สอนใช้ มือถือ คอมพิวเตอร์ สอนสร้างเว็บ
Categories
Featured News

เช็คราคาล่าสุด iphone 12 pro max ในไทย พร้อมกับสเปคที่เร็วแรงที่สุดจาก Apple

iphone 12 pro max

ล่าสุดเมื่อวันที่14 ตุลาคม 2020 Apple ประกาศเปิดตัว iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ซึ่งเป็น iPhone เครื่องแรกที่จะมอบประสบการณ์ 5G อันทรงพลัง พร้อมด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่ยกระดับนวัตกรรมไปอีกขั้น มีการดีไซน์แบบสแตนเลสสตีลที่โดดเด่นกว่าที่เคยมีมา มีสีให้เลือก 4 สี ได้แก่สีกราไฟต์ เงิน ทอง และแปซิฟิกบลู มีจอภาพ Super Retina XDR แบบขอบจรดขอบ ด้านหน้าเป็น Ceramic Shield แบบใหม่ที่ช่วยปกป้องตัวเครื่องเสริมความทนทานสำหรับ iPhone ของคุณ 

นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่เหนือขั้นอย่างการมีชิพที่เร็วที่สุดในสมาร์ทโฟนอย่าง A14 Bionic ที่ออกแบบโดย Apple ที่เปรียบเสมือนขุมพลังขับเคลื่อนคุณสมบัติด้านการประมวลผลภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์อันน่าทึ่ง และอีกหนึ่งสิ่งที่สุดยอดที่สุดคือระบบกล้องโปรที่มาพร้อมกล้องอัลตร้าไวด์ที่กว้างสุดๆ กล้องเทเลโฟโต้ที่มีทางยาวโฟกัสสูงยิ่งขึ้นบน iPhone 12 Pro Max และกล้องไวด์ใหม่ที่สามารถเก็บบันทึกภาพและถ่ายวิดีโออันสวยงามด้วยคุณภาพระดับมืออาชีพ ทั้งในที่ที่สว่างจ้าและในสภาวะแสงน้อย แถมยังมีสแกนเนอร์ LiDAR ใหม่ ซึ่งจะมอบประสบการณ์ความจริงเสริม (AR) ที่เต็มอิ่มสมจริง รวมถึง MagSafe ซึ่งมาพร้อมการชาร์จแบบไร้สายกำลังสูง และระบบนิเวศของอุปกรณ์เสริมแบบใหม่ที่ยึดติดกับ iPhone ได้ง่ายอีกด้วย

สรุปสเปคและราคาล่าสุด iphone 12 pro max ในไทย

หลังจาก Apple ประกาศเปิดตัว iPhone 12 หลายคนคงกำลังสงสัยเกี่ยวกับสเปคและราคา ซึ่งวันนี้เราได้สรุปและรวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับสเปคและราคาล่าสุด ของ iPhone 12 Pro Max มาฝากทุกคนจะ จะมีคุณสมบัติไหนบ้าง แล้วราคาจะคุ้มค่าหรือไม่ ตามมาดูกันเลย

สเปค iphone 12 pro max

  • ขนาดตัวเครื่อง 160.8 x 78.1 x 7.4 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 228 กรัม
  • หน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ใช้หน้าจอ Super Retina XDR (OLED)
  • ความละเอียดหน้าจอ 1284 x 2778 รองรับการแสดงผล HDR10+ Dolby Vision True-Tone และ Wide Color Gamut
  • กระจกหน้าจอเป็น Ceramic Shield
  • มาตรฐานการกันน้ำ IP68 กันน้ำได้ลึกสุด 6 เมตร
  • ชิพที่เร็วที่สุด Apple A14 Bionic มี GPU เป็นของ Apple เองแบบ 4 Core 
  • ความจำในตัว 128GB / 256GB / 512GB 
  • สามารถเพิ่มความจำผ่าน iCloud Storage
  • ระบบปฏิบัติการ iOS 14 
  • สามารถเชื่อมต่อ WiFi 6 (AX), GPS, 5G, Bluetooth 5.0 NFC และรองรับ Lightning Port
  • รองรับ eSIM และ Nano SIM
  • ระบบเสียงมีลำโพง Stereo ทั้งด้านบนและล่าง รองรับ Dolby ATMOS
  • กล้องมีหลังประกอบด้วย 3 ตัวด้วยกันประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง F1.6 มาพร้อมกับ LED Flash รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 24/30/60 FPS, Full HD 30/60/120/240 และ Timelaspe ทั้งกลางวันและกลางคืน 
  • กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง F2.4 มุมมอง120 องศา 
  • กล้อง Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซูมได้ 2.5 เท่าแบบ Optical PDAF พร้อมกับระบบ Sensor Shift
  • LiDAR Sensor
  • กล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
  • แบตเตอรี่ ไม่ได้ระบุความจุ แต่รองรับกำลังชาร์จไฟ (18W) รองรับทั้ง ชาร์จไร้สาย (15W)
  • ระบบความปลอดภัย สามารถสแกนหน้าแบบ Face ID

เช็คราคาในไทย iPhone 12 Pro Max จาก Apple Store Online ของไทยและ 3 ค่ายใหญ่ในไทยอย่าง ทรู, AIS และดีแทค ได้ดังนี้

ราคาไอโฟน 12 Pro Max ที่ Apple Store Online ไทย

  • 128GB ราคา 39,900 บาท
  • 256GB ราคา 43,900 บาท
  • 512GB ราคา 51,900 บาท

ราคาไอโฟน 12 Pro Max ที่ TrueMove H

  • 128GB ราคาเครื่องเปล่า 39,900 บาท และราคาติดโปรเริ่มต้นที่ 28,100 บาท
  • 256GB ราคาเครื่องเปล่า 43,900 บาท และราคาติดโปรเริ่มต้นที่ 32,100 บาท
  • 512GB ราคาเครื่องเปล่า 51,900 บาท และราคาติดโปรเริ่มต้นที่ 40,100 บาท

ราคาไอโฟน 12 Pro Max ที่ AIS

  • 128GB ราคาเครื่องเปล่า 39,900 บาท และราคาติดโปรเริ่มต้นที่ 30,100 บาท
  • 256GB ราคาเครื่องเปล่า 43,900 บาท และราคาติดโปรเริ่มต้นที่ 34,100 บาท
  • 512GB ราคาเครื่องเปล่า 51,900 บาท และราคาติดโปรเริ่มต้นที่ 42,100 บาท

เหตุผลที่คุณควรซื้อ iPhone 12 Pro Max 

หากคุณกำลังมองหาโทรศัพท์ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ที่สุดใน iPhone ทุกรุ่นที่เคยมีมา iPhone 12 Pro Max คุ้มค่ากับราคาที่คุณต้องจ่ายแน่นอน พร้อมทั้งเป็นรุ่นที่ใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานที่สุดใน iPhone 12 มีระบบกล้องที่โดดเด่นและเหมาะสำหรับคนที่ต้องการได้คุณภาพที่ดีสุดจากภาพถ่ายและวิดีโอ แม้จะอยู่ในสถานการณ์แสงปานกลางหรือแสงน้อย ไอโฟน12 pro max คุ้มค่าแน่นอน แถมยังได้รับ Editors ‘Choice จาก CNET 

iPhone 12 Pro Max มีดีไซน์ที่ให้ความรู้สึกมั่นคงและสร้างมาอย่างดี ด้วยขอบเรียบด้านหลังกระจกฝังด้านและด้านสแตนเลสสตีลเป็นอีกระดับของความพอดีและผิวสัมผัสระดับพรีเมียม มีตัวกันกระแทกของกล้องที่หนากว่าการ์ด SD และรองรับการชาร์จแบตด้วยอุปกรณ์เสริม MagSafe ของ Apple ได้ ด้วยแม่เหล็กและ NFC ทำให้โทรศัพท์สามารถชาร์จแบบไร้สายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

iphone 12 pro max

สมัครบาคาร่า888

Categories
Featured สอนใช้

วิธีโทร FaceTime บน iPhone, iPad และ Mac ใช้งานยังไง

FaceTime

FaceTime เป็นบริการโทรแชทวิดีโอและเสียงของ Apple ที่ให้บริการฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยใช้(iPhone 4 ขึ้นไป) และเครือข่ายเซลลูลาร์ (iPhone 4s ขึ้นไป) ซึ่งบริการนี้สามารถใช้งานได้บน iPhone, iPad, iPod touch หรือ Mac เครื่องใดก็ได้เพื่อโทรหาใครก็ได้โดยใช้อุปกรณ์เหล่านั้นด้วย FaceTime ช่วยให้คุณสามารถติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนๆ ทั่วโลกๆได้ง่าย แต่มีข้อจำกัดคือสำหรับ iPhone, iPad และ iPod touch ต้องใช้ iOS 10.0 ขึ้นไป ส่วน Mac ต้องใช้ OS X 10.9.2 และใหม่กว่า ถือจะใช้บริการ FaceTime ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งมีคุณสมบัติสามารถเข้าถึงรายชื่อต่างๆ โดยใช้เบอร์โทรศัพท์หรือ Apple ID ของคุณ และสามารถจับกลุ่ม FaceTime กับผู้คนพร้อมกันมากถึง 32 คน

