตั้งค่าไอโฟน ถ่ายรูปสวย

ใช้ APPLE ProRAW สำหรับสายแต่งภาพ

ตั้งค่ากล้อง iPhone 13 PRO ให้สวย ด้วยเปิดโหมด APPLE ProRAW ซึ่งเป็นการบันทึกไฟล์ภาพประเภทหนึ่งที่จะให้ความละเอียดที่สูงกว่าไฟล์ JPEG ซึ่งโหมดนี้จะอยู่ใน IPHONE 12 PRO และรุ่น RRO อื่น ๆ ที่ใหม่กว่า แต่ไฟล์ประเภทนี้จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าแต่ให้ภาพที่มีความละเอียด และคมชัดมากกว่า โดยให้เขาไปที่ “ตั้งค่ากล้อง” ไปที่รูปแบบ จากนั้นเลือกเปิด APPLE ProRAW 

อัปเดต IOS เพื่อการ ตั้งค่าไอโฟน ถ่ายรูปสวย กว่าที่เคย

ตั้งค่าไอโฟน ถ่ายรูปสวย

APPLE มักจะปล่อย IOS ออกมาให้ผู้ใช้งานได้กดอัปเดตอยู่หลายเวอร์ชันด้วยกัน ซึ่งการปล่อยตัวอัปเดตใหญ่แต่ละครั้งส่วนใหญ่จะมีการปล่อยตัวอัปเดตกล้องออกมาด้วย จึงอาจจะทำให้มีฟีเจอร์ใหม่ของการตั้งค่ากล้องมาด้วย ดังนั้นใครที่อยาก ตั้งค่าไอโฟนถ่ายรูปสวย แบบเต็มความสามารถที่ไอโฟนให้มา ก็สามารถอ่านรายละเอียดของ IOS แต่ละเวอร์ชันว่าให้อะไรใหม่มาบาง และหลังจากที่อัป IOS แล้วเพื่อน ๆ ก็สามารถเลือกการตั้งค่าที่ตรงกับความชอบได้เลย

นอกจากนี้สำหรับใครที่สงสัยว่า กล้องไอโฟนรุ่นไหนสวยที่สุด อันนี้ก็จะขึ้นอยู่อยู่กับความชอบของแต่ละคนเลยค่ะ เพราะกล้องของไอโฟนแต่ละรุ่นก็จะให้โทนภาพที่ต่างกันออกไป ซึ่งกล้องรุ่นใหม่ ๆ ก็จะให้ภาพที่คมชัด รายละเอียดของภาพสูง ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมามีความสมจริงมาก จนหลายคนอาจจะมองว่าเป็นข้อเสียก็ได้ ดังนั้นเราจึงอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ทดลองเปรียบเทียบภาพที่ได้จากไอโฟนแต่ละรุ่นดูก่อนว่าเพื่อน ๆ ชอบภาพที่ได้จากไอโฟนรุ่นไหนมากกว่า ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
สอนใช้

20 คีย์ลัด Mac ตัวช่วยดี ๆ ที่จะทำให้ชาว Mac OS ทำงานได้ง่ายขึ้น

คีย์ลัด Mac

ชาวMac OS มารวมกันทางนี้ สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่เป็นสาวก Apple อยู่แล้วก็คงจะทราบดีว่า คีย์ลัด Mac ไม่ว่าจะเป็น MacBook หรือ iMac นั้นมีปุ่มใดบ้าง แต่สำหรับใครที่พึ่งจะย้ายค่ายมาเป็นสาวก Apple ก็อาจจะยังไม่ว่าคีย์ลัดต่าง ๆ นั้นมีอะไรบ้าง ดังนั้นวันนี้เราจึงได้รวบรวมคีย์ลัดMac 20 คีย์ที่เพื่อน ๆ จะต้องได้ใช้อย่างแน่นอน

คีย์ลัด Mac รวมครบ จบในที่เดียว

สำหรับ คีย์ลัดMac ทั้ง 20 คีย์ที่เราจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกันในวันนี้จะเป็นในส่วนของ “ปุ่มลัดทั่วไป” และ “ปุ่มลัดเอกสาร” โดย คีย์ลัดMac OS ทั้ง 20 คีย์มีดังนี้

คีย์ลัด Mac
  • Command + C คัดลอกรายการที่เลือก 
  • Command + V วางเนื้อหาที่คัดลอกลงในเอกสารหรือแอปปัจจุบัน
  • Command + Z ยกเลิกเลิกทำคำสั่งก่อนหน้า 
  • Command + Shift + Z ย้อนกลับคำสั่งเลิกทำ และเลิกทำ (ทำได้หลายคำสั่ง)
  • Command + P พิมพ์เอกสารปัจจุบัน
  • Shift + Command + R เพื่อเปิดหน้าต่าง AirDrop
  • Shift + Command + 5 บน คีย์ลัด macแคปหน้าจอ สำหรับ macOS Mojave ไปจะถึง macOS Ventura 
  • Shift + Command + 3 หรือ 4 บนระบบปฏิบัติการ macOS Mojave หรือเวอร์ชันใหม่กว่า เพื่อถ่ายภาพหน้าจอ ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับการถ่ายภาพหน้าจอ
คีย์ลัด Mac
  • Shift + Command + Delete คีย์ลัด macลบ หรือ ล้างถังขยะ
  • Control + H เพื่อลบตัวอักษรที่ด้านซ้ายของจุดแทรก 
  • Control + D เพื่อลบตัวอักษรที่ด้านขวาของจุดแทรก 
  • Command + K เพิ่มเว็บลิงก์ลงบนเอกสารของคุณ
  • Shift + Command + เครื่องหมายลบ (-) เพื่อลดขนาดของรายการ หรือ ตัวอักษรที่เลือก
  • Shift + Command + เครื่องหมายบวก (+) เพื่อเพิ่มขนาดของรายการ หรือ ตัวที่เลือก 
  • Control + P เลื่อนขึ้นหนึ่งบรรทัด
  • Control + N เลื่อนลงหนึ่งบรรทัด
  • Command + U ขีดเส้นใต้ข้อความที่เลือก หรือ ยกเลิกการขีดเส้นใต้ข้อความที่เลือก
  • Command + T แสดงหรือซ่อนหน้าต่างแบบอักษร
  • Command + A เลือกทั้งหมดทุกรายการ หรือ เลือกข้อความทั้งหมดบนเอกสาร
  • Command + S เพื่อบันทึกเอกสารปัจจุบัน

