สอนใช้ มือถือ คอมพิวเตอร์ สอนสร้างเว็บ
Categories
News

Galaxy Tab S8 Ultra มาพร้อมหน้าจอใหญ่สะใจให้คุณรังสรรค์งานศิลปะได้ดังใจ

Galaxy Tab S8 Ultra

Galaxy Tab S8 Ultra แท็บเล็ตรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Samsung ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา โดย GalaxyTab เปิดตัวทั้งหมด 3 รุ่นย่อยได้แก่ GalaxyTab S8หน้าจอ 11 นิ้ว,GalaxyTabS8+ หน้าจอ 12.4 นิ้ว และGalaxyTab S8Ultraหน้าจอ 14.6 นิ้ว ซึ่งเป็นรุ่นที่เราจะพาทุกคนไปรู้จักกันในวันนี้ด้วย

Galaxy Tab S8 Ultra แท็บเล็ตจอแสดงผล Super AMOLED

Galaxy Tab S8 Ultra

Galaxy Tab S8Ultra แท็บเล็ตที่มาพร้อมจอแสดงผล Super AMOLED ความชัดระดับ HDR 10+ ความละเอียด 1848 x 2960 พิกเซล ขนาด 14.6 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120Hz หน่วยประมวลผล 4 nm. Snapdragon® 8 Gen 1 Mobile Platform GPU Adreno 730 RAM 8GB, ROM 128GB สามารถเพิ่มความจำได้สูงสุด1TB (microSD) 

Galaxy Tab S8 Ultra

Tab S8 Ultra มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 13.0 MP และ Ultrawide 6.0 MP และกล้องหน้าคู่ Ultrawide + เลนส์ไวด์ 12 MP มาพร้อมโหมดถ่ายภาพพาโนราม่า (Panorama) ระบบโฟกัสภาพ Phase Detection Auto Focus (PDAF) และโหมดถ่ายภาพช่วงการรับแสงสูง (HDR) ซึ่งกล้องหลังสามารถบันทึกวิดีโอระดับ UHD (4K) ที่ 30 เฟรมต่อวินาที ความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล และบันทึกวิดีโอระดับ UHD (4K) 30 เฟรมต่อวินาที 

Galaxy Tab S8 Ultra

Samsung Galaxy Tab S8 Ultraยังมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 11,200 mAh พร้อมรองรับ 45W Super-Fast Charger ที่จะทำให้คุณชาร์จไฟจนเต็มได้อย่างรวดเร็ว มาพร้อม รองรับสัญญาณ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, USB Type-C 2.0 และรองรับการถ่ายโอนข้อมูลกับ Flash Drive โดยตรง (USB On-The-Go) และที่สำคัญGalaxy Tab S8 Ultra5G ยังให้ไมโครโฟนมาถึง 2 ตัว ลำโพง 4 ตัว พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos 

Galaxy Tab S8 Ultra

หากใครที่เป็นแฟนของ Samsung ก็คงพอจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า Samsung เป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างจะให้คุณสามารถทำงานได้ง่าย ๆ แบบที่ไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์ให้งบบานปลาย ไม่ว่าคุณจะซื้อสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต บางรุ่นก็จะมีอุปกรณ์เสริมอย่างปากกามาให้พร้อม เพื่อให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพทันทีที่รันเครื่อง ซึ่งGalaxy Tab S8 Ultra ก็เช่นกัน เมื่อคุณซื้อGalaxy Tab S8ไม่ว่าจะรุ่นใด ก็จะได้รับ S Pen รุ่นใหม่ล่าสุดมาพร้อมกับตัวเครื่องเลย

Samsung TabS8 Ultra ราคาล่าสุด เริ่มต้นที่ 35,900 บาท พร้อมผ่อนสบาย ๆ 0% 15 เดือน

Galaxy Tab S8 Ultra

สำหรับราคาของGalaxy Tab S8 Ultraในปัจจุบันมีการปรับลดราคาลงมาจากช่วงเปิดตัว จากราคา 38,900 บาท เหลือเพียง 35,900 บาท สำหรับรุ่น Wi – Fi และ Galaxy TabS8 Ultraราคา 42,900 บาท สำหรับรุ่น 5G (ใส่ซิม) จากราคาเปิดตัว 45,900 บาท โดยมีให้เลือกเพียง 1 สีคือ Graphite ที่ให้ความรู้สึกเรียบหรูนอกจากนี้ซัมซุงยังมีโปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 15 เดือน ให้คุณสามารถผ่อนสบาย ๆ เพียง 2,xxx บาทต่อเดือน ดังนั้นใครที่กำลังอยากได้แท็บเล็ตสเปคเยี่ยม ราคาไม่แรง คุณไม่ควรพลาดรุ่นนี้เป็นอย่างยิ่ง 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

