สอนใช้ มือถือ คอมพิวเตอร์ สอนสร้างเว็บ
Categories
สอนใช้ แนะนำแอปฯ

วิธีสตรีมการเล่นเกม XBOX ONE บนแอพ TWITCH ที่เหล่านักสตรีมเมอร์ไม่ควรพลาด

TWITCH

ทุกวันนี้ต้องยอมรับเลยทุกคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่าย นี่จึงเป็นสาเหตุทำให้บริการสตรีมมิ่งกำลังได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะแอพ TWITCH แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งออนไลน์ฟรีที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุด ช่วยทำให้ผู้คนจากทั่วโลกสามารถรับชมการสตรีมมิ่งสดผ่านอินเทอร์เน็ตหรือแอพได้ ปัจจุบันมีนักสตรีมเมอร์หลายคนได้รับความสนใจและประสบความสำเร็จจากการสตรีมการเล่นวิดีโอเกมยอดนิยมบน TWITCH ไม่เพียงเท่านั้น TWITCH ยังเปิดโอกาสให้คุณสามารถสตรีมการเล่นเกม XBOX ONE ได้อย่างง่ายดาย โดยคุณสามารถดาวน์โหลดแอพ TWITCH ใน XBOX STORE ได้ ซึ่งในบทความนี้เราจะพาคุณมาเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีสตรีมการเล่นเกม XBOX ONE บนแอพ TWITCH ที่ถูกต้อง 

TWITCH คืออะไร?

TWITCH

อ้างอิงรูปภาพ

อย่างที่หลายคนทราบกันดี TWITCH คือ แพลตฟอร์มถ่ายทอดสดการเล่นเกมและการแข่งขัน E-SPORTS ที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นทั่วโลกเป็นอย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้น TWITCH ยังเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการสตรีมวิดีโอสด ตั้งแต่การทำอาหาร การเล่นดนตรี และการพูดคุยถาม&ตอบ แต่อย่างไรก็ตาม การสตรีมการเล่นเกมก็ถือเป็นความสำคัญหลักของ TWITCH สำหรับคนทั่วไปหรือนักสตรีมเมอร์ที่มี XBOX ONE คุณสามารถสตรีมการเล่นเกม XBOX ONE บน TWITCH ได้ง่าย ๆ โดยทำตามวิธีการด้านล่างนี้ 

ดาวน์โหลด TWITCH และเปิดการใช้งาน XBOX

ก่อนที่คุณจะเริ่มสตรีมไปยัง TWITCH คุณจะต้องดาวน์โหลดแอพ TWITCH บน XBOX ONE ของคุณเสียก่อน โดยมีขั้นตอน ดังนี้

  1. ไปที่แดชบอร์ดของ XBOX ONE แล้วใช้คอนโทรลเลอร์เพื่อไปยัง แท็บ MICROSOFT STORE ทางด้านซ้ายของหน้าจอ
TWITCH

อ้างอิงรูปภาพ

  1. ไปที่แถบที่มีข้อความ SEARCH จากนั้นกดปุ่ม A บนคอนโทรลเลอร์ของคุณ
  2. ใช้คอนโทรลเลอร์พิมพ์ “TWITCH” รอสักครู่แอพ TWITCH จะปรากฏขึ้นบนหน้าจอ จากนั้นเลือกแอพTWITCH แล้วกดปุ่ม A บนคอนโทรลเลอร์ของคุณ
  3. เลือก GET แล้วกดปุ่ม A อีกครั้ง แอพ TWITCH จะเริ่มทำการติดตั้งโดยอัตโนมัติ 

ปรับการตั้งค่าสำหรับการสตรีมมิ่ง

TWITCH

อ้างอิงรูปภาพ

หลังจากที่คุณได้ทำการดาวน์โหลดแอพ TWITCH เรียบร้อยแล้ว คุณจะต้องทำการปรับการตั้งค่าการสตรีมของคุณ โดยมีขั้นตอน ดังนี้ 