ใช้คีย์ลัดได้ง่าย ๆ แบบไม่ต้องตั้งค่าจาก แป้นพิมพ์ MacBook 

คีย์ลัด Mac

คีย์ลัดMac นอกจากเพื่อน ๆ จะสามารถเรียกใช้งานได้ด้วยการตั้งค่าบนอุปกรณ์แล้ว คุณยังสามารถใช้คีย์ลัดได้ง่าย ๆ ด้วยการป้อนคำสั่ง หรือ การใช้คีย์ลัดผ่านแป้นพิมพ์ซึ่งมีให้มากกว่า 100 รายการ รวมไปถึงคีย์ลัดทั้ง 20 คีย์ที่เรานำมาแนะนำให้กับเพื่อน ๆ ในวันนี้อีกด้วย นอกจากนี้คีย์ลัดหลาย ๆ คีย์ยังเป็น คีย์ลัด MacBook pro MacBook Air และ iMac ที่สามารถใช้ร่วมกันได้ ดังนั้นสำหรับใครที่ใช้งาน หรือทำงานได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น คีย์ลัดเหล่านี้ก็นับว่าเป็นตัวช่วยที่ดีเป็นอย่างยิ่ง 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://hilo-88.com/ 

Categories
สอนใช้

AIS Play แอปดูหนังที่ดูฟรีก็ได้ สมัครแพ็กเกจก็เลิศ 

AIS Play

AIS Play แอปพลิเคชันดูหนัง อนิเมะ และคอนเทนต์ต่าง ๆ อีกมากมาย ที่มีทั้งในส่วนของคอนเทนต์ที่ให้ดูฟรีสำหรับผู้ที่ไม่ใช่สมาชิก และ คอนเทนต์พิเศษสำหรับสมาชิกโดยเฉพาะ ที่พิเศษไปกว่านั้นคือ ไม่ว่าคุณจะใช้เบอร์มือถือจากเครือข่ายใด ก็สามารถสมัครสมาชิกของAIS Playได้ 

วิธีเข้าใช้งาน และ สมัครสมาชิก AIS Play 

AIS Play

สำหรับใครที่อยากชมคอนเทนต์สนุก ๆ ไม่ว่าจะเป็น หนัง, ละคร, ซีรีส์, อนิเมะ, กีฬา, ทีวีออนไลน์, อนิเมชั่น และอื่น ๆ อีกมากมาย คุณสามารถชมคนเทนต์ต่าง ๆ เหล่านั้นได้ง่าย ๆ ผ่านAIS Play ที่สามารถชมได้จากทั้งบนแอปพลิเคชัน หรือ บนเว็บไซต์ โดยความพิเศษของเอไอเอส เพลย์ คือ คุณสามารถรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้ฟรี แบบที่ไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่จำเป็นต้องสมัครสมาชิก หรือไม่ต้องลงทะเบียน ซึ่ง วิธีดูais playฟรี ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่คุณดาวน์โหลดแอปAIS Playหรือ เข้าเว็บไซต์เอไอเอส แล้วเลือก “เข้าใช้งานแบบไม่ลงทะเบียน” หรือเลือก “เข้าสู่ระบบ” แล้วระบุหมายเลขโทรศัพท์หรือหมายเลขอินเทอร์เน็ต 10 หลักเพื่อเข้าใช้บริการ จากนั้นกรองรหัส “OTP” จากนั้นก็สามารถเข้าชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้เลย ซึ่งคอนเทนต์ต่าง ๆ จะระบุไว้อย่างชัดเจนว่า จะเป็นคอนเทนต์ดูฟรี หรือ สำหรับสมาชิก ดังนั้นสำหรับใครที่สงสัยว่าais playฟรีไหม คำตอบคือ ดูฟรีแต่เฉพาะบางคอนเทนต์นั่นเอง 

สมัครAIS Playรายเดือน ราคาแพ็กเกจดีทั้งลูกค้าAIS และ ลูกค้าค่ายอื่น 

AIS Playเป็นแอปดูหนังที่ให้ทั้งลูกค้าเอไอเอสและ ลูกค้าจากค่ายอื่นซื้อแพ็กเกจเพื่อชมคอนเทนต์พรีเมียมของแอปได้ โดย สมัครais playค่ายอื่น หรือผู้ที่ไม่ใช่ลูกค้าAIS คุณสามารถสมัครได้ง่าย ๆ ผ่านแอป หรือ เว็บไซต์AIS Playโดยแพ็กเกจสำหรับลูกค้าทั่วไป หรือ ลูกค้าต่างค่าย มี 2 แพ็กเกจให้เลือก ได้แก่ “PlayPremium” ราคา 199 บาท/เดือน ฟรี Bein sport connect นาน 12 เดือน และแพ็กเกจ “PlayPremium Plus” ราคา 299 บาท/เดือน ฟรี Viu, WeTV, Bein sport connect และ AISKaraoke

AIS Play

สำหรับ ลูกค้า AIS ทั้งแบบรายเดือน เติมเงิน และ AIS ไฟเบอร์ จะมีแพ็กเกจให้เลือกมากกว่าลูกค้าต่างค่าย โดย สิทธิพิเศษลูกค้า AIS และ AIS ไฟเบอร์ สมัครครั้งแรกเพียง 19 บาท/เดือน (เฉพาะเดือนแรก) เดือนต่อไป 199 บาท/เดือน (ผู้ที่เคยรับสิทธิ์แล้ว 199 บาท/เดือน) และสำหรับลูกค้า AIS เติมเงิน 199 บาท/เดือน และทั้งหมดนี้ฟรี Bein sport connect