วิธีโทรแบบ FaceTime บน iPhone และiPad

การโทรวิดีโอหรือการโทรด้วยเสียงแบบ FaceTime ทำได้ง่ายมาก เพียงแค่มีแอป FaceTime ในตัวบน iPhone, iPad, iPod touch และ Mac ทุกเครื่องและ FaceTime ไปบริการฟรีไม่เสียเงิน แต่ต้องใช้ Wi-Fi หรือข้อมูลเซลลูลาร์ของคุณ ซึ่งมีวิธีการโทรบน iPhone และiPad ดังนี้

วิธีการโทร FaceTime

หากต้องการโทร FaceTime คุณต้องลงทะเบียนด้วยหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคุณก่อน และการโทร FaceTime มี3 วิธีดังนี้

  1. เข้าแอป FaceTime แตะที่ปุ่มเครื่องหมายบวก แล้วพิมพ์หมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคนที่คุณต้องการโทรหา แตะหมายเลขหรือที่อยู่ จากนั้นแตะเสียง หรือวิดีโอ 
  2. คุณยังสามารถบันทึกหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคนที่คุณโทรหาได้ในแอปรายชื่อ และคุณจะสามารถพิมพ์ชื่อแล้วแตะชื่อนั้นได้เมื่อปรากฏขึ้น จากนั้นแตะเสียง หรือวิดีโอได้
  3. คุณยังสามารถเริ่มการโทร FaceTime แบบวิดีโอจาก iPhone ระหว่างที่โทรศัพท์อยู่ได้ด้วย แตะไอคอน FaceTime ในแอพโทรศัพท์เพื่อสลับไปใช้ FaceTime

วิธีการใช้ FaceTime Audio กับการรอสาย

เมื่อมีสายอื่นเข้ามาไม่ว่าจะเป็นสายโทรศัพท์หรือสายสนทนาแบบ FaceTime คุณสามารถเลือกตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งต่อไปนี้

  1. วางสายปัจจุบันและยอมรับสายเรียกเข้า
  2. รับสายเรียกเข้าและพักสายปัจจุบัน 
  3. ปฏิเสธสายเรียกเข้า

วิธีโทรแบบ FaceTime บน Mac

สำหรับที่สงสัยว่า FaceTime บน Mac ใช้งานยังไง? เราก็มีวิธีการมาฝาก ซึ่งวิธีการโทรจะคล้ายกับการใช้งานบน iPhone และiPad แต่ยังมีวิธีที่แตกต่างกันเล็กน้อย ดังต่อไปนี้

วิธีการโทรแบบ FaceTime บน Mac

  1. เข้าแอป FaceTime บน Mac ของคุณ ให้ลงชื่อเข้าใช้งานแล้วตรวจสอบให้แน่ใจว่า FaceTime เปิดใช้อยู่หรือไม่?
  2. ในช่องด้านบนสุดของหน้าต่าง FaceTime ให้ป้อน Apple ID หรือหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ที่คุณต้องการโทรหา คุณอาจจำเป็นต้องกด Return หากคุณมีรายชื่อผู้ที่ต้องการติดต่อในแอปรายชื่อ คุณสามารถป้อนเฉพาะชื่อของผู้ติดต่อรายนั้นได้ 
  3. หากต้องการเริ่มต้นการโทร FaceTime ให้คลิกปุ่มโทรแบบวิดีโอ หรือปุ่มโทรแบบเสียง (หรือใช้ Touch Bar) คุณสามารถเลือกได้ว่าจะใช้การโทรด้วย FaceTime แบบเสียงหรือโทรแบบปกติ เมื่อคุณอยู่ในสายโทรแบบเสียงหรือสายโทรศัพท์ กล้องจะปิดโดยอัตโนมัติ
  4. เมื่อคุณอยู่ในสายโทรแล้ว คุณจะสามารถเปลี่ยนมุมมองของสายโทรหรือหยุดพักสายโทร ปิดเสียงหรือเปลี่ยนระดับเสียงของสายโทร หรือเพิ่มผู้คนเพิ่มเติมไปยังสายโทร FaceTime ได้

ถ้าคุณโทรแบบวิดีโอแล้วถูกปฏิเสธหรือไม่มีการตอบรับ คุณสามารถคลิกปุ่มข้อความ เพื่อส่ง iMessage ไปยังผู้รับได้ (ทั้งคุณและผู้รับจะต้องลงชื่อเข้า iMessage ไว้ก่อนแล้ว)

สร้างการโทร FaceTime แบบกลุ่ม

คุณสามารถโทรหาผู้คนได้สูงสุด 32 คนพร้อมกันในการโทร FaceTime แบบกลุ่มได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

  1. เข้าแอป FaceTime บน Mac ของคุณ ให้ลงชื่อเข้าแล้วตรวจสอบให้แน่ใจว่า FaceTime เปิดใช้อยู่
  2. ในช่องด้านบนสุดของหน้าต่าง FaceTime ให้ป้อน Apple ID หรือหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ที่คุณต้องการโทรหา คุณอาจจำเป็นต้องกด Return หากคุณมีรายชื่อผู้ที่ต้องการติดต่อในแอปรายชื่อ คุณสามารถป้อนเฉพาะชื่อของผู้ติดต่อรายนั้นได้ 
  3. ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2 จนกว่าผู้เข้าร่วมทุกคนจะแสดงอยู่ในรายการโทร
  4. ถ้าต้องการเริ่มต้นการโทร FaceTime ให้คลิกปุ่มสายโทรแบบวิดีโอ หรือปุ่มสายโทรแบบเสียง (หรือใช้ Touch Bar) คุณสามารถเลือกได้ว่าจะใช้การโทรด้วย FaceTime แบบเสียงหรือโทรแบบปกติ เมื่อคุณอยู่ในสายโทร FaceTime แบบเสียงหรือแบบโทรศัพท์ กล้องจะปิดโดยอัตโนมัติ

ผู้เข้าร่วมแต่ละคนจะแสดงในช่องสี่เหลี่ยมบนหน้าจอ เมื่อผู้เข้าร่วมพูด หรือคุณคลิกช่องสี่เหลี่ยม ช่องนั้นจะย้ายไปด้านหน้าและแสดงอย่างเด่นชัดมากขึ้น ช่องสี่เหลี่ยมที่ไม่แสดงอยู่บนหน้าจอจะแสดงในแถวที่ด้านล่างสุดของหน้าจอ ในการค้นหาผู้เข้าร่วมที่คุณมองไม่เห็น ให้เลื่อนดูแถวนั้นได้

เว็บพนันออนไลน์ ฝากถอน ไม่มี ขั้น ต่ํา

Categories
Featured วิธีดูแลรักษา

ห้ามทำ!!! อันตรายจากการเจาะแบตบวม เพื่อปล่อยก๊าซและปิดผนึกกลับเพื่อใช้งานต่อไป

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพาสมัยใหม่ทั้งแล็ปท็อป สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เครื่องอ่าน ebook และอุปกรณ์ติดตามการออกกำลังกายล้วนใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนทั้งนั้น ซึ่งแบตเตอรี่ขนาดกะทัดรัดจะใช้งานได้ดีมาก มีความหนาแน่นของพลังงานสูงการปลดปล่อยต่ำและเอฟเฟกต์หน่วยความจำที่เล็กมาก 

เมื่อแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนได้รับความร้อนสูงเกินไปจะทำให้การทำงานล้มเหลวเนื่องจากอายุมากเซลล์ด้านในของแบตเตอรี่อาจมีส่วนผสมของอิเล็กโทรไลต์ที่ติดไฟได้ แบตเตอรี่ได้รับการออกแบบมาให้มีมาตรการที่ปลอดภัยสำหรับการล้มเหลวซึ่งจะปล่อยก๊าซออกมาเพื่อไม่ให้เกิดไฟไหม้อย่างรุนแรง 