  1. เปิดแอพ TWITCH แล้วเลือก SIGN IN ที่เมนูด้านบน ป้อนข้อมูลการเข้าสู่ระบบสำหรับบัญชี TWITCH ที่คุณต้องการสตรีม
  2. คุณจะได้รับรหัส 8 หลักที่คุณต้องป้อนเพื่อเชื่อมโยงคอนโซล XBOX ONE กับบัญชี TWITCH ไปที่ LOGIN และป้อนรหัสเพื่อเปิดใช้งานคอนโซลของคุณ
  3. กดปุ่ม XBOX บนคอนโทรลเลอร์ของคุณ และไปที่แท็บ PROFILE & SYSTEM ทางด้านขวา แล้วเลื่อนลงและเลือก SETTINGS
  4. จากนั้นเลือก ACCOUNT แล้วเลือก PRIVACY & ONLINE SAFETY 
  5. เลือก XBOX PRIVACY
  6. เลือก VIEW DETAILS & CUSTOMIZE
  7. เลือก ONLINE STATUS AND HISTORY
  8. ไปที่ OTHERS CAN SEE IF YOU’RE ONLINE ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เลือก EVERYBODY แล้วหรือไม่?
  9. กดปุ่ม B เพื่อย้อนกลับ จากนั้นเลือก GAME CONTENT
  10. เลื่อนไปทางขวาจนกว่าคุณจะเห็นแท็บ LIVE STREAM GAMEPLAY และตรวจดูให้แน่ใจว่าได้เลือก ALLOW ไว้แล้ว
  11. เลื่อนไปทางขวาอีกครั้งและตรวจดูให้แน่ใจว่าคุณได้เลือก ALLOW ใน YOU CAN SHARE CONTENT MADE USING KINECT OR ANOTHER CAMERA แล้วหรือไม่ 

เริ่มถ่ายทอดสดการเล่นเกม XBOX ONE ของคุณ

TWITCH

อ้างอิงรูปภาพ

หลังจากที่คุณได้ทำการตั้งค่าสตรีมของ XBOX ONE ตามลำดับแล้ว ให้เสียบเว็บแคม USB เข้ากับคอนโซลของคุณ เพื่อทำการเริ่มต้นสตรีมเกม XBOX ONE โดยมีขั้นตอน ดังนี้ 

  1. กลับไปที่แอป TWITCH เลือก BROADCAST ที่เมนูด้านบน
  2. ด้านขวาของการตั้งค่าการออกอากาศของ TWITCH คุณสามารถปรับเปลี่ยนตัวเลือกต่าง ๆ ได้ เช่น ตำแหน่งกล้องไมโครโฟน และ ความละเอียดในการสตรีม
  3. ด้านซ้ายของการตั้งค่าการออกอากาศของ TWITCH ให้ป้อนชื่อ (ป้ายกำกับ) สำหรับการสตรีมของคุณในช่องและเลือก START STREAMING หรือ เริ่มการสตรีม
  4. เปิดเกมที่คุณต้องการสตรีม เมื่อคุณเริ่มเล่นเกม TWITCH ก็จะเริ่มถ่าย ทอดสดการเล่นเกมของคุณไปยังผู้ชมโดยอัตโนมัติ

facebook

เว็บ บา คา ร่า อันดับ 1

Categories
แนะนำแอปฯ

แอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลงที่กำลังจะเป็นที่นิยมในปี 2022

ปัจจุบันการฟังเพลงได้วิวัฒนาการมาถึงขั้นที่ทุกมุมโลกสามารถฟังเพลงผ่านแอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน แค่เพียงสัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้น นับเป็นยุคสมัยที่รูปแบบการฟังเพลงวิวัฒนาการค่อนข้างที่จะรวดเร็วพอสมควร ถ้าเทียบกับเมื่อราวๆประมาณ 20 ปีที่แล้ว (ช่วงประมาณ พ.ศ. 2544) ซึ่งต่างจากการฟังเพลงในยุคปัจจุบันค่อนข้างมาก วัยรุ่นยุคนั้นใช้การรอคอย เพื่อฟังผ่านสถานีวิทยุ หรือแม้กระทั่งเก็บเงินจากค่าขนมเพื่อซื้อ เทปคาสเซทมาฟังในเครื่องเล่นเทปที่บ้าน

บทความนี้จะว่าด้วยเรื่องการฟังเพลงผ่านแอปพลิเคชัน ฟังเพลงต่างๆ ในทุกๆ แพลทฟอร์ม ของโทรศัพท์สมาร์ทโฟนว่าแต่ละแอปพลิเคชันนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และ การใช้งานกันอย่างไรบ้าง เพราะว่าในปี 2022 ที่กำลังจะมาถึงนั้นแน่นอนว่าเหล่าผู้ผลิตแอปพลิเคชันนั้นต้องมีการปรับปรุงในส่วนของเรื่องการใช้งานให้มีความเสถียรภาพมากขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้งานมีการเข้าถึงมากขึ้นและบอกต่อหรือรีวิวผ่านแอปสโตร์ (App Store) หรือ กูเกิล เพลย์ (Google Play) ซึ่งก็จะคล้ายกับการบอกกันปากต่อปากนั้นเองนะครับ