AIS Play

นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจ 299 บาทให้เลือก โดย สมัครครั้งแรกเพียง 29 บาทเดือน (เฉพาะเดือนแรก) เดือนต่อไป 299 บาท/เดือน และ สำหรับลูกค้าAIS เติมเงิน 299 บาท/เดือน และลูกค้ารายเดือน และเติมเงินรับชมฟรี Disney+ Hotstar, Viu, WeTV, Bein sport connect และAIS Karaoke แบบไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม และที่สำคัญคือ คุณสามารถ ดูais play ผ่านทีวี ได้ง่าย ๆ เพียงแค่ดาวน์โหลดแอป 

อ่านบทความอื่นๆ:

ผู้สนับสนุน: https://hilo-88.com/

Categories
สอนใช้

แชร์วิธีการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ได้ผลจริง ข้อมูลไม่หาย ฉบับอัพเดตปี 2566

ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone
ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone

หลายท่านที่ใช้สมาร์ทโฟน Android แล้วต้องการเปลี่ยนมาใช้ iPhone คงกำลังสงสัยว่าเราสามารถ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ได้ไหม? แล้วถ้าหากย้ายได้ข้อมูลจะครบถ้วนหรือเปล่า? วันนี้เราจะพาทุกท่านจะไขข้อสงสัยนี้ไปพร้อม ๆ กัน

ซึ่งต้องขอบอกก่อนเลยว่าในปี 2023 เราสามารถ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ได้หลากหลายวิธี ดังนั้น วันนี้เราจึงได้รวบรวมวิธีการย้ายข้อมูลที่สุดแสนจะง่ายดาย ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่คุณเลือกทำตามวิธีที่เราได้รวบรวมมาไว้ในบทความนี้ เพียงเท่านี้ข้อมูลที่สำคัญของคุณก็จะถูกโอนย้ายไปอยู่ใน iPhone เครื่องใหม่ของคุณแล้ว

สิ่งที่ควรทำก่อน ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone

สิ่งที่ควรทำก่อน ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone
สิ่งที่ควรทำก่อน ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone

คุณรู้หรือไม่? ก่อนที่คุณจะเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องใหม่ หรือทิ้งโทรศัพท์เครื่องเก่า สิ่งที่คุณควรทำเป็นอันดับแรก ก็คือ การย้ายข้อมูลจากสมาร์ทโฟนเครื่องเก่า ไปยังเครื่องใหม่ ซึ่งมีผู้ใช้หลายคนต้องการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่รู้วิธีการย้ายข้อมูลที่ถูกต้อง

บางคนต้องการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone 13 ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้ระบบปฎิบัติการใหม่ล่าสุด จึงมีความกังวลว่าข้อมูลบางอย่างอาจจะหายไป ดังนั้น ก่อนที่คุณจะเริ่มทำการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone 2023 คุณต้องดำเนินการและตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เตรียมความพร้อมสำหรับการย้ายข้อมูลเรียบร้อยแล้ว เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งสิ่งที่คุณควรทำก่อนเริ่มถ่ายโอนข้อมูลโทรศัพท์ มีดังนี้ 

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสมาร์ทโฟนทั้ง 2 เครื่องเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ที่ปลอดภัยหรือไม่?
  • ก่อน ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone เครื่องเก่า ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า iPhone ของคุณมีพื้นที่เก็บข้อมูลเพียงพอหรือไม่?
  • เสียบปลั๊กชาร์จแบตสมาร์ทโฟนทั้ง 2 เครื่องให้พร้อมสำหรับการถ่ายโอนข้อมูล (เพราะอาจจะใช้เวลาในการย้ายนาน)
  • หากคุณต้องการโอนบุ๊กมาร์ก Chrome ให้อัพเดต Chrome เป็นเวอร์ชันล่าสุดบนอุปกรณ์ Android ของคุณ
  • สำรองข้อมูลโทรศัพท์ Android ของคุณไปที่ Google Drive เพื่อปกป้องข้อมูลหาย
  • ออกจากระบบ RCS (Rich Communication Service) บน Google Messages

วิธีสำรองข้อมูลของคุณไปยัง Google Drive

สำรองข้อมูลของคุณไปยัง Google Drive
สำรองข้อมูลของคุณไปยัง Google Drive

อีกหนึ่งข้อดีเกี่ยวกับบริการของ Google เมื่อคุณต้องการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ก็คือ Google Drive ซึ่งเป็นบริการเก็บไฟล์ข้อมูลไว้บนเซิร์ฟเวอร์ โดยผู้ใช้งานสามารถเปิดใช้งานไฟล์ข้อมูลเหล่านั้นได้จากทุกที่ทุกเวลา และบริการนี้สามารถใช้งานได้ทั้งบน Android และ iOS

ดังนั้น เมื่อคุณต้องย้ายข้อมูล หรือ ย้ายรูปจาก Android ไป iPhone เราขอแนะนำให้คุณทำการสำรองข้อมูลไว้ใน Google Drive ด้วย เพื่อป้องกันข้อมูลที่อาจจะสูญหาย นอกจากนี้ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีการเก็บข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย หากคุณ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ไม่ได้ การสำรองข้อมูลไว้ใน Google Drive ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี เพราะมันสามารถเข้าถึงได้บนอุปกรณ์หลายเครื่องทั้ง Android, iOS, PC และ Mac

ซึ่งในปี 2023 นี้คุณสามารถสำรองข้อมูลไว้ใน Google Drive ได้ตั้งแต่ข้อมูลประวัติการโทรและ SMS เอกสาร รูปภาพและวิดีโอ การตั้งค่า และข้อมูลแอป เช่น รายชื่อติดต่อ (แอป Google Contacts เท่านั้น) ได้อย่างง่ายดาย 