HUAWEI MateBook 16s โน้ตบุ๊คหน้าจอใหญ่ 16 นิ้ว รุ่นใหม่จาก HUAWEI

HUAWEI MateBook 16s

HUAWEI MateBook 16s โน้ตบุ๊คหน้าจอใหญ่ขนาด 16 นิ้ว ที่มาพร้อมดีไซน์เรียบหรูและน้ำหนักเบา รุ่นใหม่จากHuawei ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา และที่สำคัญรุ่นนี้ยังมีสเปคที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งสเปคของโน้ตบุ๊ครุ่นนี้จะเหมาะกับการใช้งานรูปแบบใดบ้าง วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลมาฝากทุกคนแล้ว

เปิดสเปค HUAWEI MateBook 16s ที่เหมาะกับทั้งการเขียนโปรแกรมโค้ด และ ออกแบบกราฟิก 

HUAWEI MateBook 16s

HUAWEI MateBook 16 s เป็นโน้ตบุ๊คที่มาพร้อม โปรเซสเซอร์ Intel Core i7-12700H Gen 12 การ์ดจอ Intel Iris X Graphics RAM (หน่วยความจำ) LPDDR5 16 GB ความจุ 1 TB NVMe PCIe SSD หน้าภาพ IPS ขนาด 16 นิ้ว ที่มีอัตราส่วนหน้าจอ 90% อัตราส่วนภาพ 3:2 ความละเอียด 2520 × 1680, 189 PPI ความสว่างของหน้าจอสูงสุด 300 nits sRGB ที่ 100% อัตราความคมชัด 1500:1 และหน้าจองเป็นแบบหน้าจอทัชสกรีนที่ไวต่อการสัมผัสมากถึง 10 จุด พร้อมควบคุมการสั่งการได้ด้วยปลายนิ้วสัมผัส

HUAWEI MateBook 16s

หน้าจอของMatebook 16s ยังถูกรับรองแล้วว่าช่วยลดแสงสีฟ้าจากสถาบัน TÜV Rheinland4 และ รับรองว่าภาพไม่สั่นสะเทือนจากสถาบัน TÜV Rheinland5 ดังนั้นคุณภาพของหน้าจอก็เรียกว่าอยู่ในระดับที่ดีเยี่ยมเลยทีเดียว และขนาดของHuawei matebookรุ่นนี้มีกว้าง 351 มม. หนา 254.9 มม. สูง 17.8 มม. และมีน้ำหนักเพียง 1.99 กิโลกรัมเท่านั้น จึงให้คุณสามารถพกพาไปทำงานในสถานที่ต่าง ๆ ได้แบบที่ไม่รู้สึกหนักจนเกินไป สำหรับโน้ตบุ๊คหน้าจอ 16 นิ้ว 

HUAWEI MateBook 16s

แบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียมโพลิเมอร์ ความจุ 84 Wh พอร์ตก็ให้มาอย่างครบครันทั้งในส่วน USB-A 3.2 Gen 1 2 พอร์ต USB-C 2 พอร์ต (รองรับข้อมูล การชาร์จ และ DisplayPort 1 พอร์ต และ ThunderboltTM 4 รองรับข้อมูล การชาร์จ และ DisplayPort 1 พอร์ต) HDMI 1 พอร์ต และ ชุดหูฟังและไมโครโฟน 3.5 มม. (แจ็ค 2-in-1) 1 พอร์ต และที่สำคัญ Huawei 16s ยังมีกล้องเว็บแคม FHD 1080 P ไมโครโฟน 2 ตัว และ ลำโพง 2 ตัว จึงให้คุณพร้อมประชุมงานได้ในทุกที่ และด้วยสเปคที่กล่าวไปในข้างต้นทาง Huawei ยืนยันว่าเป็นสเปคที่สามารถใช้ทำงานทั้ง การประมวลผลข้อมูล, การเขียนโปรแกรมโค้ด, การออกแบบกราฟิก และการติดต่อวิดีโอ ได้อย่างลื่นไหล

โน้ตบุ๊ค Huawei ราคาเริ่มต้น 56,990 บาท พร้อมโปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 10 เดือน 