แอปพลิเคชันฟังเพลง

LiveXLive

ชื่อแอปพลิเคชันในภาษาไทยคือ “ไลฟ์ บาย ไลฟ์” รูปแบบการใช้งานคือ เข้าไปที่ livexlive.com หรือดาวน์โหลดมาเก็บไว้ในรูปแบบแอปพลิเคชันเพื่อเปิดใช้งานบนสมาร์ทโฟนนั้นเอง ผู้ใช้งานอาจต้องมีการสมัครสมาชิคกับทางแอปพลิเคชัน ก่อนใช้งาน เนื่องจากมีการจำกัดการเข้าถึง 3 ระดับ ได้แก่ กลุ่มผู้ใช้งานฟรี กลุ่มผู้ใช้งานระดับกลาง และกลุ่มผู้ใช้งานระดับพรีเมียม ค่าบริการคิดเป็นรายเดือนตามลำดับ (กลาง และ พรีเมียม)

แอปพลิเคชันฟังเพลง

SiriusXM

ซีรีอัสเอ็กซ์เอ็ม รูปแบบบริการของทางแอปพลิเคชันคือ สถานีวิทยุออนไลน์ โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่มลรัฐ นิวยอร์ค ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยผู้ใช้งานสามารถเข้าใช้งานได้ที่ลิงค์ siriusxm.com โดยผู้ใช้งานแอปพลิเคชันนี้สามารถทดลองใช้ได้นานถึง 3 เดือน หากคิดว่าชอบจริงๆ แล้วต้องการจะใช้งานต่อก็สามารถชำระค่าบริการเป็นรายเดือนผ่านแพลทฟอร์มธนาคารที่ทางบริษัทได้ทำข้อตกลงไว้ แม้แต่ศิลปินเพลงสากลชื่อดังฝั่งสหรัฐล้วนเคยถูกชวนมาทำการแสดงสดผ่านการสตรีมมิ่งกันค่อนข้างมาก

แอปพลิเคชันฟังเพลง

Spotify

สปอติฟาย เป็นแอปพลิเคชันจากประเทศสวีเดน เพื่อการฟังเพลง และ ความบันเทิงทั่วไปในการใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะใช้งานในแบบไหน ผู้ใช้ฟรี หรือเป็นจ่ายเป็นค่าบริการรายเดือน สามารถเลือกได้ตามแต่ความต้องการของผู้ใช้งาน อีกทั้งยังมีการจำกัดการเข้าถึงผ่านการชำระเงินผ่านระบบโมบาย แบงค์กิง มีวิดีโอการแสดงในหลายยุคสมัยตามสไตล์แอปพลิเคชั่นร่วมสมัย

แอปพลิเคชันฟังเพลง

Tidal

ไทดัล ก็เป็นอีกแอปพลิเคชันหนึ่งจากประเทศ นอเวย์ ที่ให้บริการดนตรีแบบสตรีมมิ่ง ในรูปของการสมัครสมาขิกบัญชีผู้ใช้งาน โดยการชำระเงินผ่านทาง แพลทฟอร์มบัญชีธนาคารที่รองรับสำหรับแอปพลิเคชัน ไทดัล นั้นเอง แล้วการใช้งานก็ค่อนข้างไม่ซับซ้อน และค่อนข้างจะเข้าถึงได้ง่าย ทั้งการใช้งานทั่วไปและโดยรวมถือว่าเป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชั่นที่ดีอีกแอปนึงเลย เพราะมีบริการสมัครสมาชิกที่ใช้เวลาไม่นาน เพียงแค่ใช้อีเมล และ ข้อมูลอออนไลน์เบื้องต้นก็สามารถใช้งานได้ตามความต้องการของผู้ใช้งานทุกท่านและเหล่าคณานับ

แอปพลิเคชันฟังเพลง

Amazon music

แอมะซอน ชื่อนี้หลายๆคน คงเคยได้ยินชื่อเว็บไซต์ซื้อขายออนไลน์กันมาบ้างเพราะค่อนข้างจะเป็นที่นิยมในต่างประเทศและในขณะเดียวกันผู้ผลิตแอปพลิเคชัน ก็มีการเพิ่มช่องทางให้มีลูกค้าอีกกลุ่มที่ชื่นชอบเสียงเพลง หรือการฟังเพลงได้ใช้งานกันนั้นเอง รูปแบบการใช้งาน ก็คือการลงทะเบียนสมัครสมาชิคก่อนใช้งาน สำหรับคอนเทนต์บางอย่างได้มีการจำกัดการเข้าถึงตามรูปแบบของผู้ใช้งาน คือผู้ใช้งานแบบ ฟรีแอคเคาท์ เข้าถึงเนื้อหาต่างๆได้ในระดับที่จำกัด ในขณะที่ผู้ใช้งานแบบเสียค่าใช้บริการสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ที่ค่อนข้างใหม่มากกว่า สำหรับ แอมะซอน มิวสิค ก็เป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่ให้บริการในรูปแบบของการสตรีมมิ่งนั่นเอง