หากต้องการซิงค์บุ๊กมาร์ก Chrome ของคุณกับ iPhone ให้อัปเดตแอป Chrome บนสมาร์ทโฟน Android เครื่องเก่าก่อน และนี่คือขั้นตอนการสำรองข้อมูลไปยัง Google Drive บนโทรศัพท์ Android ให้ไปที่การตั้งค่า > Google > สำรองข้อมูล (หรือค้นหาข้อมูลสำรองในการตั้งค่า) จากนั้นเลือกสำรองข้อมูลเดี๋ยวนี้


วิธีลงชื่อออกจาก RCS

Rich Communication Services (RCS)
Rich Communication Services (RCS)

ก่อนทำการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone มีอีกหนึ่งสิ่งที่คุณควรทำ คือ การลงชื่อออกจาก Rich Communication Services (RCS) ซึ่งเป็นบริการที่ช่วยให้คุณสามารถส่งข้อความที่เข้ารหัส รวมถึงข้อความ วิดีโอ ภาพถ่าย และ GIF

หากโทรศัพท์ Android ของคุณใช้ Google Messages สำหรับข้อความ คุณต้องปิด RCS ก่อนเปลี่ยนโทรศัพท์เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจจะทำให้ข้อความสำคัญขาดหายไป โดยวิธีลงชื่อออกจาก RCS บนอุปกรณ์ Android ก็ง่ายมาก ๆ เพียงแค่ไปที่แอป Google Messages แล้วทำตามขั้นตอนดังนี้

  1. แตะที่ “ตัวเลือกเพิ่มเติม”
  2. แตะที่ “การตั้งค่า”
  3. แตะที่ “คุณสมบัติการแชท”
  4. เลือกปิดการเปิดใช้งานคุณสมบัติการแชท
วิธีลงชื่อออกจาก RCS
วิธีลงชื่อออกจาก RCS

วิธีที่ 1 ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone โดยการใช้แอพ Move to iOS

เมื่อคุณได้ทำการสำรองข้อมูลในโทรศัพท์เครื่องเก่าเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็ถึงเวลา ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone แล้ว ซึ่งวิธีที่หนึ่งที่เราได้นำมาแนะนำนี้ ถือได้ว่าเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด โดยการใช้ โปรแกรมย้ายข้อมูล Android ไป iPhone หรือที่เรียกว่า แอพ Move to iOS ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่เหมาะสำหรับการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone 2566 เป็นอย่างมาก เพราะสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยสุด ๆ

แอพ Move to iOS
แอพ Move to iOS

โดยคุณสามารถดาวน์โหลดแอพนี้บนโทรศัพท์ Android ได้จาก Google Play Store สะดวก รวดเร็ว และทำงานแบบไร้สายในการถ่ายโอนข้อมูล แต่อย่าลืมว่าวิธีนี้ต้องทำการถ่ายโอนบนแอพก่อนตั้งค่า iPhone ของคุณเท่านั้น โดยข้อมูลที่คุณสามารถถ่ายโอนด้วย แอพ Move to iOS ได้มีดังนี้

  • รายชื่อติดต่อ
  • ปฏิทิน 
  • ประวัติข้อความ
  • ข้อความ WhatsApp
  • ภาพถ่าย และอัลบั้มภาพ
  • วิดีโอ 
  • ไฟล์ และโฟลเดอร์
  • การตั้งค่าบางอย่าง
  • บัญชี Google ของคุณ 
  • บัญชีอีเมลอื่น ๆ
  • แอปพลิเคชันฟรีบางตัว

และนี่คือ ขั้นตอนการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone โดยการใช้แอพ Move to iOS :

  1. ไปที่ Play Store บนโทรศัพท์ Android และดาวน์โหลดแอพ Move to iOS
  2. เปิด iPhone ของคุณ แล้วเลือกย้ายข้อมูลจาก Android
  3. เปิดแอพ Move to iOS บนโทรศัพท์ Android ของคุณ
  4. อ่านและยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข ให้แตะ “ตกลง”
  5. เปิด iPhone เครื่องใหม่ของคุณ และวางไว้ใกล้กับโทรศัพท์ Android แล้วแตะ “Set Up Manually”
หน้าแรกของแอพ Move to iOS
หน้าแรกของแอพ Move to iOS
  1. เมื่อหน้าจอ iPhone ปรากฏ Apps & Data ให้แตะ “Move Data from Android”
แตะ “Move Data from Android”
แตะ “Move Data from Android”
  1. รอให้รหัสแบบใช้ครั้งเดียวปรากฏบนหน้าจอ iPhone แล้วนำรหัสนั้นมาป้อนลงในโทรศัพท์ Android ของคุณ
รับรหัสแบบใช้ครั้งเดียว
รับรหัสแบบใช้ครั้งเดียว
  1. เลือกเชื่อมต่อบนโทรศัพท์ Android เพื่อเข้าร่วมเครือข่าย Wi-Fi ชั่วคราว
  2. เลือกข้อมูลที่ต้องการถ่ายโอนจากโทรศัพท์ Android ไปยัง iPhone แล้วเลือก “ดำเนินการต่อ”
  3. จากนั้นปล่อยให้อุปกรณ์ทั้งสองเครื่องเริ่มถ่ายโอนข้อมูล หรือจนกว่า iPhone ของคุณจะแสดงการโอนย้ายเสร็จสิ้น เพียงเท่านี้ข้อมูลในโทรศัพท์ Android ก็จะถูกย้ายไปที่ iPhone ของคุณแล้ว

วิธีที่ 2 ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ด้วยตัวเอง บนคอมพิวเตอร์

ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ด้วยตัวเอง บนคอมพิวเตอร์
ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ด้วยตัวเอง บนคอมพิวเตอร์

นอกจากการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone โดยการใช้แอพ Move to iOS แล้ว ยังมีอีกหนึ่งวิธีการย้ายข้อมูลโทรศัพท์โดยไม่ต้องดาวน์โหลดแอพ นั่นก็คือ การถ่ายโอนข้อมูลของคุณได้ด้วยตนเองบนคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น PC หรือ Mac ก็สามารถทำได้