หลายคนมีความเชื่อว่า การนำก้อนแบตเตอรี่ไปห่อหนังสือพิมพ์แล้วแช่ช่องฟรีซในตู้เย็น จะช่วยยืดอายุการใช้งาน หรือเจาะแบตบวม จะช่วยทำให้แบตเตอรี่หายบวม ซึ่งวันนี้เราก็มีวิธีการคืนสภาพแบตเตอรี่โทรศัพท์โดยการเจาะรูแบตเตอรี่มาฝากทุกคน จะเป็นอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลย

วิธีทดลองการคืนสภาพแบตเตอรี่โทรศัพท์ด้วยการเจาะแบตบวม

คุณสามารถสังเกตอาการบวมของแบตเตอรี่ได้จากบางอย่างที่ดูเหมือนจะผิดปกติเล็กน้อยกับอุปกรณ์ของคุณ โดยด้านหลังของสมาร์ทโฟนของคุณอาจดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย มีช่องว่างที่ผิดปกติหรืออาจดูเหมือนแทร็คแพดบนแล็ปท็อป สำหรับอันตรายจากการใช้งานโทรศัพท์มือถือที่แบตเตอรี่มีอาการบวม เริ่มจากความเสียหายในส่วนอื่น ๆ ของเครื่อง เช่น แบตบวมดันจอ ฝาหลังโก่งและงอ ปุ่มกดใช้งานไม่ได้ เพราะแบตเตอรี่บวมจนดันส่วนประกอบภายใน ถ้าปล่อยไว้และยังใช้งานต่อไปเรื่อย ๆ มีโอกาสสูงที่ตัวเครื่องจะไหม้หรือระเบิด 

มีหลายคนทดลองแก้ไขปัญหาแบตเตอรี่บวม แต่เราขอเตือนก่อนว่าวิธีการเหล่านั้นมีอันตราย ซึ่งมักนำไปสู่การระเบิดขนาดเล็กได้ แบตเตอรี่โทรศัพท์ส่วนใหญ่เป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้ปฏิกิริยาทางเคมีเพื่อสร้างพลังงาน หากแบตเตอรี่มีอายุมาก อาจจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ไม่สมบูรณ์แบบซึ่งอาจส่งผลให้เกิดก๊าซที่ทำให้แบตเตอรี่บวม นอกจากนี้ถ้าชั้นภายในของแบตเตอรี่เกิดความเสียหายหรือบกพร่องจะไม่สามารถรักษาการแยกที่เหมาะสมได้ อาจเกิดการรั่วไหลจนบวมและเกิดการไหม้ได้ ดังนั้นก่อนที่จะทำการทดลองเจาะแบตบวม ต้องเตรียมแบตเตอรี่ที่มีอาการบวม โดยส่วนใหญ่จะใช้แบตลิโพบวม ในการทดลองซึ่งมีขั้นตอนดังนี้

  1. ขั้นแรกต้องปกป้องดวงตาของคุณด้วยการสวมแว่นตานิรภัยและสวมใส่ถุงมือเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ ในกรณีที่มีการพัฒนาเชิงลบ ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตของคุณ
  2. การถอดแบตเตอรี่เริ่มต้นด้วยการทดลองในพื้นที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อระบายก๊าซที่สะสมภายในแบตเตอรี่ที่ปล่อยออกมา ต้องเจาะรูด้วยเข็มอย่างระมัดระวัง หลังจากปล่อยก๊าซที่สะสมอยู่ในแบตเตอรี่จนหมดแล้ว ความจำเป็นที่จะต้องปิดผนึกหลุมด้วยกาว หรือหลังจากที่คุณจัดการปล่อยก๊าซหมดแล้ว ให้เติมหลุมที่เจาะด้วยน้ำยาซีล(ความจริงแล้วเราไม่แนะนำให้เจาะแบตเตอรี่ด้วยเข็ม เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้) คุณจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงวัตถุและเฟอร์นิเจอร์ที่ติดไฟได้เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายอะไร

แน่นอนว่าเราไม่แนะนำวิธีนี้ เพราะมันมีความเสี่ยงมากเกินไป และมีโอกาสเกิดการระเบิดสูง ทางออกที่ดีหากคุณรู้สึกว่าโทรศัพท์ของคุณมีอาการแบตเตอรี่บวม เราแนะนำให้คุณพิจารณาเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ โดยให้เลือกใช้แบตเตอรี่จากศูนย์บริการของโทรศัพท์แบรนด์นั้น ๆ หรือเลือกแบตเตอรี่ที่มีมาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก มอก. เพราะเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่าย สะดวก แถมยังปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยงขณะใช้งานมือถืออีกด้วย

วิธีแก้ไขแบตบวมอย่างปลอดภัย

เมื่อคุณทราบแล้วว่าโทรศัพท์มือถือของคุณแบตเตอรี่บวมแน่นอน ทางแก้ไขปัญหานี้ คือ ปิดเครื่อง ห้ามชาร์จไฟ และนำเครื่องไปเปลี่ยนแบตมือถือใหม่ โดยให้เลือกเปลี่ยนแบตจากศูนย์บริการของแบรนด์นั้น ๆ หรือเลือกแบตเตอรี่ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก มอก. ไม่ควรนำก้อนแบตเตอรี่ ไปแช่ตู้เย็น เพื่อยืดอายุการใช้งานหรือเจาะแบตบวม เพื่อให้มันหายบวมเด็ดขาด เพราะมันเป็นวิธีการที่ผิดและไม่ควรทำอย่างยิ่ง ทางแก้ไขที่ดีที่สุดควรเปลี่ยนไปใช้แบตเตอรี่โทรศัพท์ก้อนใหม่ที่ปลอดภัย จะได้ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายขณะใช้งานมือถือ

ต้องเร่งเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่มีอาการบวมหรือเสื่อมทันที พร้อมทำการปิดเครื่องก่อนเปลี่ยนแบตเตอรี่อันใหม่ และห้ามชาร์จไฟเด็ดขาด!! เพราะถ้าคุณยังคงใช้งานมันต่อไปเรื่อย ๆ หรือชาร์จไฟ กระแสไฟที่ชาร์จจะถ่ายโอนไปที่ก้อนแบตที่มีสภาพการใช้งานไม่เต็มร้อย อาจส่งผลให้ตัวเครื่องมีความเสี่ยงสูงจนเกิดอาการไหม้ หรือระเบิดเลยก็ได้ และที่สำคัญหากเปลี่ยนเป็นของแท้จากศูนย์บริการ หรือร้านตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือได้มาตรฐานตามข้างต้นที่เราแนะนำ รับรองเลยว่าคุณจะได้แบตเตอรี่ที่ปลอดภัย ไม่ทำให้เสี่ยงอันตราย

สมัครบาคาร่า888

Categories
Featured วิธีดูแลรักษา

วิธีแก้ไขแบตบวมดันจอยังไงในปลอดภัย

แบตบวมดันจอ

 ปัญหาแบตโทรศัพท์เสื่อม หมดเร็ว หรือแบตบวมดันจอ เป็นหนึ่งปัญหาที่ผู้ใช้โทรศัพท์หลายคนกังวล และมักสงสัยว่ามันเกิดจากอะไร ยิ่งถ้าโทรศัพท์ของคุณมีอาการแบตเตอรี่บวม ก็อาจจะยิ่งส่งผลให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้อย่างเช่น โทรศัพท์ระเบิด แบตเตอรี่เป็นชิ้นส่วนสำคัญของโทรศัพท์ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เพราะมันมีอายุการใช้งานจำกัด เมื่อมันเริ่มเสื่อมสภาพ อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายขึ้นได้ เช่น แบตเตอรี่ดันหน้าจอ เครื่องเสีย ปุ่มกดเสียหาย ไปจนถึงเกิดเหตุร้ายแรงที่สุดอย่างเครื่องไหม้หรือระเบิด และวันนี้เราก็มีวิธีแก้ไขแบตบวมดันจอมาฝากทุกคน จะมีวิธีไหนบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

วิธีการสังเกตและวิธีแก้ไขแบตบวมดันจอ

การสังเกตแบตบวมดันจอสามารถดูได้ด้วยความรู้สึกภายนอกโดยปกติแล้วเมื่อแบตเตอรี่บวมมันจะดันหน้าจอด้านหน้าและทำให้หน้าจอเป็นสีขาว นอกจากนี้มันจะมีการแยกที่เห็นได้ชัดเจนระหว่างตัวกล้องและหน้าจอยังเป็นสัญญาณว่าแบตเตอรี่ของคุณบวม และอีกหนึ่งวิธีที่สังเกตอาการนี้ได้ง่ายๆ คือ ตัวแบตเตอรี่จะขยายใหญ่ขึ้นจนเริ่มดันตัวเครื่องและหน้าจอของโทรศัพท์มือถือจนผิดรูปไป ซึ่งเป็นปัญหารุนแรงที่ส่งผลต่อชิ้นส่วนอื่น ๆ ด้วย ตัวอย่างเช่น