แอปพลิเคชันฟังเพลง

Deezer

ดีเซอร์ เป็นแอปพลิเคชันสัญชาติ ฝรั่งเศส ที่ให้บริการฟังเพลงในรูปแบบสตรีมมิ่งอีกเช่นกัน ผู้ใช้งานทุกคนจึงจำเป็นอย่างมากในการสมัครสมาชิกก่อนเข้าใช้งานครั้งแรก ซึ่งทางแอปพลิเคชันจะมีการให้ผู้ใช้งานใช้งานฟรีเป็นเวลา 1 เดือนเต็ม หลังจากนั้นจะเสียค่าบริการต่อเดือนตกอยู่ที่ประมาณ 129 บาทต่อเดือน

แอปพลิเคชันฟังเพลง

Qobuz

โคบัส ชื่อนี้เคยได้ยินกันบ้างหรือเปล่า กับอีกหนึ่งแอปพลิเคชันจากผู้ผลิตแอปพลิเคชันประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี ค.ศ. 2007 เปิดให้บริการใน 18 ประเทศฝั่งยุโรป ในรูปแบบให้บริการสตรีมมิ่งฟังเพลง ตามลำดับชั้น ของบัญชีผู้ใช้งาน ซึ่งส่วนมากจะเป็นเพลงของศิลปินฝั่งยุโรปเป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบันยังไม่มีการให้บริการในประเทศ สหราชอาณาจักรไทย

แอปพลิเคชันฟังเพลง

Apple Music

มากันแอปพลิเคชันสุดท้ายที่ผู้เขียนบทความอยากจะพูดถึงเพราะว่าเป็นแอปพลิเคชันฟังเพลงที่ติดมากับโทรศัพท์มือถือ iPhone, Macbook และ iPad ซึ่งมีการใช้งานที่ค่อนข้างเข้าใจง่าย และเป็นแอปพลิเคชันที่เรียกได้ว่าเกิดยุคบุกเบิกระบบการสตรีมมิ่งเพลงบนแพลทฟอร์มทั้ง iOS และ Android โดยรูปแบบการใช้งาน จะถูกเริ่มตั้งแต่ผู้ใช้งานเปิดบัญชี iCloud หลังจากทำการซื้อสินค้าจากค่าย Appleนั่นเอง สามารถเป็นได้ทั้งแอปที่จัดการไฟล์เสียง หรือ ไฟล์เพลงต่างๆ ได้ผ่านการเชื่อมต่อสาย USB เรียกได้ว่าเป็นแอปที่ค่อนข้างเกิดมานาน และสร้างแรงบันดาลในการไม่หยุดพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อการฟังเพลงในทุกประเทศทั่วโลยก็ว่าได้

เว็บบอล

Categories
News สอนใช้ แนะนำแอปฯ

Instagram เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่จะช่วยให้คุณสามารถดูและกู้คืนโพสต์ที่ถูกลบในแอปได้ 

Instagram

ล่าสุด Instagram ได้เปิดตัวฟีเจอร์ “ลบล่าสุด”ที่จำเป็นต่อผู้ใช้อย่างมาก เนื่องจากฟีเจอร์นี้จะช่วยให้คุณสามารถกลับไปดูหรือกู้คืนโพสต์ที่ถูกลบล่าสุดในแอปพลิเคชันได้ ซึ่งคุณลักษณะนี้รองรับการใช้งานในโทรศัพท์ทั้งระบบ Android และ iOS ดังนั้นทุกคนจึงมีโอกาสที่จะสามารถเข้าถึงคุณลักษณะนี้ได้ 

Instagram เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย สำหรับการแชร์รูปภาพ/วิดีโอที่คนรุ่นใหม่ชื่นชอบและกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยผู้ใช้งาน 1 พันล้านรายต่อเดือน ซึ่งจุดเด่นที่ทำให้แอป Instagram เติบโตอย่างต่อเนื่อง คือการให้บริการตามวัตถุประสงค์ของการตลาดด้วยเนื้อหาภาพ และองค์กรต่าง ๆ ก็ใช้ประโยชน์จาก Instagram เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าสถานการณ์ทั่วไปที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่เผชิญคงจะเป็นการกู้คืนรูปภาพ Instagram ที่สูญหายหรือไม่? หากคุณเผลอลบรูปภาพหรือวิดีโอ Instagram ของคุณโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือบางครั้งแฮกเกอร์อาจจะทำการลบเนื้อหาของคุณเมื่อพวกเขาเหล่านั้นสามารถเข้าถึงบัญชีของคุณ และจนถึงตอนนั้นคุณจะไม่มีทางกู้คืนรูปภาพและวิดีโอกลับคืนมาได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน แล้วคุณจะกู้คืนได้อย่างไร? 