หากคุณต้องการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone 6s Plus ก็สามารถเลือกใช้วิธีนี้ได้เลยเช่นกัน และวิธีนี้ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone เปิดใช้งานแล้ว เพียงทำตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้

การ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ด้วยตัวเอง บน PC

  1. ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ด้วยตัวเอง บน PC เริ่มต้นด้วยการเสียบสายพอร์ต USB เชื่อมต่อโทรศัพท์ Android ของคุณเข้ากับ PC
  2. จากนั้นให้นำเข้ารูปภาพและวิดีโอจากโทรศัพท์ Android ไปยังโฟลเดอร์ใหม่บน PC ของคุณ
  3. เมื่อนำเข้าข้อมูลครบแล้วก็ให้ถอดสายเชื่อมต่อโทรศัพท์ Android ออกแล้วเสียบสายเชื่อมต่อกับ iPhone เข้ากับ PC
  4. เปิด iTunes บน PC ของคุณ
  5. เลือกคลิกที่ปุ่มอุปกรณ์สำหรับ iPhone ของคุณ (มุมซ้ายบน)
  6. เลือกข้อมูลจากโฟลเดอร์บนคอมพิวเตอร์ที่คุณต้องการซิงค์ในเมนูการตั้งค่าทางด้านซ้าย (เพลง รูปภาพ ไฟล์ ฯลฯ)
  7. คลิกเลือกช่องเพื่อทำเครื่องหมายสำหรับแต่ละหมวดหมู่ที่คุณต้องการซิงค์
  8. คลิกนำไปใช้หรือซิงค์ที่มุมล่างขวา หลังจากที่คุณเลือกทุกสิ่งที่คุณต้องการซิงค์แล้ว

การ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ด้วยตัวเอง บน Mac

  1. ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ด้วยตัวเอง บน Mac เริ่มต้นด้วยการเสียบสายพอร์ต USB เชื่อมต่อโทรศัพท์ Android ของคุณเข้ากับ Mac
  2. ใช้แอพถ่ายโอนไฟล์ของ Android เช่น Google File Transfer เพื่อนำเข้าไฟล์ไปยังโฟลเดอร์ใหม่บน Mac
  3. เมื่อนำเข้าข้อมูลครบแล้วก็ให้ถอดสายเชื่อมต่อโทรศัพท์ Android ออกแล้วเสียบสายเชื่อมต่อกับ iPhone เข้ากับ Mac
  4. จากนั้นไปที่แถบค้นหาบน Mac (หรือ iTunes ใน Mac OS เวอร์ชันเก่า) แล้วเลือก iPhone ของคุณ
  5. กำหนดการตั้งค่าในตัวค้นหาสำหรับไฟล์แต่ละประเภทที่คุณต้องการซิงค์ (เพลง หนังสือ ภาพถ่าย ไฟล์ ฯลฯ) 
  6. คลิกเลือกช่องเพื่อทำเครื่องหมายและเลือกใช้สำหรับแต่ละหมวดหมู่ที่คุณต้องการซิงค์ เพียงเท่านั้นข้อมูลทั้งหมดก็จะถูกย้ายไปยัง iPhone ของคุณ

สิ่งที่คุณควรรู้เมื่อทำการ ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone แล้ว

สิ่งที่ควรรู้ก่อน ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone
สิ่งที่ควรรู้ก่อน ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone

มีผู้ใช้บางคน ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone 11 แล้วมีบางสิ่งขาดหายไป ซึ่งเป็นข้อเสียของการเปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการใหม่ เพราะคุณไม่สามารถถ่ายโอนทุกอย่างได้ เนื่องจาก Android และ iOS ใช้ระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน จึงทำให้ข้อมูลบางอย่างไม่สามารถถ่ายโอนมายังเครื่องใหม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น

  • แอพที่ซื้อในโทรศัพท์ Android บางตัว
  • แอพฟรีที่ไม่มีใน App Store ของ iOS
  • ประวัติการซื้อในแอพ
  • การตั้งค่าการเข้าถึงและการแสดงผล
  • ข้อความในแอพส่งข้อความบางแอพ 

ถึงแม้ว่าแอพ Move to iOS จะสามารถย้ายแอปพลิเคชันฟรีบางแอพจะไว้ในระบบปฏิบัติการ iOS ได้ แต่ก็มีข้อแม้ว่าแอพนั้นต้องสามารถใช้งานได้ทั้งบนระบบ Android และ iOS เท่านั้น สำหรับแอพแบบชำระเงินและแอพที่ไม่สามารถถ่ายโอนได้ คุณจะต้องไปที่ App Store บน iPhone และค้นหาเพื่อดูว่าแต่ละแอพมีอยู่ใน iOS หรือไม่?

หากพบการแอพนั้นไม่มีให้บริการใน iPhone ให้คุณลองค้นหาแอพที่สามารถใช้ทดแทนกันได้ใน Google เพียงพิมพ์ “ชื่อแอพ เทียบเท่ากับ iOS” เพื่อขอคำแนะนำในอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ หากคุณถ่ายโอนข้อมูลจาก Android ไปยัง iPhone เรียบร้อยแล้ว ก่อนทำการทิ้งเครื่องเก่า หรือส่งมอบโทรศัพท์ Android ให้กับบุคคลอื่น

คุณควรล้างข้อมูลในเครื่องเก่าของคุณให้หมดก่อนที่จะส่งต่อ โดยไปที่การตั้งค่า > ทั่วไป > รีเซ็ต > ลบเนื้อหาและการตั้งค่าทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง แต่อย่าลืมสำรองข้อมูลไว้ใน Google Drive ของคุณก่อนนะ เพราะหลังจากล้างข้อมูลเครื่องเก่าแล้ว คุณไม่สามารถเรียกคืนข้อมูลเหล่านั้นได้อีก facetime เสียเงินไหม