HUAWEI MateBook 16s

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากได้โน้ตบุ๊คHUAWEI MateBook 16sรุ่นที่เราพาไปทำความรู้จักกันในวันนี้ สามารถสั่งซื้อได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์Huawei Thailand โดยHuawei matebook 16sราคา 56,990 บาท สำหรับสเปคที่เรากล่าวไปในข้างต้น โดยมีสีให้เลือกเพียง 1 สี ได้แก่ Space Gray และหากใครที่สั่งซื้อบนช่องทางออนไลน์ก็จะได้รับฟรี Microsoft Office Home and Student 2021 มูลค่า 3,390 บาท,HUAWEICD60 Backpack (NOT FOR SALE) มูลค่า 1,090 บาท,HUAWEISleeve Free Gift มูลค่า 690 บาท และHUAWEI Wireless Mouse GT (Black) มูลค่า 2,990 บาท พร้อมโปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 10 เดือน ให้คุณผ่อนสบาย ๆ 5,699 บาท/เดือน

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

OPPO A78 สมาร์ทโฟน 5G รุ่นใหม่ล่าสุดจาก OPPO 

OPPO A78

OPPO A78 คือสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจากOPPOที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม 2023 ที่ผ่านมานี้ โดยรุ่นนี้มีการดีไซน์ให้มีความเรียบหรูมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงในส่วนของสเปคของรุ่นนี้ก็เรียกว่า ให้มาแบบจัดหนัก จัดเต็ม และที่สำคัญคือราคาค่าเรื่องยังไม่ถึงหมื่นอีกด้วย ซึ่งสเปคของจะน่าสนใจขนาดไหนนั้น เราไปดูพร้อมกัน 

OPPO A78 สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกล้องหลัก 50 MP

OPPO A78

OPPO A 78 หน้าจอความละเอียด HD+ (1612×720) ขนาด 6.56 นิ้ว อัตรารีเฟรชสูงสุด 90Hz (เลือกได้ระหว่าง 60Hz และ 90Hz) Gentle mode 72% NTSC/100% sRGB ความละเอียดหน้าจอ 269PPI ความสว่างสูงสุดในที่แจ้ง 600nits OPPO A785G มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล 8 core 2.2GHz ที่ทำให้ OPPOA78สามารถทำการประมวลผลได้ดี เร็วแรง และลดการใช้พลังงาน อีกทั้งยังความจุ RAM 8GB (รุ่น 4GB จำหน่ายที่ ทรูช็อปทั่วประเทศ, Lazada, Shopee, JD Central, TikTok @OPPOThailand และ Thisshop) และ ROM 128GB และสามารถเพิ่มความจำด้วย microSD ได้สูงสุดถึง 1TB

OPPO A78

OPPO A 78 2023 ยังมาพร้อมกล้องหลัง 2 เลนส์ ได้แก่ กล้องหลักความละเอียด 50MP และ กล้องขาว-ดำ ความละเอียด 2MP ที่มาพร้อมกับโหมดกลางคืน, ถ่ายภาพ, วิดีโอ, พอร์ตเทรต, โหมดการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ, พาโนรามา, Extra HD, TIME-LAPSE, SLO-MO, สแกนตัวอักษร, สติ๊กเกอร์ และ Google Lens และในส่วนของกล้องหน้าความละเอียด 8MP อีกหนึ่งเลนส์ ที่มาพร้อมโหมดกลางคืน, ถ่ายภาพ, วิดีโอ, พาโนรามา, พอร์ตเทรต, TIME-LAPSE และ สติ๊กเกอร์ นอกจากนี้ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลังยังสามารถถ่ายวิดีโอที่ความชัด1080P ที่ 30fps หรือ 720P ที่ 30fps ได้อีกด้วย (กล้องหน้ารองรับการถ่าย SLO-MO 720P ที่ 120 fps)

OPPO A78

นอกจากนี้ในส่วนของแบตเตอรี่และการชาร์จของ A78 5G มีระบบ Fast Charge 33W SUPERVOOC ให้คุณสามารถชาร์จแบต 52% ได้ใน 30 นาที หรือ 100% ใน 67 นาทีเท่านั้น และด้วยแบตขนาดใหญ่ 5000mAh พร้อมโหมดประหยัดพลังงาน Super Power Saving Mode และโหมดสแตนด์บายตลอดคืน Super Night-time Standby Mode ช่วยให้คุณใช้งานได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ หรือเล่นเกมได้นาน 7.55 ชั่วโมง, โทรได้นาน 22.85 ชั่วโมง และ ดูวิดีโอได้นาน 16.63 ชั่วโมง เลยทีเดียว