Instagram เผยว่าฟีเจอร์ “ลบล่าสุด” จะช่วยให้คุณจัดการกับเนื้อหาบน Instagram ของคุณได้ง่าย ๆ และเราเชื่อว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่ผู้ใช้หลายคนต้องการ ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่คุณสามารถตรวจสอบและกู้คืนเนื้อหาที่ถูกลบในแอป Instagram ของคุณได้ นอกจากนี้ Instagram ยังเพิ่มการป้องกันเพื่อช่วยป้องกันแฮกเกอร์ไม่ให้บุกรุกบัญชีของคุณและลบโพสต์ที่คุณแชร์ ซึ่งบทความนี้ได้เราจะให้คำแนะนำทีละขั้นตอนสำหรับการกู้คืนรูปภาพหรือวิดีโอบน Instagram ของคุณที่สูญหายหรือถูกลบ

Instagram

วิธีกู้คืนรูปภาพและวิดีโอ Instagram ที่ถูกลบหรือสูญหาย 

สำหรับผู้ใช้งาน Instagram ตอนนี้คุณสามารถลบหรือ กู้คืนรูปภาพและวิดีโอ บน Instagram ของคุณอย่างถาวรได้อย่างง่ายดายจากโฟลเดอร์ที่เพิ่งลบล่าสุดไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ, วิดีโอ, วิดีโอ IGTV และเรื่องราวทั้งหมดที่คุณเลือกลบออกจากฟีดของคุณ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะถูกย้ายไปยังโฟลเดอร์ที่เพิ่งลบล่าสุด เพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกลบได้ในภายหลัง โดยมีขั้นตอนได้กู้คืนง่าย ๆ ดังนี้

  1. ติดตั้งหรืออัปเดต Instagram เวอร์ชันล่าสุดจาก Google Play หรือ App Store 
  2. เปิดแอป Instagram แล้วไปที่หน้าโปรไฟล์ส่วนตัวของคุณ
  3. แตะเมนูเส้นสามขีดที่มุมขวาบนและแตะไปที่เมนูการตั้งค่า 
  4. แตะไปที่มนูบัญชี จากนั้นเลื่อนหาเมนู “ลบล่าสุด” แล้วแตะมัน
  5. เนื้อหาที่ถูกลบล่าสุดของคุณจะแสดงบนหน้าจอโดยด้านซ้ายจะเป็นโพสต์ที่ถูกลบ และด้านขวาจะเป็นสตอรี่ที่ถูกลบ
  6. แตะที่โพสต์ที่คุณต้องการกู้คืน จากนั้นแตะที่ไอคอนสามจุดที่ด้านบนขวา แล้วแตะกู้คืน หากต้องการกู้คืนสตอรี่ให้แตะที่สตอรี่ที่คุณต้องการกู้คืน จากนั้นแตะที่ไอคอนสามจุดที่ด้านล่างขวา แล้วแตะกู้คืน นอกจากนี้คุณสามารถลบโพสต์อย่างถาวรได้ เพียงแค่แตะไปที่ลบ
  7. เพียงเท่านี้โพสต์/สตอรี่บน Instagram ที่ถูกลบของคุณก็จะถูกกู้คืน
Instagram

สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการกู้คืนรูปภาพ/วิดีโอ

อย่างไรก็ตาม คุณลักษณะกู้คืนเนื้อหาลบล่าสุดของ Instagram นี้มีของจำกัดที่คุณควรทราบคือ รูปภาพ วิดีโอ ม้วนฟิล์ม วิดีโอ IGTV และเรื่องราวที่คุณเลือกลบจะถูกลบออกจากบัญชีของคุณทันที และจะถูกย้ายไปยังโฟลเดอร์ที่เพิ่งลบล่าสุด ส่วนสตอรี่ Instagram ที่ถูกลบและไม่ได้อยู่ในไฟล์เก็บถาวรของคุณแต่จะอยู่ในโฟลเดอร์นานถึง 24 ชั่วโมง หากคุณไม่ทำการกู้คืน มันจะถูกลบโดยอัตโนมัติใน 30 วันต่อมา 

แล้วไฟล์เก็บถาวรอะไร? Instagram เปิดตัวฟีเจอร์ “เก็บโพสต์ถาวร” ในปี 2560 ซึ่งมันจะอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถซ่อนรูปภาพและเรื่องราวไม่ให้คนอื่นเห็นได้ และยังช่วยให้สามารถกู้คืนรูปภาพที่ ‘ลบ’ จากอัลบั้มเก็บถาวรได้ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว ความจริงแล้วมันคือที่จัดเก็บรูปภาพของคุณชั่วคราว หากคุณลบสิ่งใดออกจากโฟลเดอร์เก็บถาวรก็จะไม่สามารถรับประกันการกู้คืนรูปภาพของคุณได้ ดังนั้นคุณควรตรวจสอบในอัลบั้มเก็บถาวรสำหรับการกู้คืนเสียก่อน

Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

เว็บตรงฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ

Categories
News แนะนำแอปฯ

แนะนำ โปรแกรมป้องกันไวรัส ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Windows ที่คุณควรมีติดเครื่องไว้ 