AUTHOR

SUWANNA PREEBUNPUL
SUWANNA PREEBUNPUL

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว และถ่ายรูป นิสัยส่วนตัวของออยชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะขอบคุณค่าาาา

CONTACT >> INSTAGRAM, FACEBOOK, LINE

ผู้สนับสนุน : https://hilo-88.com/

Categories
สอนใช้

OTP คืออะไร เห็นกันอยู่ทุกวันแต่มันคือรหัสอะไรกันแน่ วันนี้ไปไขข้อสงสัยกัน

OTP คืออะไร

ตัวช่วยที่จะเพิ่มความรหัสภัยใช้กับข้อมูลของเรานั่นก็คือรหัสผ่าน แต่สำหรับบางท่าน หรือบางแอปพลิเคชันมักจะมีอีกตัวช่วยนั่นก็คือ OTP แล้ว OTP คืออะไร วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับเจ้ารหัสผ่านขั้นที่สองที่ขึ้นชื่อได้ว่า “เป็นรหัสผ่านที่ปลอดภัยที่สุด” หรือมีชื่อเรียกอีกแบบว่า 2FA(2-Factor Authentication) โดยเฉพาะในปัจจุบันถ้าถามว่าOTPมีประโยชน์อย่างไร ต้องขอบอกเลยว่ารอบด้าน ไม่ว่าจะป้องกันการโจรกรรมทางไซเบอร์ ป้องกันการโดนเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว หรือทรัพย์สินของเราเอง OTP เลยถือเป็นอีกรูปแบบของรหัสผ่านที่ไม่ว่าจะยุคไหนก็ยังใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

OTP คืออะไร ความเป็นมา และความหมายของรหัส OTP

OTP คืออะไร

สำหรับคนที่สงสัยว่า OTP คืออะไร วันนี้จะขอเล่าตั้งแต่แรกเกิดของ OTP ตัวแรก ในแรกเริ่มเดิมทีแล้วไม่ได้เป็นรูปแบบของข้อความ SMS อย่างที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน แต่เป็นอุปกรณ์ที่เรียกว่า Dongle มีหน้าตาคล้ายแฟลชไดรฟ์ มีหลักการทำงานก็คือการสุ่มตัวเลข โดย ประโยชน์ของOTP ในยุคนั้นใช้เพื่อปลดล็อกรหัสต่างๆ และแน่นอนว่าในยุคสมัยนั้นราคาสูงคนบุคคลทั่วไปไม่สามารถเอื้อมถึงได้แน่นอน จนได้รับการพัฒนามาเป็นรูปแบบ SMS อย่างที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

OTP คืออะไร

ชื่อเต็มก็ที่นิยมเรียกกันจะมีอยู่ 3 ชื่อด้วยกัน OTPย่อมาจาก One-time Authorization Code, One time PIN หรือ Dynamic Password โดยหลักการทำงานของแต่ละชื่อเรียกจะมีความคล้ายคลึงกันอยู่แล้ว ก็คือมีไว้สำหรับขอเข้าใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ หรือในปัจจุบันจะนิยมใช้เป็นรหัสขอเข้าแอปพลิเคชัน

OTP รหัสผ่านแบบ 2FA ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกจริงหรือไม่

OTP คืออะไร

แน่นอนว่าดีกว่าการมีรหัสผ่านเพียงชั้นเดียวอยู่แล้ว แต่ชั้นที่สองของเรานั้นปลอดภัยถึงนั้นไม่สามารถโดนแฮกได้หรือไม่ คำถามนี้ถูกตอบโดย Merritt Maxim รองประธานของ Forrester Research ว่า “ไม่” เพราะอดีตก็เคยมีการดักจับ OTP ผ่าน SMS เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

  • OTP ถูกดักจับผ่าน Open-source

พูดกันตามตรงแล้ว OTP เป็นรหัสผ่านที่สามารถดักจับได้ง่าย แต่ OTP ปลอดภัยไหม เมื่อเทียบกับรหัสผ่านชั้นนอกแล้ว ช่องโหว่ของรหัสผ่านทั่วไปนั้นสะดวกกับแฮกเกอร์กว่ามาก อย่างเช่น เมื่อปี 2018 ยุคที่ผู้คนเริ่มหันมาใช้โทรศัพท์มือถือ ได้มีการโจรกรรมข้อมูลผู้ให้บริการโปรโตคอลที่มีชื่อว่า Signaling Sysyem No.7 ผ่าน Open-source

OTP คืออะไร
  • ดักจับ OTP จากการโอนข้อมูล SIM

OTP คืออะไรที่เราพบเจอบ่อยที่สุดใน SMS และแน่นอนว่าต้องมาจากผู้ให้บริการเครือข่าย โดยมีมีอีกกรณีเคยเกิดขึ้นมาแล้วในองค์กรผู้ให้บริการด้ายเครือข่ายมือถือ โดยมีโอเปอเรเตอร์ที่กำลังให้บริการผู้ที่มิจฉาชีพที่พยายามหว่านล้อม ให้พนักงานโอนย้ายข้อมูลจาก eSIM จากเครื่องของเหยื่อมายังเครื่องของมิจฉาชีพแทน แค่ในกรณีนี้ต้องขึ้นอยู่กับความรัดกุมของผู้ใช้บริการ ส่วนผู้ใช้งานอย่างเราถ้าเลือกเครือข่ายที่เชื่อถือได้ก็สบายใจกันได้เลย

  • การแฮก Email จาก OTP

OTP ปลอดภัยไหม คำถามนี้คงจะเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น จากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับรหัส OTP ในอดีต แต่ก็ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะอีกที่ ที่เราจะเจอ OTP ได้บ่อยๆก็คือในกล่องข้อความ Email โดยส่วนใหญ่แล้วการดัก OTP จากอีเมลส่วนใหญ่จะใช้วิธีการฟิชชิ่ง หลอกให้เรากรอกข้อมูลในแบบฟอร์มต่างๆ เพียงเท่านี้เราก็ตกหลุมพรางให้แฮกเกอร์เข้าไปโลดแล่นใน Email เราได้ง่ายๆ