OPPO A 78 ราคา 9,999 บาท พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของแล้ววันนี้ 

OPPO A78

ในปัจจุบันOPPO A78ได้ถูกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วเป็นที่เรียบร้อย โดยรุ่นนี้มีราคาอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 9,999 บาท (หนึ่งหมื่นมีทอน) แต่พิเศษสุดสำหรับรุ่นที่มาพร้อม RAM 4 GB จะมีราคาอยู่ที่ 2,999 บาทเท่านั้น และจะเป็นไปตามเงื่อนไขของ True นอกจากนี้OPPO A78ยังมีสีให้เลือก 2 สีด้วยกัน ได้แก่ Glowing Black และ Glowing Purple หรือบางคนอาจจะเรียกว่า oppo a78สีม่วง นั่นเอง และที่สำคัญ ทั้งหมดยังมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำระดับ IPX4 อีกด้วย 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
วิธีดูแลรักษา

เมาส์ไร้สายเพื่อสุขภาพ beWell อุปกรณ์ที่วัยรุ่นหน้าคอมต้องมี

เมาส์ไร้สายเพื่อสุขภาพ beWell

beWell นับว่าเป็นแบรนด์ที่ผลิตและคิดค้นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของเราให้มีประสิทธิภาพ และลดอาการบาดเจ็บ หรือเจ็บป่วยจากกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านั้น เช่น การนอน, การเดินทาง, ฟิคเนส หรือแม้แต่กระทั่งการทำงาน ซึ่งล่าสุดทางแบรนด์ได้เปิดตัว เมาส์ไร้สายเพื่อสุขภาพ beWell ที่ช่วยบรรเทาอาการเมื่อย และปวดบริเวณข้อมือได้ รวมไปถึงจะส่งผลดีต่อผู้ที่มีอาการปวด คอ บ่า ไหล่ และ หลัง จากการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ อีกด้วย

เมาส์ไร้สายเพื่อสุขภาพ beWell ดีอย่างไร และ เหมาะกับใครบ้าง?

เมาส์ไร้สายเพื่อสุขภาพ beWell

สำหรับ เมาส์ไร้สายเพื่อสุขภาพ ที่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันในวันนี้มีชื่อรุ่นว่า Vertical Ergonomic Mouse ที่จะมาพร้อมดีไซน์ที่แปลกตา เพราะเราเชื่อว่า หลาย ๆ คนคงต้องไม่เคบเห็นเมาส์ดีไซน์แบบนี้มาก่อนอย่างแน่นอน โดยดีไซน์ของเมาส์จะมาในรูปทรงแนวตั้ง ที่จะทำให้ผู้ที่ใช้เมาส์ไม่จำเป็นต้องบิดข้อมือเหมือนที่เราใช้เมาส์แบบทั่ว ๆ ไป เพิ่มร่องเว้าบนเมาส์เพื่อให้การวางนิ้ว ทั้งในส่วนของนิ้วโป้ง นิ้วนาง และนิ้วก้อย ให้สามารถจับเมาส์ได้ถนัดมี และรู้สึกสบายมากยิ่งขึ้น 

เมาส์ไร้สายเพื่อสุขภาพ beWell

เมาส์เพื่อสุขภาพ ยังมีน้ำหนักที่เบา และสัมผัสที่นุ่มสบายมือ จึงทำให้เราสามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้นแบบที่ยังไม่รู้สึกปวดเมื่อยข้อมือและแขน อีกทั้งยังมีปุ่มกดเปลี่ยน DPI มาให้ในตัวที่สามารถเปลี่ยนระดับได้ 3 ระดับ ได้แก่ 800, 1,200 และ 1,600 DPI และ ปุ่มกด Forward และ Backward ที่จะถูกติดตั้งอยู่ข้างบนของร่องวางนิ้วโป้ง สำหรับเว็บและโปรแกรมที่มีการกดเลื่อนหน้าหรือถอยหลัง และในส่วนของแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ที่ยาวนาน รุ่นนี้สามารถใช้งานได้นานถึง 15 วัน ต่อการชาร์จแบตเต็ม 1 ครั้ง และที่สำคัญเมาส์เป็น เมาส์ไร้เสียง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลในเรื่องของเสียงรบกวนระหว่างการทำงานเลย