  1. ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องลดลง

ปัญหาข้อนี้ถือว่ายังไม่ร้ายแรงมากนัก อย่างการเกิดอาการแบตเสื่อม แต่สำหรับใครที่จำเป็นต้องใช้งานมือถือแบบจริงจังตลอดวัน ก็อย่าลืมเช็คสาเหตุอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น แอปพลิเคชันอาจมีปัญหา เมมโมรี่เครื่องเต็ม เป็นต้น

  1. เครื่องโทรศัพท์ร้อนง่าย

หากแบตเตอรี่เสื่อมหรือบวม ตัวเครื่องจะมีความร้อนมากกว่าปกติ เพราะความร้อนจากแบตเตอรี่ถ่ายทอดมายังตัวเครื่องได้ง่ายมากขึ้น

วิธีแก้ไขแบตบวมอย่างปลอดภัย

เมื่อคุณทราบแล้วว่าโทรศัพท์มือถือของคุณแบตเตอรี่บวมแน่นอน ทางแก้ไขปัญหานี้ คือ ปิดเครื่อง ห้ามชาร์จไฟ และนำเครื่องไปเปลี่ยนแบตมือถือใหม่ โดยให้เลือกเปลี่ยนแบตจากศูนย์บริการของแบรนด์นั้น ๆ หรือเลือกแบตเตอรี่ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก มอก. ไม่ควรนำก้อนแบตเตอรี่ ไปแช่ตู้เย็น เพื่อยืดอายุการใช้งานหรือเจาะแบต เพื่อให้หายบวมเด็ดขาด เพราะมันเป็นวิธีการที่ผิดและไม่ควรทำอย่างยิ่ง ทางแก้ไขที่ดีที่สุดควรเปลี่ยนไปใช้แบตเตอรี่โทรศัพท์ก้อนใหม่ที่ปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยงขณะใช้งานมือถืออีกด้วย

ต้องเร่งเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่มีอาการบวมหรือเสื่อมทันที พร้อมทำการปิดเครื่องก่อนเปลี่ยนแบตเตอรี่อันใหม่ และห้ามชาร์จไฟเด็ดขาด!! เพราะถ้าคุณยังคงใช้งานมันต่อไปเรื่อย ๆ หรือชาร์จไฟ กระแสไฟที่ชาร์จจะถ่ายโอนไปที่ก้อนแบตที่มีสภาพการใช้งานไม่เต็มร้อย อาจส่งผลให้ตัวเครื่องมีความเสี่ยงสูงจนเกิดอาการไหม้ หรือระเบิดเลยก็ได้ และที่สำคัญหากเปลี่ยนเป็นของแท้จากศูนย์บริการ หรือร้านตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือได้มาตรฐานตามข้างต้นที่เราแนะนำ รับรองเลยว่าคุณจะได้แบตเตอรี่ที่ปลอดภัย ไม่ทำให้เสี่ยงอันตราย

สาเหตุแบตบวม

หลังจากที่คุณได้ทำความเข้าใจกับวิธีการสังเกตและวิธีแก้ไขแบตบวมดันจอแล้ว ต่อมาเรามาดูสาเหตุที่ส่งผลให้แบตเตอรี่บวม ซึ่งแบตเตอรี่ส่วนใหญ่ที่เห็นว่าบวมได้บ่อยที่สุด คือแบตเตอรี่กลุ่มลิเธียม ว่าจะเป็นลิเธียมไอออน (Lithium ion) หรือลิเธียมโพลิเมอร์ (Lithium Polymer) โดยอุปกรณ์ที่เห็นเจอปัญหาแบตบวมบ่อยที่สุดก็คือ แบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ นั่นเอง ซึ่งแบตเตอรี่กลุ่มนี้มีโอกาสที่จะเกิดอาการแบตบวมได้ทั้งสิ้น อาการบวมนี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ได้แก่

  1. แบตเตอรี่เสื่อมตามอายุการใช้งาน : หากแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพการเก็บประจุไฟลดลง คุณสามารถสังเกตได้จากเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่จะหมดไวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งาน และการดูแลรักษาของผู้ใช้งาน
  2. พฤติกรรมการใช้งาน : สุขภาพแบตเตอรี่โทรศัพท์ของคุณขึ้นอยู่กับผู้ใช้งาน เพราะผู้ใช้งานบางคนชอบเล่นมือถือขณะชาร์จไปด้วย ซึ่งนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อม เกิดอาการบวมได้ง่าย เนื่องจากมีการทำงานที่หนักเกินไป
  3. การใช้เคสมือถือแบบที่เป็นยาง : การที่คุณเลือกใช้เคสมือถือแบบยาง อาจทำให้การระบายความร้อนระหว่างชาร์จแบตเตอรี่ทำงานได้ไม่เต็มที่ และมีการสะสมความร้อนสูง
  4. แบตเตอรี่ที่ใช้เป็นของปลอม : การที่คุณเลือกใช้แบตเตอรี่ปลอม ไม่ได้มาตรฐาน เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่จะส่งผลต่อตัวเครื่องและแบตเตอรี่ได้หากใช้งานไปสักระยะ ซึ่งการใช้แบตเตอรี่ที่ได้มาตรฐานเป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกันแบตบวมที่ดีที่สุด
  5. Adapter ไม่ได้มาตรฐาน : บางครั้งปัญหาแบตเตอรี่บวมหรือเสื่อมไว อาจเกิดจากการใช้งาน Adapter ที่ไร้มาตรฐาน รวมไปถึงปลั๊กไฟที่ใช้เสียบอีกด้วย เพราะมันอาจทำให้เกิดไฟกระชากบ่อย จนส่งผลร้ายต่อแบตเตอรี่ก็เป็นได้
  6. ใช้งานจนแบตเตอรี่หมด 0% : เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ที่ควรเริ่มชาร์จได้ควรมีให้เหลือสัก 30% แล้วชาร์จเลย ดีกว่าใช้งานจนเครื่องดับไปเอง

Sponsor: https://hilo-88.com/

Categories
Featured วิธีดูแลรักษา

ไม่อยากให้แบตเตอรี่บวม อย่างพลาดวิธีป้องกันแบตบวมง่ายๆ

วิธีป้องกันแบตบวม

แบตเตอรี่โทรศัพท์ส่วนใหญ่เป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้ปฏิกิริยาทางเคมีเพื่อสร้างพลังงาน หากแบตเตอรี่มีอายุมาก อาจจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ไม่สมบูรณ์แบบซึ่งอาจส่งผลให้เกิดก๊าซที่ทำให้แบตเตอรี่บวม นอกจากนี้ถ้าชั้นภายในของแบตเตอรี่เกิดความเสียหายหรือบกพร่องจะไม่สามารถรักษาการแยกที่เหมาะสมได้ อาจเกิดการรั่วไหลจนบวมและเกิดการไหม้ได้ โดยอากาศบวมเป็นผลมากจากการที่อนุภาคก๊าซเข้าไปจับชั้นอยู่ภายในของแบตเตอรี่ จนในที่สุดก็เจาะพังผืดที่แยกชั้นออกมา จับความชื้นในอากาศ จะทำให้เกิดปฏิกิริยากับเซลล์ทำให้แบตบวม ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอันตรายร้ายแรงขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้คุณความต้องทราบถึงวิธีป้องกันแบตบวม เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อตัวคุณและทรัพย์สินได้

สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมหมดไว ใช้งานแปป ๆ ก็เกิดอาการเครื่องร้อน แบตเตอรี่บวมจนดันเครื่อง เป็นต้น โดยปัญหาเหล่านี้อาจส่งผลให้โทรศัพท์ของคุณเครื่องพังได้ หรืออาจร้ายแรงจนเกิดไฟไหม้เครื่อง และเครื่องระเบิดได้ ซึ่งวันนี้เราก็มีวิธีป้องกันแบตบวมมาฝากทุกคน จะมีวิธีไหนบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

วิธีป้องกันแบตบวมง่ายๆ ที่คุณไม่ควรพลาด

ใครที่กำลังเจอกับปัญหาแบตเตอรี่มือถือบวมหรือแบตบวมดันจอ หลังจากที่คุณได้ทราบถึงสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่บวมแล้ว ต่อไปมาดูวิธีป้องกันแบตบวม โดยหากคุณปฏิบัติตามวิธีการต่อไปนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานและลดโอกาศการบวมของแบตเตอรี่โทรศัพท์ของคุณ