OTP คืออะไร

หลังจากที่พอจะได้รู้กันไปแล้วว่ารหัสOTP คืออะไร อาจจะยังไม่รู้ว่าความปลอดภัยของรหัสOTP เมื่อเทียบกับรหัสผ่านรูปแบบอื่นถือว่ามีความปลอดภัยสูงพอสมควร จนนิยมใช้ร่วมกับธุรกรรมต่างๆ ประโยชน์ของOTP เช่น ธนาคาร การโอนเงิน การเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว และจากเกร็ดความรู้วันนี้ถ้าเรากุมรหัสนี้ไว้ให้มิดรับรองว่าจะสามารถใช้รหัสOTP ได้อย่างอุ่นใจขึ้นแน่นอน

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com รวบรวมพนันออนไลน์ไว้ให้คุณที่นี่ที่เดียว

Categories
Featured สอนใช้

นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ นาฬิกาที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี อาจจะเป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้ในอนาคต

ก้าวล้ำพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ หรือ นาฬิกาอัจฉริยะ ที่กำลังจะกลายเป็นไอเทมสำคัญที่ต้องใช้จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน 

นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ เริ่มจากนาฬิกาในกลุ่มคนรักสุขภาพ 

ในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้สมาร์ทวอทช์เป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับคนที่รักสุขภาพ และชอบเล่นกีฬาออกกำลังกาย เพราะมีฟังก์ชันมากมายที่เป็นประโยชน์เช่น การบอกจำนวนระยะทาง ความเร็วในการวิ่ง เดิน ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน นับจำนวนก้าว บอกอัตราการเต้นของหัวใจ นับจำนวนเวลาของการพักผ่อนในแต่ละวันว่าเพียงพอหรือไม่ และบอกอัตราการเผาผลาญแคลอรี่ รวมไปถึงออกแบบโปรแกรมการฝึกซ้อมการออกกำลังกายส่วนตัวได้อย่างเหมาะสมกับผู้ใช้งาน เป็นต้นซึ่งมีการเก็บข้อมูลต่าง ๆ ไว้ โดยล้วนให้ความแม่นยำที่ค่อนข้างสูงเป็นอย่างมาก

นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ มีการพัฒนาฟังก์ชันเพิ่มขึ้น เพื่อการใช้งานที่หลากหลาย

ปัจจุบันสมาร์ทวอทช์ มีการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่างเข้าไปไม่ว่าจะเป็น การใช้ GPS ที่เป็นค่ามาตรฐานที่ต้องมีนำมาผสมผสานการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน ต่าง ๆ ทำให้ใช้งานบนข้อมือได้เลย และยังช่วยระบุตำแหน่งได้อย่างชัดเจนเมื่อต้องการความช่วยเหลือหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน นอกจากนี้ยังสามารถใช้โทรเข้าโทรออกได้อย่างไหลลื่น รวมไปถึงความบันเทิงอย่างการฟังเพลง เช็กสภาพอากาศ ฯลฯ ซึ่งถือว่าเป็นนาฬิกาอัจฉริยะ เลยก็ว่าได้

นอกจากจะเป็นอุปกรณ์เพื่อความสะดวก นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ยังกลายเป็นนาฬิกาแฟชั่น

ถึงแม้รูปทรงของสมาร์ทวอทช์ส่วนใหญ่จะคล้าย ๆ กันหมดแต่ก็ดูมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ดูเรียบ ๆ แต่ก็ไม่ซ้ำใคร ทำให้กลายเป็นนาฬิกาที่สามารถใส่ได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะทำงาน ออกไปเที่ยว หรือเล่นกีฬา ซึ่งในปัจจุบันก็เริ่มมีการปรับดีไซน์กันบ้างแล้วอย่างเช่น Casio ก็ปรับใช้โมเดลของ G-Shockในการผลิตสมาร์ทวอทช์ เพื่อสร้างความแปลกใหม่ในตลาด

ส่วนแบ่งตลาดนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ปี 2020 ครึ่งแรกโตถึง 20% - digital Age  Magazine

รูปภาพจาก https://digitalagemag.com/2020-smartwatch-market-share

ทำไมนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ อาจจะเป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้ในอนาคต

ด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่พัฒนาอย่าต่อเนื่อง รวมไปถึงการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพหรือความบันเทิง จึงเชื่อว่าในอนาคตสมาร์ทวอทช์อาจจะเพิ่มลูกเล่นใหม่ ๆ ออกมาเพื่อให้ผู้ใช้งานมีความสะดวกสบายในชีวิตมากขึ้นอย่าง ปัจจุบัน Apple Carkey ที่ทำให้สมาร์ทวอทช์เป็นกุญแจรถ BMW สามารถปลดล็อกรถผ่านข้อมือ นอกจากนี้ยังสามารถปลดล็อกประตูบ้านได้ เชื่อว่าอีกไม่นานคงมีการต่อยอดเทคโนโลยีนี้ต่อไปอีกอย่างแน่นอน

ทั้งหมดนี้คือประโยชน์ และแนวโน้มในอนาคตของนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ ซึ่งอาจจะมีความสำคัญไม่แพ้โทรศัพท์มือถือ เพราะสามารถทำให้ชีวิตได้รับความสะดวกสบายหลายอย่างผ่านข้อมือของผู้ใช้งานได้อย่างง่ายดาย

อ่านบทความอื่นๆ : 

สนับสนุนโดย :

ufaball.bet เว็บตรง ศูนย์รวมการเดิมพันกีฬาอันดับหนึ่งไม่ว่าจะบอลชุด บอลเต็ง บอลเสต็ป และกีฬาอีกหลายประเภท ราคาดีที่สุดในขณะนี้ ขั้นต่ำเพียง 10 บาท พร้อมโปรโมชั่นคืนยอดเสีย 5% ในทุกเดือน เล่นง่าย จ่ายจริง ร่วมเดิมพันกีฬาสุดมันส์กับเราได้ที่