เมาส์ไร้สายเพื่อสุขภาพ beWell

นอกจากนี้ สำหรับใครที่อยากทราบว่า เมาส์สุขภาพ bewell รุ่นนี้เหมาะกับใครบ้าง ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เมาส์ที่มีจำหน่ายในปัจจุบันนั้นมีค่อนข้างหลายประเภท ทั้งเมาส์เกมมิ่ง, เมาส์ปากกา, เมาส์มาโคร หรือ เมาส์เพื่อสุขภาพที่เราพาทุกคนไปทำความรู้จักกันในวันนี้ ซึ่งประเป็นเมาส์ที่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป เช่นงานสายธุรกิจ, งานเอกสาร หรืองานสายกราฟิก หรือ ตัดต่อ ในระดับที่ยังไม่แอดวานซ์ ดังนั้นเมาส์จาก beWell รุ่นนี้จึงเหมาะกับการใช้งานทั่วไป แต่เราค่อนข้างอยากเชียร์ให้กับสายออฟฟิศเป็นอย่างยิ่ง แต่ข้อเสียอีกอย่างหนึ่งของเมาส์รุ่นนี้จะค่อนข้างที่จะไม่เหมาะกับผู้ที่มือเล็ก หรือ นิ้วสั้น เนื่องจากจะทำให้ไม่สามารถคลิ้กเมาส์ได้ ดังนั้นเราจึงอยากแนะนำให้ทุกคนไปลองสัมผัสกับของจริงตามบูธของ bewell ตามร้านตัวแทนจำหน่ายต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ

เมาส์เพื่อสุขภาพ bewell ราคาเปิดตัวเพียง 1,690 บาท แลกกับสุขภาพที่ดีระยะยาวคือคุ้ม 

เมาส์ไร้สายเพื่อสุขภาพ beWell

สำหรับเมาส์ไร้สายเพื่อสุขภาพ beWell รุ่นที่เราพาทุกคนไปทำความรู้จักกันในวันนี้ สำหรับราคาเปิดตัวนั้นมีราคาอยู่ที่ 1,690 บาท แต่ปัจจุบัน ตัวแทนจำหน่าย รวมไปถึง เว็บไซต์ bewell เองก็มีการจัดโปรโมชั่นลดราคาสูงสุดถึง 24% จาก 1,690 บาท เหลือเพียง 1,290 บาทเท่านั้น ซึ่งในราคานี้แลกกับสุขภาพที่ดีในระยะยาวของเราก็นับว่าเป็นราคาที่ถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว ดังนั้นใครที่กำลังเป็นวัยรุ่น มือ แขน คอ บ่า ไหล่ รวมไปถึงหลัง อุปกรณ์จาก bewell ก็นับว่าเป็นตัวช่วยที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

2 แท็บเล็ต Samsung ราคาหลักพัน เล่นเกมก็ได้ ดูหนังก็ดี 

แท็บเล็ต Samsung

Samsung นับว่าเป็นแบรนด์ผู้ผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีสัญชาติเกาหลีที่มีชื่อเสียง อีกทั้งทางแบรนด์ยังผลิตสินค้าออกมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ดังนั้นสินค้าของทางแบรนด์จึงมีราคาตั้งแต่หลักพัน ไปจนถึงหลักแสนเลยที่เดียว ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากแนะนำ 2 แท็บเล็ต Samsung ที่มีราคาเริ่มต้นเพียงหลักพัน ซึ่งเป็นแท็บเล็ตที่มีสเปคเริ่มต้นเหมาะกับทั้งการเล่นเกม ดูหนัง และเล่นโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เป็นต้น

Galaxy Tab A7 และ Galaxy Tab A8 แท็บเล็ต Samsung หน้าจอใหญ่ ราคาไม่ถึงหมื่น

แท็บเล็ต Samsung

แท็บเล็ตSamsung ราคาหลักพันบาทที่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันในวันนี้คือ Galaxy Tab A7 และ Galaxy Tab A8 โดยแต่ละรุ่นมีสเปคและข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้

  • Galaxy Tab A7 
แท็บเล็ต Samsung

Galaxy Tab A7 รุ่นทั้งแบบที่รองรับ Wi – Fi และแบบใส่ซิม หรือ แท็บเล็ตซัมซุง a7 lite ไม่รองรับปากกา S Pen อีกทั้งยังเป็น แท็บเล็ตซัมซุง ราคาไม่เกิน 5,000 โดยรุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอวขนาด 8.7 นิ้ว ความละเอียด 1340 x 800 (WXGA+) สามารถเล่น VDO ความละเอียดระดับ FHD (1920 x 1080) ที่ 30fps CPU Speed 2.3GHz สำหรับรุ่น A7 Lite และ 1.8GHz สำหรับรุ่น Wi – Fi RAM 3 GB และความจุ 32 GB (เพิ่มได้สูงสุด 1TB ด้วย MicroSD Card) กล้องหลัง 8 MP กล้องหน้า 2 MP และสามารถถ่ายวิดีโอความชัดระดับ FHD (1920 x 1080) ที่ 30fps และความจุแบตเตอรี่ 5100 mAh 