  1. ทำให้แบตเตอรี่ของคุณเย็นอยู่เสมอ

ปกติแล้วแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเกลียดความร้อนที่สุด ดังนั้นคุณควรหลีกเลี่ยงการทิ้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไว้ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิที่ร้อนเกินไป มิฉะนั้นอาจส่งผลให้เกิดอันตรายหรือทำให้แบตเตอรี่เกิดความเสียหายได้ ต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้แบตเตอรี่เย็น และเมื่อคุณไม่ได้ใช้โทรศัพท์หรือแบตเตอรี่สำรองให้เก็บไว้ในบริเวณที่เย็นและแห้ง

  1. ใช้สายชาร์จโทรศัพท์ที่ได้มาตรฐาน

การชาร์จไฟมากเกินไปอาจเป็นภัยร้ายแรงต่อสุขภาพแบตเตอรี่โทรศัพท์ของคุณ และหากคุณใช้สายชาร์จแบตเตอรี่ที่ไม่ผ่านมาตรฐานอาจส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่โทรศัพท์และอาจทำให้ ความเสียหายของทรัพย์สินตลอดจนชีวิตและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน เช่น เกิดการช็อตและไฟรั่ว หรือทำให้แบตเตอรี่ที่เสียหาย จนทำก่อให้เกิดไฟไหม้ได้ ทางที่ดีคุณควรเลือกใช้สายชาร์จที่มาพร้อมกับเครื่องหรือซื้อสายชาร์จที่ได้มาตรฐานมาใช้งาน เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง

  1. เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่

หากคุณสังเกตเห็นว่าแบตเตอรี่โทรศัพท์ของคุณไม่มีประจุเหลืออยู่อีกต่อไป คุณควรพิจารณาเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ได้แล้ว หากคุณเคยใช้แบตเตอรี่โทรศัพท์ 5 ชั่วโมงและตอนนี้คุณเหลือเวลา 30 นาทีนั่น เป็นสัญญาณที่ว่าส่วนประกอบของแบตเตอรี่กำลังเสื่อมสภาพ ซึ่งการเปลี่ยนแบตเตอรี่จะทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานหลายชั่วโมงกลับคืนมา แต่ยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าแบตเตอรี่ปลอดภัย แถมยังช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่อีกด้วย และคุณควรทราบถึงวิธีกําจัดแบตบวมด้วย เพื่อคุณจะได้นำแบตเก่าไปทิ้งได้อย่างถูกที่ถูกทาง

  1. อย่าเสียบปลั๊กชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้

คุณไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่ตลอดเวลาก็ได้ เพราะมันไม่เป็นผลดีสำหรับแบตเตอรี่แน่นอน มีแต่จะทำให้เกิดความร้อนเพิ่มขึ้นและแบตเตอรี่จะเกิดความเสียหายและทำงานไม่เต็มที่ นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเสียบปลั๊กชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้ไม่ได้ แต่คุณไม่จำเป็นต้องเสียบปลั๊กทิ้งไว้ตลอดทั้งวันในทุก ๆวันก็ได้

วิธีตรวจสอบแบตเตอรี่บวม

หลังจากที่คุณรู้วิธีป้องกันแบตบวม แต่คุณจะรู้ได้ยังไงว่าแบตเตอรี่ของคุณเริ่มมีอาการแบตบวมหรือยัง ซึ่งบางครั้งก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยตาเปล่า นอกเสียจากว่ามันบวมมากจนดันจอแล้ว มีวิธีง่ายๆที่สามารถช่วยให้คุณตรวจสอบแบตเตอรี่บวม ดังนี้

  1. ตรวจสอบอุปกรณ์

เมื่อแบตเตอรี่บวมมันจะขยายตัวและดันส่วนประกอบอื่น ๆ ของโทรศัพท์ออกไป บ่อยครั้งที่จอแสดงผลปุ่มหรือแทร็คแพดจะถูกดันออกจากแนวปกติ หรือหากเคสโทรศัพท์ของคุณไม่พอดีหรือมีช่องว่างใหม่ระหว่างส่วนประกอบ นั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าแบตเตอรี่ของคุณบวม

  1. ตรวจสอบด้วยกลิ่น

การตรวจสอบด้วยการดมกลิ่น หากคุณสังเกตเห็นหรือได้กลิ่นสารเคมีโลหะที่บริเวณโทรศัพท์ของคุณ ซึ่งมันอาจเป็นก๊าซจากแบตเตอรี่ที่ทำให้แบตเตอรี่บวมก็ได้

  1. ตรวจสอบแบตเตอรี่

หากอุปกรณ์ของคุณเปิดได้ง่ายโดยไม่รบกวนแบตเตอรี่ เช่น MacBook หรือ iPhone คุณสามารถเปิดอุปกรณ์และตรวจสอบแบตเตอรี่ด้วยสายตาเพื่อตรวจสอบหาอาการบวม หากแบตเตอรี่มีการพันหลวมหรือมีรอยยับมีลักษณะกลมมากกว่าสี่เหลี่ยมหรือดูเหมือนยกออกจากช่องใส่จนดันด้านหลังตัวเครื่องให้โก่งงอ หรือหน้าจอจนผิดสังเกต และอาจความร้อนมากกว่าปกติ แสดงว่าแบตเตอรี่บวมและประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องลดลง ควรได้รับการแก้ไขหรือรับการเปลี่ยนแบตใหม่

sa gaming

Categories
Featured สอนใช้

แนะนำเคล็ดลับการแก้ไขปัญหาใช้งาน facetime ไม่ได้ที่คุณไม่ควรพลาด

facetime ไม่ได้

FaceTime คือผลิตภัณฑ์วิดีโอแชทที่พัฒนาโดย Apple Inc. ด้วยมาตรฐานแบบเปิดซึ่งหมายความว่าในทางเทคนิคFaceTime สามารถใช้งานได้ในหลายแพลตฟอร์มและผู้ผลิตรายอื่นสามารถใช้ประโยชน์จากโปรโตคอลของ FaceTime ได้ แต่อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้ว FaceTime ยังคงมีให้บริการสำหรับผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ Apple เท่านั้น โดยเฉพาะบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ iOS ที่มีกล้องหน้าและคอมพิวเตอร์Mac ทุกเครื่องที่ติดตั้งกล้อง

 FaceTime, FaceTime Audio เวอร์ชันเสียงเท่านั้น ที่พร้อมใช้งานบนอุปกรณ์ iOSทุกรุ่นที่รองรับ iOS 10.0 หรือใหม่กว่าและ Mac ทุกเครื่องที่มีกล้องหน้าที่ใช้ Mac OS X 10.9.2 และใหม่กว่า ซึ่งเห็นได้ชัดว่า Apple พยายามสนับสนุนให้ผู้ใช้ทุกคนใช้ซอฟต์แวร์นี้สำหรับวิดีโอแชทแม้ว่าพวกเขาจะสามารถพูดคุยกับอุปกรณ์ หรือผู้ใช้ Mac เครื่องอื่นด้วยก็ตาม

คุณสมบัติอื่น ๆ บางอย่างใน FaceTime คือมุมมองของภาพ ด้วยคุณสมบัตินี้คุณสามารถดูได้อย่างชัดเจนว่าคู่สนทนาของคุณกำลังทำอะไรอยู่ในขณะคุยกัน และคุณยังสามารถใช้กล้องหน้าหรือกล้องหลังบนอุปกรณ์ของคุณ รวมทั้งเปลี่ยนระหว่างมุมมองแนวนอนและแนวตั้งได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ FaceTime ยังสามารถรองรับแฮงเอาท์วิดีโอความละเอียดสูงได้โดยกล้องความละเอียดสูง (สูงสุด 720p) บนอุปกรณ์ของคุณ แต่เมื่อใช้งาน facetime ไม่ได้อาจมีปัญหาที่เกิดขึ้นมากมายซึ่งยากที่จะทราบวิธีแก้ไข เราจึงได้รวบรวมวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหา FaceTime บน iPhone, iPad หรือ Mac ของคุณ จะมีวิธีไหนบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

เคล็ดลับการแก้ปัญหาใช้งาน facetime ไม่ได้

เราได้รวบรวมเคล็ดลับการแก้ไขปัญหาใช้งาน facetime ไม่ได้ บน iPhone, iPad หรือ Mac มาฝากทุกคน จะมีเคล็ดลับและวิธีการอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