Categories
Featured สอนใช้

แท็บเล็ต อุปกรณ์ที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการศึกษา 

นับตั้งแต่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ทั้งโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างมีการปรับรูปแบบการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากขึ้นกว่าเดิม นั่นก็คือการเรียนออนไลน์นั่นเอง  อุปกรณ์การเรียน ออนไลน์นั้นสามารถเป็นได้ตั้งแต่โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ทั้งแบบ DESKTOP และ NOTEBOOK รวมไปถึง แท็บเล็ต ที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้นั่นเอง 

แท็บเล็ต อุปกรณ์สำคัญที่คนวัยเรียนจะขาดไปไม่ได้อีกแล้ว

แท็บเล็ต ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ อุปกรณ์การเรียน การศึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้วไม่ว่าจะเรียนออนไลน์หรือไม่ก็ตาม เพราะสามารถเก็บข้อมูลเอกสารได้เป็นจำนวนมาก จดบันทึกได้อย่างสะดวกสบาย พกพาง่าย มีความคล่องตัวสูง เราจะพาไปดูกันว่าสำหรับคนที่ต้องการจะใช้อุปกรณ์ดังกล่าวในการเรียน จะมีรุ่นไหนที่น่าสนใจกันบ้าง

รวมรายชื่อ แท็บเล็ตที่น่าสนใจสำหรับใช้เรียนออนไลน์โดยเฉพาะ

  1. APPLE IPAD AIR GEN 5 เริ่มกันที่แบรนด์ยอดนิยม รุ่นนี้มาพร้อมกับชิปเซ็ตตัวท๊อปล่าสุดอย่าง M1 ที่ช่วยให้สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็วผัวรุ่นก่อนถึง 60 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ไม่ว่าจะทำงานกราฟฟิก เรียนออนไลน์ หรือแม้แต่เล่นเกมก็สามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย ใช้งาน APPLICATION แบบมัลติฟังชั่นก็ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน 
  2. HUAWEI MATEPAD PRO 11 2022 แท็บเล็ตรุ่นใหม่ล่าสุด จากแบรนด์ HUAWEI ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ทำกราฟฟิก การเรียน เล่นเกม รวมไปถึงการรับชม CONTENT ทำงานเอกสาร ยันงานนำเสนอก็สามารถทำได้อย่างสะดวกสบายคล่องตัว สามารถใช้งานร่วมกับปากกา HUAWEI M เพนซิลรุ่น 2 แบบเต็มรูปแบบ เพื่อเพิ่มความไหลลื่นในการจดบันทึกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
  3. HONOR PAD 8 อุปกรณ์การเรียน จากแบรนด์ทางเลือกที่มีความโดดเด่นด้วยการออกแบบและวัสดุในการผลิตที่เป็นโลหะ ทำให้มีความแข็งแรงทนทานสูง ตัวเครื่องโค้กหมด ถึงจะหน้าจอใหญ่แต่ตัวเครื่องก็บางเฉียบไม่เทอะทะ สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายและคล่องตัว มีลำโพงใส่เมื่อถึง 8 ตัวเลยทีเดียวประกอบไปด้วยลำโพงแบบปกติ 4 ตัวและลำโพงเบสอีก 4 ตัว จัดเต็มความบันเทิงให้กับคุณไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม STREAMING หรือแม้แต่การเรียนออนไลน์ก็ตาม
  4. LENOVO TAB K10 อุปกรณ์ทางเลือกสำหรับคนที่ไม่อยากจะพกพาเครื่องใหญ่ที่ไปไหนมาไหนลำบาก เพราะรุ่นนี้มีหน้าจอเพียงแค่ 13 นิ้วเท่านั้นแต่มาพร้อมกับความละเอียดคมชัดระดับ FHD+ ไม่ว่าจะเรียน เล่นโซเชียล ทำงาน เล่นเกม ก็สามารถทำได้อย่างสะดวกสบายและครบครัน มาพร้อมกับความจุตัวเครื่องกว่า 64 GB แบตเตอรี่ความจุถึง 7700 มิลลิแอมป์ สามารถใช้งานติดต่อกันได้อย่างยาวนานหลายชั่วโมงแบบไร้กังวล

เลือกอุปกรณ์สำหรับเรียนออนไลน์อย่างไรให้ตอบโจทย์การใช้งานของเรา

แท็บเล็ตแต่ละรุ่นที่เรามาแนะนำกันในวันนี้มีทั้งการออกแบบ ขนาดหน้าจอ รวมไปถึงคุณสมบัติภายในที่แตกต่างกันออกไป เราจึงต้องพิจารณาว่าเรานั้นมีการใช้งานแบบไหนบ้าง หากเราต้องทำงานกราฟิกหรือชื่นชอบการรับชม CONTENT ที่ต้องอาศัยความละเอียดคมชัดของหน้าจอสูง ก็อาจจะต้องเลือกรุ่นที่มีหน้าจอคมชัด แต่หากคุณมีไว้เป็น อุปกรณ์การเรียน  อยากจะพกไปไหนมาไหนได้แบบสบาย การเลือกที่ขนาดเครื่องเล็กลงมาหน่อยก็จะตอบโจทย์ได้ดีเช่นเดียวกัน 

อ่านบทความอื่นๆ : 

สนับสนุนโดย :

ufaball.bet คาสิโนที่มาแรงที่สุด ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำผ่านระบบออโต้กับเว็บตรง ปลอดภัย 100% พร้อมรับโปรโมชั่นคืนยอดเสีย 5% ในทุกเดือน ไม่ว่าจะแทงบอลเต็ง หรือ บอลสเต๊ป ได้อัตราค่าน้ำสูงที่สุดในประเทศ

HILO-88.COM
HILO-88.COM