ราคา: Galaxy Tab A7 Lite Wi – Fi 4,990 บาท

Galaxy Tab A7 Lite 5,990 บาท 

  • Galaxy Tab A8 
แท็บเล็ต Samsung

Galaxy Tab A8 Lite และ Galaxy Tab A8 Lite Wi – Fi จะไม่รองรับปากกา S Pen ของ Samsung ดังนั้นใครที่อยากได้แท็บเล็ตไว้เลคเชอร์ หรือ วาดภาพจึงอาจจะยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ โดย Galaxy Tab A8 จะมาพร้อมหน้าจอขนาด 10.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1200 (WUXGA) CPU Speed 2GHz RAM 4 GB ความจุ 64 GB (เพิ่มได้สูงสุด 1TB ด้วย MicroSD Card) กล้องหลัง 8 MP กล้องหน้า 5 MP และสามารถถ่ายวิดีโอด้วยความชัดระดับ FHD (1920 x 1080) ที่ 30fps และมีความจุแบตเตอรี่ 7040 mAh 

ราคา: Galaxy Tab A8 Lite Wi – Fi 7,990 บาท

Galaxy Tab A8 Lite 9,990 บาท 

*Samsung จัดโปรโมชั่นลดราคาสำหรับ A8 Lite และ A8 Lite Wi – Fi ลดราคาสูงสุด 1,000 บาท 

เพิ่มเงินอีกนิดเพื่อ แท็บเล็ตซัมซุง ที่รองรับ S Pen 

แท็บเล็ต Samsung

สำหรับแท็บเล็ต Samsung ทั้ง 2 รุ่นที่เรานำมาแนะนำให้วันนี้จะเห็นได้ว่า เป็นรุ่นที่ไม่รองรับปากกา S Pen จาก Samsung เลย ดังนั้นใครที่อยากได้แท็บแล็ตไว้ใช้เรียน หรือจดบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นต้องใช้ปากกา Galaxy Tab A7 และ A8 อาจจะยังไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร แต่สำหรับใครที่อยากได้แท็บเล็ตที่ใช้งานร่วมกับปากกาได้ เราแนะนำให้เพิ่มเงินอีกนิด 

แท็บเล็ต Samsung

เนื่องจากแท็บเล็ตรุ่นเริ่มต้นที่สามารถใช้ปากกาได้คือ Galaxy Tab S6 Lite โดยมีราคาเริ่มต้นในปัจจุบันอยู่ที่ 9,990 บาทเท่านั้น สำหรับรุ่น Wi – Fi หรืออยากอัปสเปคขึ้นไปอีกหน่อย แท็บเล็ต Samsung s7 ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย อีกทั้งยังมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 16,991 บาทเท่านั้น และที่สำคัญในช่วงนี้ทาง Samsung ยังจัดโปรโมชั่นลดราคาเหลือเพียง 15,490 บาทเท่านั้น ดังนั้นใครที่อยากได้แท็บเล็ตไว้เรียน รุ่นนี้จึงค่อนข้างจะน่าสนใจมากกว่านั่นเอง

อ่านบทตวามอื่นๆ:

Categories
News

NINEBOT Super Scooter GT2 สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ราคาหลักแสน 

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า

หากกล่าวถึง สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ในปัจจุบันก็นับว่าเป็นยานพาหนะยอดฮิตของคนชาวเมืองเลยก็ว่าได้ เนื่องจากสกู๊ตเตอร์สามารถเดินทางได้สะดวกสบายไม่ว่าจะไปในถนนที่แคบ ๆ นำขึ้นบนรถไฟฟ้า หรือแม้แต่กระทั่งเป็นเครื่องช่วยทุ่นแรงให้คุณเดินทางได้อย่างรวดเร็วแต่ไม่เหนื่อยเท่าการเดินหรือการปั่นจักรยาน และในวันนี้เราอยากจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ “NINEBOT Super Scooter GT2” สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าราคาหลักแสน ที่ไม่ได้ว๊าวแค่ราคาเท่านั้น

NINEBOT Super Scooter GT2 สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ที่สามารถทำความเร็วสูงสุด 70 กม./ชม. 