โปรแกรมป้องกันไวรัส

คุณรู้หรือไม่? โปรแกรมป้องกันไวรัส มีความสำคัญต่อคอมพิวเตอร์ของคุณมาก เนื่องจากสิ่งที่อันตรายที่สุดสำหรับการใช้งานคอมพิวเตอร์ก็คือการติดไวรัส เพราะมันจะทำให้ข้อมูลที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นข้อมูลลับหรือข้อมูลทางด้านการเงินของคุณเสี่ยงที่จะถูกโจรกรรม ดังนั้นคอมพิวเตอร์ของคุณจึงต้องการมีการป้องกันมัลแวร์ และโปรแกรมป้องกันไวรัส

สำหรับใครที่ใช้งาน PC ด้วยระบบปฏิบัติการ Windows น่าจะทราบกันดีว่าโปรแกรมป้องกันไวรัส มีความสำคัญพอ ๆ กับแป้นพิมพ์และเมาส์ เนื่องจากทุกวันนี้หลายคนมักเก็บข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญไว้ในคอมพิวเตอร์ ซึ่งแน่นอนว่ามันมีความเสี่ยงสูงมาก หากคอมพิวเตอร์ของคุณไม่มีการป้องกันภัยคุกคามทางออนไลน์ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราค้นหาโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ซึ่งจะมีโปรแกรมตัวไหนบ้าง ติดตามได้ในบทความนี้เลยค่ะ

พื้นฐานในการเลือกใช้ โปรแกรมป้องกันไวรัส ที่คุณไม่ควรพลาด

ก่อนที่เราจะไปพบกับ โปรแกรมป้องกันไวรัส ที่ดีที่สุดสำหรับ Windows เรามาเรียนรู้กันก่อนมีดีกว่าเราควรเลือกใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสอย่างไรให้ PC ของคุณปลอดภัย ไม่ใช้ทรัพยากรระบบมากนัก ใช้งานง่าย และไม่เกะกะคุณ ซึ่งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่ดีที่สุดควรดูจากคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น การป้องกันมัลแวร์ ตรวจสอบการดาวน์โหลด และสังเกตกิจกรรมของระบบ เพื่อหาซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายและพฤติกรรมที่น่าสงสัย และนี่คือหลักการพื้นฐานในการเลือกใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสที่คุณไม่ควรมองข้าม

  • ประสิทธิผล : โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีจะต้องสแกนไวรัสเพื่อหาไวรัสและมัลแวร์ที่รู้จัก และสามารถให้การป้องกันแบบเรียลไทม์ และคอยดูเว็บไซต์และลิงก์ที่น่าสงสัยเพื่อไม่ให้คอมพิวเตอร์ของคุณมีปัญหา นอกจากนี้ต้องสามารถระบุภัยคุกคามออนไลน์ที่ไม่รู้จักได้และติดตามพฤติกรรมที่ไม่คาดคิดซึ่งอาจเป็นสัญญาณของไวรัสและมัลแวร์ใหม่ที่ยังไม่ได้ระบุ
  • ทรัพยากร PC ของคุณ : ถ้าหากหลังจากที่คุณติดตั้งโปรแกรมแล้วเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ เช่น เว็บไซต์เปิดช้า ดาวน์โหลดแอปหรือเปิดอย่างเชื่องช้า หรือการคัดลอกไฟล์ใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ คุณอาจจำเป็นต้องลองมองหาโปรแกรมป้องกันไวรัสตัวใหม่ ซึ่งคุณสามารถเลือกจากโปรแกรมที่เรานำมาแนะนำในบทความนี้ได้ 
  • ค่าใช้จ่ายและส่วนลด : อย่าเพิ่งรีบจ่ายเงิน เพื่อซื้อโปรแกรมป้องกันไวรัส เพราะก่อนคุณจะซื้อให้ตรวจสอบส่วนลดบนเว็บไซต์ของบริษัทก่อน เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ซึ่งบางเว็บไซต์ที่จำหน่ายโปรแกรมเหล่านี้มักมีส่วนลดสำหรับลูกค้า
  • ความเป็นส่วนตัว : เพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพสูงสุด คุณควรตรวจสอบถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับ PC ของคุณ นั่นคือคุณควรอ่านคำชี้แจงสิทธิส่วนบุคคลของโปรแกรมเหล่านั้นก่อน เพื่อเรียนรู้ว่าโปรแกรมนั้นจะทำอะไรกับข้อมูลที่คุณแบ่งปันบ้าง 

โปรแกรมป้องกันไวรัสฟรีที่คุณควรมีติดเครื่องไว้

หากคุณกำลังมองหา โปรแกรมป้องกันไวรัส ป้องกันมัลแวร์ หรือการตรวจจับไวรัสที่ดีที่สุด แถมยัง ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย นี่คือสิ่งที่คุณกำลังมองหา 