  1. รีสตาร์ท iPhone, iPad หรือ Mac ของคุณ

เริ่มกันที่หนึ่งเคล็ดลับการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับทุกแอป คือการรีสตาร์ทอุปกรณ์ของคุณ คำแนะนำนี้ก็เช่นกัน เมื่อ FaceTime ไม่ทำงาน ให้ลองปิดแอปทั้งหมดของคุณก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่คุฯบันทึกไว้จะไม่สูญเสียและ

หากอุปกรณ์ของคุณไม่ตอบสนองให้ลองดูวิธีบังคับให้รีสตาร์ท iPhoneหรือบังคับให้รีสตาร์ท Mac แทน

  1. ค้นหาว่า FaceTime ไม่ทำงานบนเว็บไซต์ของ Apple

บริการของ Apple บางครั้งประสบปัญหาทางเทคนิคซึ่งหมายความว่า FaceTime จะไม่เชื่อมต่อกับผู้ใช้หลายอื่นเลย เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นคุณไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากรอให้ Apple หาทางแก้ไข ลองดูที่สถานะปัจจุบันของทุกบริการที่เว็บไซต์ของ Apple หน้านี้ยังแจ้งเตือนคุณเกี่ยวกับการหยุดทำงานของ FaceTime ตามกำหนดเวลา

  1. ตรวจสอบว่า FaceTime ใช้งานได้ในประเทศของคุณหรือไม่ 

น่าเสียดายที่ FaceTime ไม่สามารถใช้งานได้ทั่วโลก โดยคุณสามารถตรวจสอบได้ที่หน้าการสนับสนุนผู้ให้บริการของ Apple เพื่อดูว่า FaceTime สามารถใช้งานในประเทศของคุณกับผู้ให้บริการมือถือของคุณหรือไม่ หาก FaceTime ไม่สามารถใช้ได้ที่คุณอยู่ คุณสามารถข้ามข้อจำกัดเหล่านี้ได้โดยใช้ VPN บน iPhone

  1. ทดสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบนอุปกรณ์ของคุณ 

FaceTime จะเชื่อมต่อกับผู้อื่นผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งไม่เหมือนกับการโทรศัพท์ทั่วไป หาก FaceTime ไม่เชื่อมต่อให้โหลดหน้าเว็บใหม่บนอุปกรณ์ของคุณ เพื่อทดสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดย FaceTime จะทำงานได้ดีที่สุดผ่าน Wi-Fi แต่คุณสามารถใช้กับข้อมูลเซลลูลาร์บน iPhone หรือ iPad ได้ด้วย ในการใช้ FaceTime โดยไม่ใช้ Wi-Fi ให้ไปที่การตั้งค่า> เซลลูลาร์และเปิดแถบเลื่อน FaceTime เพื่อให้ใช้ข้อมูลเซลลูลาร์ได้

  1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณใส่รายละเอียดการติดต่อที่ถูกต้อง

บน iPhone ของคุณสามารถตรวจสอบรายละเอียดการติดต่อ FaceTime ของคุณเองได้ โดยไปที่การตั้งค่า> FaceTime> คุณสามารถเข้าถึงได้ด้วย FaceTime ต้องขอให้คนที่คุณโทรหาทำเช่นเดียวกันด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีรายละเอียดที่ถูกต้องสำหรับคนที่โทรหา หากต้องการตรวจสอบรายละเอียดเหล่านี้บน Mac ให้เปิดแอปFaceTime โดยแล้วไปที่ FaceTime> การตั้งค่าจากแถบเมนู ค้นหารายละเอียดการติดต่อของคุณ

  1. ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของคุณสามารถทำงานร่วมกับ Group FaceTime ได้

หากคุณอาจไม่สามารถแชทแบบกลุ่ม FaceTime ทำงานได้ เป็นไปได้ว่าอุปกรณ์ของคุณเก่าเกินไป 

สำหรับการแชทแบบกลุ่ม FaceTime ทุกคนต้องมีอุปกรณ์ต่อไปนี้ที่ใช้ iOS 12.1.4 เป็นอย่างน้อยดังนี้

  • iPhone 6S หรือใหม่กว่า
  • iPad Pro, iPad Air 2, iPad mini 4, iPad (รุ่นที่ 5) หรือใหม่กว่า
  • iPod touch (รุ่นที่ 7)
  • Mac ทุกเครื่องที่ใช้ macOS Mojave 10.14.3 หรือใหม่กว่า
  1. จำกัดคนในกลุ่มของคุณในการแชท FaceTime

FaceTime ช่วยให้คุณเริ่มแชทเป็นกลุ่มกับคนได้ถึง 32 คนพร้อมกัน แต่การมีคนจำนวนมากนั้นทำให้ยากที่จะรู้ว่าใครเป็นสาเหตุของปัญหา FaceTime ครั้งนี้ ให้ลองเริ่มการแชทแบบตัวต่อตัว จากนั้นเพิ่มคนร่วมแชทวีดีโอทีละคนเพื่อดูว่าปัญหาเริ่มต้นเมื่อใด หาก FaceTime ไม่เชื่อมต่อกับใครเลยแสดงว่าต้องมีปัญหากับอุปกรณ์หรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณ 

  1. อัปเดตซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ของคุณ

FaceTime อาจพบปัญหาหากคุณไม่ได้ใช้งานซอฟต์แวร์รุ่นล่าสุดบน iPhone, iPad หรือ Mac ให้ทำการอัปเดตอุปกรณ์ของคุณเป็น iOS เวอร์ชันล่าสุดเพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยสามารถตรวจสอบให้แน่ใจคุณอัปเดตอุปกรณ์แล้วหรือไม่? ตามวิธีการต่อไปนี้

  • บน iPhone หรือ iPad ให้ไปที่ Settings> General> Software Update
  • บน Mac ให้ไปที่ การตั้งค่าระบบ> Software Update
  1. ปิดใช้งาน FaceTime ชั่วคราวในการตั้งค่าของคุณ

คุณสามารถปิดและเปิด FaceTime ได้จากการตั้งค่า FaceTime บน iPhone, iPad หรือ Mac ของคุณ ซึ่งคุณอาจต้องลงชื่อเข้าใช้บัญชี Apple ID ของคุณใหม่เมื่อเปิดใช้งานอีกครั้ง โดยสามารถทำได้ดังนี้

  • บน iPhone หรือ iPad ไปที่การตั้งค่า> FaceTime เลื่อนสลับที่ด้านบนของหน้าเพื่อปิดFaceTime จากนั้นแตะอีกครั้งเพื่อเปิดการใช้งาน
  • บน Mac ให้เปิดแอป FaceTime แล้วไปที่ FaceTime> การตั้งค่าจากแถบเมนู ยกเลิกการเลือกตัวเลือกเพื่อเปิดใช้งานบัญชีนี้ เพื่อปิด FaceTime จากนั้นทำเครื่องหมายที่ช่องเพื่อเปิดอีกครั้ง
  1. เปิดการใช้งานจำกัดเนื้อหา FaceTime

หากแอป FaceTime ขาดหายไปจาก iPhone, iPad หรือ Mac ของคุณ อาจปิดการใช้งานโดยจำกัดเนื้อหา FaceTime ผู้คนมักจะใช้การตั้งค่าเหล่านี้เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเล็กเข้าถึงคุณสมบัติบางอย่างบนอุปกรณ์

  • บน iPhone หรือ iPad ไปที่การตั้งค่า> หน้าจอเวลา> จำกัดเนื้อหาและความเป็นส่วนตัว แล้วไปที่แอปที่ได้รับอนุญาตและตรวจสอบว่าทั้งFaceTimeและCameraเปิดอยู่หรือไม่ หากได้รับแจ้งให้ป้อนรหัสเวลาหน้าจอซึ่งอาจแตกต่างจากรหัสมาตรฐานของคุณ
  • บน Mac ให้ไปที่การตั้งค่าระบบ> เวลาหน้าจอ จากนั้นเลือกเนื้อหาและความเป็นส่วนตัวจากแถบด้านข้าง แล้วไปที่แท็บแอปพลิเคชันและตรวจสอบกล่องสำหรับกล้องและFaceTime 