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า

NINEBOT Super Scooter GT2 เป็น สกู๊ตเตอร์ ไฟฟ้า รุ่นยอดนิยมจาก Segway บริษัทสัญชาติจีนที่มีสำนักงานใหญ่ในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ของสหรัฐฯ และทำการตลาดผลิตภัณฑ์ของบริษัทไปยังตลาดเฉพาะกลุ่มต่าง ๆ เป็นหลัก ซึ่งรวมถึงหน่วยงานตำรวจ ฐานทัพทหาร คลังสินค้า และสถานที่อุตสาหกรรม เป็นต้น ดังนั้นเราจึงมักจะเห็นหน่วยงานต่าง ๆ เหล่านี้ใช้สินค้าจากแบรนด์นี้เป็นจำนวนมาก 

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า

แต่ในปัจจุบันสินค้าของ Segway ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าอิสระที่ไม่ได้มาจากกลุ่มองค์กรต่าง ๆ โดยเฉพาะ Scooter ไฟฟ้าผู้ใหญ่ 2 ล้อ อย่าง NINEBOT Super Scooter GT2 ที่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันในวันนี้ โดย Super Scooter GT2 จะมาพร้อมมอเตอร์ 2 ตัว กำลังมอเตอร์สูงสุดถึง 6000W ที่สามารถให้ความเร็วสูงสุด 70 กม./ชม. แบตเตอรี่ Lithium-ion 30 Ah 50.4V และสามารถวิ่งได้ไกลถึง 90 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง 

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า

ระบบเบรกเป็นแบบ Hydraulic Disc Brake ไฟหน้า หลัง และ ไฟเลี้ยว มาให้พร้อมเพิ่มความปลอดภัยระหว่างใช้งาน มีจอแสดงผล Transparent PMOLED ระบบกันสั่นสะเทือนคู่ ตัวเครื่องสามารถกันน้ำมาตรฐาน IPX4 ส่วนมอเตอร์ก็สามารถกันน้ำในระดับ IPX7 ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะฝนตกหรือมีน้ำขังบนถนนก็สามารถใช้งานได้หายห่วง และที่สำคัญคือยังสามารถรองรับน้ำหนักได้สูงสุดถึง 150 กิโลกรัม พร้อมความสามารถในการพับเก็บได้ ดังนั้นใครที่อาศัยอยู่ในคอนโดฯ หรืออพาร์ทเมนสกู๊ตเตอร์รุ่นนี้ถือว่าเหมาะเป็นอย่างยิ่ง

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าราคาแสนต้น ๆ พร้อมประกันยาว ๆ 2 ปี 

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า

สำหรับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า รุ่นที่เราพาทุกคนไปรู้จักกันในวันนี้มีน้ำหนักรวมอยู่ที่ 53 กิโลกรัม ซึ่งเป็นรุ่นที่อาจจะไม่เหมาะกับการนำขึ้นรถไฟฟ้าสักเท่าไร เนื่องจากอาจจะมีน้ำหนัก และขนาดที่ใหญ่จนเกินไป ซึ่งหากใครที่อยากได้ scooter ไฟฟ้า น้ำหนักเบา เหมาะกับการพกพาขึ้นบนรถไฟฟ้ารุ่นทั่วไปของแบรนด์ก็อาจจะเหมาะมากกว่าเนื่องจากจะมีน้ำหนักเบาเพียง 15 – 20 กก. และมีราคาเริ่มต้นเพียงหลักหมื่นเท่านั้น แต่สำหรับสกู๊ตเตอร์ที่เราพาทุกคนไปทำความรู้จักกันในวันนี้เป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงและมีขนาดและน้ำหนักใหญ่กว่ารุ่นทั่วไปของแบรนด์ โดยเป็น scooter ไฟฟ้าผู้ใหญ่ ราคา 169,000 บาท ซึ่งในราคานี้รับฟรีประกันมอเตอร์ 2 ปีและ แบตเตอรี่ 1 ปี

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
News

XPS 13 Plus Laptop แล็ปท็อปรุ่นใหม่ ดีไซน์เรียบหรู ดูแพง

XPS 13 Plus Laptop

XPS 13 Plus Laptop เป็นแล็ปท็อปรุ่นใหม่จาก Dell ที่เปิดตัวไปตั้งแต่ต้นปี 2022 ซึ่งเป็นแล็ปท็อปที่มีดีไซน์เรียบหรู Luxury และที่สำคัญคือให้ความรู้สึกบางเบา ไม่เทอะทะ ดังนั้นจึงทำให้เหมาะกับการพกพาไปทำงานนอกสถานที่เป็นอย่างยิ่ง 