  • Microsoft Defender
โปรแกรมป้องกันไวรัส

มาเริ่มต้นกันด้วยโปรแกรมป้องกันไวรัสฟรีที่ติดตั้งใน Windows 10 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อดูแลซอฟต์แวร์ของคุณในทันสมัยอยู่เสมอ ช่วยป้องกัน และลบสปายแวร์ทิ้ง คุณสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีจาก Zero-Day และ Ransomware ได้ ด้วยซอฟต์แวร์ Microsoft Defender Antivirus ฟรีที่ทำงานบน Windows 10 และเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องกำหนดการตั้งค่าเอง และโซลูชันป้องกันไวรัสนี้จะครอบคลุมพื้นฐานของความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต ด้วยความที่ Microsoft ผลักดันการอัปเดตใหม่ ๆ บ่อยครั้ง Defender จึงให้คุณปรับระดับการป้องกันที่คุณต้องการได้ และคุณยังสามารถควบคุมการบล็อกแอปที่ไม่ต้องการได้

  • Bitdefender Antivirus
โปรแกรมป้องกันไวรัส

หากคุณต้องการเพิ่มความปลอดภัยให้กับ PC ของคุณ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย Bitdefender เวอร์ชันฟรีสำหรับ Windows 10, MacOS, Android, iOS ถือเป็นตัวเลือกที่ดีอีกตัวเลือกหนึ่ง ที่ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องความปลอดภัยในกับ Windows พร้อมการตรวจสอบแบบเรียลไทม์สำหรับการป้องกันไวรัส มัลแวร์ สปายแวร์ และแรนซัมแวร์ Bitdefender Antivirus นั้นง่ายต่อการติดตั้งและใช้งานง่าย ที่สำคัญโปรแกรมนี้ได้รับคะแนนสูงสุดอย่างสม่ำเสมอสำหรับการป้องกันไวรัสและความสามารถในการใช้งานจาก AV-Test.

  • Sophos Home
โปรแกรมป้องกันไวรัส

Sophos Home เวอร์ชันฟรีสำหรับ Windows, MacOS เป็นโปรแกรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไวรัส มีระบบดูแลและป้องกันการใช้งานทางอินเทอร์เน็ต และการท่องเว็บไซต์ต่าง ๆ ด้วยฟังก์ชันการกรอง (Web Filtering) มีระบบตรวจจับและป้องกันมัลแวร์อัตโนมัติแบบเรียลไทม์ โดยใช้เครื่องมือป้องกันมัลแวร์ที่ได้คะแนนสูงของบริษัท พร้อมกับเครื่องมือกำจัดมัลแวร์ของบริษัทที่ให้ทดลองใช้งาน 30 วัน ซึ่งสามารถสมัครสมาชิกรายปีได้ในราคา 1,460 บาท และสามารถครอบคลุม PC ได้ถึง 10 เครื่อง

Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

สล็อตออนไลน์ ฝาก-ถอนไม่มีขั้นต่ำ

Categories
สอนใช้ แนะนำแอปฯ

FaceTime เพิ่มฟีเจอร์ SharePlay ใหม่ให้ผู้ใช้ iPhone ใน iOS 15

FaceTime

เมื่อเดือนมิถุนายน 2021 Apple ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของแอป FaceTime วิดีโอแชทบนอุปกรณ์ของ Apple ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นการอัปเกรดคุณสมบัติที่มาพร้อมกับซอฟต์แวร์รุ่นเบต้าสาธารณะ iOS 15 ที่คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในเกิดกันยายนของปีนี้ พร้อมกับการเปิดตัว iPhone 13 เช่นกัน 

การอัปเกรดคุณสมบัติใหม่ที่ยอดเยี่ยมครั้งนี้คือ FaceTime ได้มีการเพิ่มฟีเจอร์ SharePlay ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ iPhone สามารถสตรีมวิดีโอเสมือนจริงผ่านหน้าจออุปกรณ์อื่น ๆ ได้ หรือสามารถแชร์หน้าจอให้กับเพื่อน ๆ บนอุปกรณ์ iPhone ร่วมกันได้ ซึ่งเหมาะสำหรับสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างมาก เช่น หากคุณต้องการจัดปาร์ตี้แต่รู้สึกไม่สบายใจเมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชน เนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 ยังคงน่าเป็นห่วง ฟีเจอร์ SharePlay ของ FaceTime จึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะช่วยให้คุณจัดปาร์ตี้กับเพื่อนได้ แม้จะอยู่ห่างไกลกัน