ทางเลือกอื่นหาก FaceTime ยังใช้งานไม่ได้

หากคุณแก้ปัญหาใช้งาน facetime ไม่ได้ด้วยเคล็ดลับการแก้ไขปัญหาด้านต้นแล้ว แต่ facetime ก็ยังไม่พร้อมใช้งาน และถ้าคุณจำเป็นต้องให้งานทันที คุณสามารถใช้แอปอื่นแทนได้ตลอดเวลา ซึ่งในปัจจุบันมีแอปการประชุมทางวิดีโอออนไลน์มากมายให้ใช้แทน FaceTime ส่วนใหญ่ให้บริการฟรีและเกือบทั้งหมดทำงานได้ในหลายแพลตฟอร์ม นั่นหมายความว่าคุณสามารถเริ่มเพิ่มผู้ใช้ Android และ Windows ในการโทรแบบกลุ่มของคุณได้เช่นกัน

sa gaming

Categories
Featured วิธีดูแลรักษา

เมื่อแบต iphone บวม คุณควรปฏิบัติอย่างไร

แบต iphone บวม

แบต iphone บวม เป็นอีกหนึ่งในปัญหาน่ากลัวและอันตรายที่สุดที่อาจนำไปสู่การระเบิดได้ ดังนั้นทุกคนไม่ควรใช้งานมัน ยิ่งหากแบตเตอรี่โทรศัพท์ร้อนเกินจริง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วแบตเตอรี่ iPhone ร้อนเกินจริงเกิดขึ้นเนื่องจากแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานมากเกินไปหรือใช้งานหนักมานาน ทำให้เกิดความเสียหายและมีสภาพที่เก่า 

อีกหนึ่งสัญญาณที่ส่งผลให้แบต iphone บวมคือสิ่งที่เรียกว่าแก๊สหมด ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อแบตเตอรี่ชาร์จไฟมากเกินไปก่อให้เกิดความเสียหายหรือเก่า สถานการณ์นี้เป็นปฏิกิริยาทางเคมีที่ทำให้แบตเตอรี่ของคุณหมดลงและปล่อยก๊าซออกมา ทำให้แบตเตอรี่พองขึ้น หากโทรศัพท์ iphone ของคุณเกิดความเสียหายหรือบวมขึ้นมาให้คุณลองปฏิบัติตามวิธีที่เรานำมาแนะนำในวันนี้ จะมีวิธีไหนบ้าง ตามมาดูกันเลย

การตรวจสอบและวิธีจัดการเมื่อแบต iphone บวม

ในทางวิทยาศาสตร์แบตไอโฟนบวมเกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีที่ปล่อยก๊าซออกมา ทำให้แบตเตอรี่พองขึ้น ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบได้ว่าแบต iphone บวมจริงหรือไม่? ด้วยความรู้สึกภายนอก โดยปกติแล้วหากโทรศัพท์ iphone ของคุณมีอาการแบตเตอรี่บวมจะดันจอด้านหน้าและทำให้หน้าจอเป็นสีขาว นอกจากนี้การแยกที่เห็นได้ชัดเจนระหว่างตัวกล้องและหน้าจอยังเป็นสัญญาณว่าแบตเตอรี่ของคุณบวมและหากถามว่าแบตเตอรี่บวม อันตรายไหม? แน่นอนว่าอันตรายเพราะมันอาจทำให้เกิดการระเบิดและเผาไหม้ได้

เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ถูกต้องยิ่งขึ้นให้คุณใช้เครื่องมือพิเศษและดำเนินการถอดด้านหลังของ iPhone จากนั้นตรวจสอบว่าแบตเตอรี่บวมหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามหากคุณไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้คุณก็ไม่ควรทำเพราะมันอันตรายมากอาจเสี่ยงต่อการระเบิดได้ ในกรณีที่คุณได้กลิ่นที่ผิดปกติหรือสัมผัสเครื่องแล้วมีความร้อนอย่างกะทันหันอย่าพยายามเปลี่ยนแบตเตอรี่เองโดยเด็ดขาดหากคุณยังไม่มีความชำนาญ

วิธีจัดการเมื่อแบตเตอรี่ iPhone เครื่องร้อนและแบตบวม

  1. ก่อนเริ่มซ่อมและเปลี่ยนแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ควรปฏิบัติ ดังนี้
  • ปล่อยให้แบตเตอรี่ iPhone เหลือน้อยจนเหลือ 0% เพราะแบตเตอรี่จะไม่มีพลังงาน ลดปัญหาการเผาไหม้
  • จัดให้ห้องมีอากาศถ่ายเท หากแบตเตอรี่มีควันพิษ เพื่อให้อากาศถ่ายเทหายใจได้สะดวก 
  • ควรสวมแว่นตาป้องกันเพื่อป้องกันดวงตาของคุณ และในขณะที่กำลังเปลี่ยนแบตเตอรี่ควรสวมถุงมือเพื่อป้องกันไม่ให้สารเคมีในแบตเตอรี่กระเด็นใส่มือของคุณ
  1. เตรียมถังทรายเพื่อป้องกันไฟไหม้ : วางแบตเตอรี่ iPhone บนพื้นผิวที่ทนไฟ ไม่ว่าในสถานการณ์ใดคุณต้องมีถังทรายเสมอ เพื่อดับไฟหากเกิดไฟไหม้จากการจุดชนวนแบตเตอรี่ และคุณสามารถทำสิ่งนี้กลางแจ้งได้ แต่ไม่ควรทำ

ในสภาพอากาศเย็นและแห้ง เพราะหากลิเธียมในแบตเตอรี่สัมผัสกับความชื้นจะทำให้เกิดปฏิกิริยากับไอน้ำและก่อให้เกิดการระเบิดได้

  1. จัดการแบตเตอรี่ที่มีอุณหภูมิสูงเกินจริงอย่างถูกต้อง : ในการถอดแบตเตอรี่ออกจากเครื่องและทำความสะอาด โดยใช้ตัวทำละลาย เช่น ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์หรืออะซิโตนที่มีความเข้มข้นสูง (ควรใช้ในปริมาณเล็กน้อยเนื่องจากตัวทำละลายเป็นสารไวไฟและยังมีอะซิโตนอยู่ อาจทำให้ชิ้นส่วนพลาสติกเสียหายได้) นอกจากนี้เครื่องมือในการถอดแบตเตอรี่ต้องเป็นพลาสติกและระวังอย่าให้แบตเตอรี่ทะลุเพราะอาจปล่อยสารเคมีที่เป็นอันตรายทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้
  2. หลังจากถอดก้อนแบตเตอรี่ : เมื่อถอดแบตเตอรี่ออกจากอุปกรณ์แล้วคุณไม่ควรทิ้งลงในน้ำหรือไฟ เพื่อทำลายแบตเตอรี่เด็ดขาด ควรห่อด้วยกระดาษหรือถุงพลาสติกในถังขยะแล้วนำไปที่โรงงานรีไซเคิลหรือจุดทิ้งขยะอันตราย

การเคลมเปลี่ยนแบตเตอรี่ iPhone

หากแบต iphone บวม แต่คุณไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่เองได้หรือหากคุณสงสัยว่าโทรศัพท์ iphone มีอาการแบตบวม คุณสามารถเปลี่ยนแบต iphoneได้ที่ Apple Store หรือผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Apple เพราะสถานที่ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจะใช้ชิ้นส่วนแท้ของ Apple โดยตรง และถ้าโทรศัพท์ iphone ของคุณอยู่ในระยะการได้รับประกันของ Apple ค่าใช้จ่ายเปลี่ยนแบตจะเป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคของ AppleCare โดยแบตเตอรี่ต้องเก็บประจุได้น้อยกว่า 80% ของความจุเดิม บริการซ่อมแซมโทรศัพท์ iphone ของคุณจะไม่เสียค่าใช้จ่าย และหากไม่อยู่ในประกันค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่จะขึ้นอยู่กับรุ่น iPhone ของคุณ ซึ่งมีราคาการเปลี่ยนแบตเตอรี่สำหรับ iPhone ดังนี้

  • iPhone X, iPhone XS, iPhone XS Max,iPhone XR, iPhone 11 Pro Max,iPhone 11 Pro, iPhone 11 จะมีราคาอยู่ที่ 2,300 บาท
  • iPhone SE (รุ่นที่ 2), iPhone SE,iPhone 6, iPhone 6 Plus,iPhone 6s, iPhone 6s Plus,iPhone 7, iPhone 7 Plus,iPhone 8, iPhone 8 Plus,และรุ่นอื่นๆ ทั้งหมดที่เข้าเกณฑ์จะมีราคาอยู่ที่ 1,600 บาท

sa gaming

Categories
Featured แนะนำแอปฯ

ทำความเข้าใจ Facetime คืออะไรและใช้งานอย่างไรบน iPhone

Facetime

ปัจจุบันทั่วโลกเกิดสถานการณ์ โควิด 19 ส่งผลให้การเผชิญหน้ากันโดยตรงเป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุด ทำให้เวลานี้การคุยกันทางโทรศัพท์หรือประชุมกันแบบ FaceTime เป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อหยุดยั้งการแพร่เชื้อได้ดี หลายคนคงอยากรู้ว่า facetime คืออะไรใช่ไหมคะ? วันนี้เราก็มีตอบตอบมาฝากทุกคน พร้อมทั้งวิธีการใช้งานบน iPhone จะเป็นอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