เปิดสเปค XPS 13 Plus Laptop แล็ปท็อปที่เหมาะกับงานหลายรูปแบบ

XPS 13 Plus Laptop

XPS 13Plus Laptop นับว่าเป็นโน้ตบุ๊กที่เหมาะกับการทำงานหลายรูปแบบ ทั้งงานธุรกิจทั่วไป งานกราฟิก, ตัดต่อวิดีโอ, เล่นเกม หรือแม้แต่กระทั่งการใช้สำหรับความบันเทิงต่าง ๆ โน้ตบุ๊กรุ่นนี้ก็เรียกว่า ครบครันเป็นอย่างยิ่ง โดย Dell XPS13 Plus มี 2 รุ่นย่อยให้เลือก ได้แก่ รุ่นที่มาพร้อม CPU Intel Gen12th Core i7 และ Intel Gen12th Core i5 

โดยรุ่นที่มาพร้อม Intel Gen12th Core i7 จะทำงานร่วมกับ Graphic Chip Intel Iris Xe Graphics Ram 16 GB ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Pro, Windows 11 Home 64-bit ความจุ 512GB Wi-Fi 6 Bluetooth 5.2 หน้าจอระบบสัมผัส OLED ขนาด 13.4 นิ้ว ความละเอียด 3.5K (3456×2160) อัตรารีเฟรช 60Hz 100% sRGB ความสว่างของหน้าจออยู่ที่ 400 nits พร้อมระบบป้องกันแสงสะท้อน และ InfinityEdge

XPS 13 Plus Laptop

นอกจากนี้XPS 13 Plus 9320 ยังมาพร้อมกล้องเว็บแคมในตัวความคมชัดระดับ HD RGB 720p ที่ 30 fps และ กล้อง IR ความละเอียด 400p ที่ 30 fps พร้อมไมโครโฟนแบบ dual-array มาในตัว และในส่วนของ เครื่องเสียงและลำโพง Dell new X P S 13 Plus Laptop ถูกติดตั้งลำโพง 4 ตัวพร้อมเอาต์พุตรวม 8 วัตต์ และพร้อมปรับแต่งคุณภาพระดับสตูดิโอด้วยเสียง Waves MaxxAudio®Pro และ Waves Nx®3D จึงทำให้โน้ตบุ๊กรุ่นนี้มีเสียงที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ 

ในส่วนของพอร์ต หรือช่องสำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ รุ่นนี้มีพอร์ต Thunderbolt™ 4 มาให้ทั้งหมด 2 พอร์ต แต่ภายในกล่องจะแถมอะแดปเตอร์สำหรับแปลง USB-C เป็น USB-A 3.0 และ อะแดปเตอร์ ชุดหูฟัง จาก USB-C เป็น 3.5 มม. ดังนั้นคุณจึงไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเหล่านี้แต่อย่างใด และที่สำคัญคือ XPS 13PlusLaptop ยังมีน้ำหนักเริ่มต้นเพียง 1.23 – 1.26 กิโลกรัมเท่านั้น จึงทำให้เราสามารถพกพาโน้ตบุ๊กไปทำงานนอกสถานที่ได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

Dell XPS 13Plus ราคา เริ่มต้นที่ 73,990 บาท พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย

XPS 13 Plus Laptop

สำหรับ XPS13Plus Laptop เป็นโน้ตบุ๊กที่มาพร้อมหน้าจอ 3 ขนาด ได้แก่ 13 นิ้ว, 15 นิ้ว และ 17 นิ้ว โดยรุ่นที่เรานำมาแนะนำให้กับทุกคนได้รู้จักกันในวันนี้คือรุ่น 13 นิ้ว ซึ่งปัจจุบันมีเพียงสีเดียวเท่านั้น นั่นคือสี Graphite และที่สำคัญปัจจุบันทุกคนสามารถหาซื้อสินค้ารุ่นนี้ในไทยได้แล้วเป็นที่เรียบร้อย โดย DellXPS 13 plus รุ่นนี้มีราคาอยู่ที่ประมาณ 73,990 บาท ดังนั้นเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากลองสัมผัสหรืออยากเป็นเจ้าของก็สามารถเดินทางเข้าไปยังศูนย์ Dell หรือ ตัวแทนจำหน่ายได้แล้ววันนี้

เข้าร่วมกับความสนุกสุดอลังการของเกม Sagame และตื่นเต้นไปกับประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

อ่านบทความอื่นๆ:

HILO-88.COM
HILO-88.COM