FaceTime คือผลิตภัณฑ์วิดีโอแชทที่พัฒนาโดย Apple Inc. ด้วยมาตรฐานแบบเปิดซึ่งหมายความว่าในทางเทคนิคFaceTime สามารถใช้งานได้ในหลายแพลตฟอร์มและผู้ผลิตรายอื่นสามารถใช้ประโยชน์จากโปรโตคอลของ FaceTime ได้ แต่อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้ว FaceTime ยังคงมีให้บริการสำหรับผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ Apple เท่านั้น โดยเฉพาะบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ iOS ที่มีกล้องหน้าและคอมพิวเตอร์Mac ทุกเครื่องที่ติดตั้งกล้อง FaceTime, FaceTime Audio เวอร์ชันเสียงเท่านั้น พร้อมใช้งานบนอุปกรณ์ iOSทุกรุ่นที่รองรับ iOS 10.0 หรือใหม่กว่าและ Mac ทุกเครื่องที่มีกล้องหน้าที่ใช้ Mac OS X 10.9.2 และใหม่กว่า ซึ่งเห็นได้ชัดว่า Apple พยายามสนับสนุนให้ผู้ใช้ทุกคนใช้ซอฟต์แวร์นี้สำหรับวิดีโอแชทแม้ว่าพวกเขาจะสามารถพูดคุยกับอุปกรณ์ หรือผู้ใช้ Mac เครื่องอื่นด้วยก็ตาม

คุณสมบัติอื่น ๆ บางอย่างใน FaceTime คือมุมมองของภาพ ด้วยคุณสมบัตินี้คุณสามารถดูได้อย่างชัดเจนว่าคู่สนทนาของคุณกำลังทำอะไรอยู่ในขณะคุยกัน และคุณยังสามารถใช้กล้องหน้าหรือกล้องหลังบนอุปกรณ์ของคุณ รวมทั้งเปลี่ยนระหว่างมุมมองแนวนอนและแนวตั้งได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ FaceTime ยังสามารถรองรับแฮงเอาท์วิดีโอความละเอียดสูงได้โดยกล้องความละเอียดสูง (สูงสุด 720p) บนอุปกรณ์ของคุณ และวันนี้เราก็มีวิธีการใช้งาน facetime บน iPhone มาฝากทุกคน จะใช้งานอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

วิธีการใช้งาน Facetime บน iPhone ของคุณ

หลังจากที่คุณได้รู้ว่า facetime คืออะไร ต่อไปมาดูวิธีการใช้งาน Facetime บน iPhone กันเลยดีกว่า โดยวิธีใช้ FaceTime ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่คุณต้องการโทร หากคุณต้องการโทรหา iPhone ของใครบางคนคุณสามารถกดหมายเลขโทรศัพท์ของคนนั้น และหากคุณต้องการติดต่อเขาบนคอมพิวเตอร์ iPad, หรือ iPod Touch ให้พิมพ์ที่อยู่อีเมล เมื่อคุณโทรออกหรือรับสาย FaceTime สายนั้นจะดังบนอุปกรณ์ Mac ทั้งหมดของคุณ ทำให้คุณสามารถเข้าถึงได้ทุกที่แม้ว่าคุณจะไม่อยากก็ตาม แน่นอนคุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่า FaceTime ของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดหรือปิดคุณสมบัตินี้ได้ 

หากถามว่า facetime ฟรีไหม? แน่นอนว่าฟรีค่ะ แต่มันยังต้องใช้อินเตอร์เน็ตหรือ wifi ในการใช้งาน และก่อนที่คุณจะใช้งาน FaceTime ได้คุณต้องเปิดการใช้งานก่อน ซึ่งสามารถตั้งค่าได้ดังนี้ 

  1. เปิดแอป FaceTime และลงชื่อเข้าใช้ด้วย Apple ID ของคุณ
  2.  คุณยังสามารถดำเนินการนี้ได้จากการตั้งค่า > FaceTime อีกด้วย 

หากคุณกำลังใช้ iPhone FaceTime จะต้องลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ของคุณโดยอัตโนมัติ แต่หากคุณต้องการลงทะเบียนที่อยู่อีเมลใน iPhone ด้วย ให้ไปที่การตั้งค่า > FaceTime > ใช้ Apple ID ของคุณสำหรับ FaceTime แล้วลงชื่อเข้าใช้ด้วย Apple ID

สำหรับ iPad หรือ iPod touch ให้ลงทะเบียนที่อยู่อีเมลโดยแตะการตั้งค่า > FaceTime > ใช้ Apple ID ของคุณสำหรับ FaceTime แล้วลงชื่อเข้าใช้ด้วย Apple ID

วิธีการโทร FaceTime

หากต้องการโทร FaceTime คุณต้องลงทะเบียนด้วยหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคุณก่อน และการโทร FaceTime มี 3 วิธีดังนี้

  1. เข้าแอป FaceTime แตะที่ปุ่มเครื่องหมายบวก แล้วพิมพ์หมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคนที่คุณต้องการโทรหา แตะหมายเลขหรือที่อยู่ จากนั้นแตะเสียง หรือวิดีโอ 
  2. คุณยังสามารถบันทึกหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคนที่คุณโทรหาได้ในแอปรายชื่อ และคุณจะสามารถพิมพ์ชื่อแล้วแตะชื่อนั้นได้เมื่อปรากฏขึ้น จากนั้นแตะเสียง หรือวิดีโอได้
  3. คุณยังสามารถเริ่มการโทร FaceTime แบบวิดีโอจาก iPhone ระหว่างที่โทรศัพท์อยู่ได้ด้วย แตะไอคอน FaceTime ในแอพโทรศัพท์เพื่อสลับไปใช้ FaceTime

วิธีการใช้ FaceTime Audio กับการรอสาย

เมื่อมีสายอื่นเข้ามาไม่ว่าจะเป็นสายโทรศัพท์หรือสายสนทนาแบบ FaceTime คุณสามารถเลือกตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งต่อไปนี้

  • วางสายปัจจุบันและยอมรับสายเรียกเข้า
  • รับสายเรียกเข้าและพักสายปัจจุบัน 
  • ปฏิเสธสายเรียกเข้า

การนำไปใช้งาน

หลักการทำงานของ FaceTime คือการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ 2 เครื่อง โดยส่วนใหญ่จะเป็นการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์สองเครื่องที่รองรับ เช่น iPhone, iPads และ Macs เปิดตัวหลังปี 2011ที่รองรับ FaceTime และ Mac รุ่นที่เปิดตัวในปี 2011 มี FaceTime วิดีโอความละเอียดสูงซึ่งอุปกรณ์จะใช้ได้โดยอัตโนมัติเมื่อปลายสายทั้งสองมีกล้อง FaceTime HD

ต่อมาได้มีการรองรับการประชุมทางวิดีโอแบบกลุ่มด้วยการเปิดตัว iOS 12 ทำให้สามารถเข้าร่วมแฮงเอาท์วิดีโอพร้อมกันได้ถึง 32 คน และการแจ้งเตือนขาเข้าบนอุปกรณ์ iOS จะแสดงระหว่างการโทรแบบ FaceTime แต่หากเปิดไว้วิดีโอจะหยุดชั่วคราวจนกว่าผู้ใช้จะกลับมาในแอป FaceTime 

บน iPhone ผู้ใช้สามารถเปิดใช้งาน FaceTime ระหว่างการโทรได้โดยกดปุ่ม FaceTime หรือเริ่ม FaceTime จากประวัติการโทรหรือจากแอปรายชื่อตั้งแต่ iOS 10.0 และใหม่กว่า FaceTime ต้องใช้การเชื่อมต่อ WiFi เพื่อให้ทำงานได้ ตั้งแต่ iOS 6 เป็นต้นไป สำหรับ iPhone และ iPad รองรับการโทร FaceTime แบบออนไลน์ผ่านเครือข่ายเซลลูลาร์ โดยผู้ให้บริการเปิดใช้งาน ซึ่งภายในกลางปี ​​2556 ผู้ให้บริการทั่วโลกอนุญาต FaceTime Audio ใช้ข้อมูลประมาณ 3 เมกะไบต์สำหรับการสนทนาทุก ๆ 5 นาที

sa gaming

HILO-88.COM
HILO-88.COM