ในขณะนี้ฟีเจอร์ SharePlay ยังมีฟังก์ชันการทำงานที่จำกัด เนื่องจากระบบปฏิบัติการ iOS 15 ยังไม่ถูกเปิดตัวให้ใช้งานได้อย่างเป็นทางการ แต่ก็ไม่นานเกินรอ SharePlay ก็จะพร้อมใช้งานร่วมกันได้ทั้งหมดบน iPhone นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ SharePlay เพื่อแชร์เพลง หรือแชร์ทั้งหน้าจอ iPhone ของคุณให้กับเพื่อน ๆ ได้ ซึ่งบทความนี้จะพูดถึงวิธีการใช้งาน FaceTime SharePlay สำหรับการสตรีมภาพยนตร์และเพลง 

วิธีใช้ FaceTime SharePlay สำหรับการสตรีมภาพยนตร์และเพลง

สำหรับการเข้าร่วมการสตรีมภาพยนตร์หรือรายการทีวีบน FaceTime นั้นใช้งานได้ง่ายมาก ๆ ด้วยฟีเจอร์ SharePlay โดยเนื้อหาจะซิงค์ระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ และอนุญาตให้อุปกรณ์ทั้ง 2 ฝ่ายเข้าถึงการควบคุมได้ และคุณยังจะได้เห็นและได้ยินเสียงซึ่งกันและกันแบบภาพซ้อนภาพขณะรับชม ในปัจจุบันมีบริการสตรีมมิ่งที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ Apple สำหรับการใช้งาน SharePlay แล้ว ได้แก่ Hulu, HBO Max, TikTok และ ESPN Plus อย่างไรก็ตามคุณควรทราบก่อนว่าการใช้งาน SharePlay ทั้ง 2 ฝ่ายต้องใช้ FaceTime บนอุปกรณ์ของ Apple iOS 15 , iPadOS 15หรือ MacOS เท่านั้น และคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมอีกประการของ SharePlay คือคุณสามารถแชร์วิดีโอส่งไปยัง Apple TV ของคุณในขณะที่ยังคงโทรแบบ FaceTime บน iPhone ของคุณได้ 

นอกจากฟีเจอร์ SharePlay จะสามารถใช้สตรีมภาพยนตร์หรือรายการทีวีแล้ว คุณยังสามารถใช้ SharePlay เพื่อฟังเพลงใหม่ ๆ ได้ทั้งอัลบั้มระหว่าง FaceTime เมื่อแชร์เพลงทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถเข้าถึงการควบคุมเพื่อหยุดชั่วคราว เล่นเพลง หรือข้ามเพลงใน SharePlayได้ นอกจากนี้คุณยังสามารถให้ข้อมูลกับเพลย์ลิสต์ที่แชร์ได้ด้วยการเพิ่มเพลงลงในคิวภายในแอป Apple Music

วิธีใช้ FaceTime SharePlay สำหรับการสตรีมภาพยนตร์

  1. เริ่มต้นการโทรแบบ FaceTime บน iPhone ของคุณ
  2. เปิดแอปสตรีมมิ่งและเลือกรายการหรือภาพยนตร์ที่ต้องการรับชม
  3. กด Play จากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายก็สามารถรับชมสตรีมเดียวกันได้ในคราวเดียว
FaceTime

วิธีใช้ FaceTime SharePlay สำหรับการสตรีมเพลง

  1. เริ่มต้นการโทรแบบ FaceTime บน iPhone ของคุณ
  2. เปิดแอป Apple Music แล้วเลือกเพลงที่ต้องการฟัง
  3. กด Play แล้วเพลงจะเริ่มเล่นจากทั้ง 2 เครื่องพร้อมกัน
FaceTime

ข้อเสียของ SharePlay ที่คุณควรรู้

ตอนนี้ข้อเสียของ FaceTime สำหรับการใช้ฟีเจอร์ SharePlay คือ ปัญหาการสมัครสมาชิกบริการสตรีมมิ่ง เนื่องจากหนึ่งบริการสตรีมมิ่งยอดนิยมอย่าง Netflix ไม่ได้อยู่ในรายการที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ Apple ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญเช่นเดียวกับ YouTube และ Spotify ที่ยังรอเวลาให้ iOS 15 เปิดตัวอย่างเป็นทางการก่อน ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายน แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้นักพัฒนาสามารถเข้าถึง iOS 15 เวอร์ชันเบต้าได้ก่อนใคร พื่อให้พวกเขาสามารถเพิ่ม SharePlay API ลงในแอปที่เกี่ยวข้องได้ในระหว่างนี้ นอกจากนี้หากคู่สนทนาของคุณต้องการแชร์เล่นวิดีโอ TikTok และคุณไม่ได้ติดตั้งแอป TikTok คุณก็จะไม่สามารถดูวิดีโอผ่าน FaceTime ได้

Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

โจ๊ก เกอร์ 123 ฝากถอน ไม่มี ขั้น ต่ํา

Categories
สอนใช้ แนะนำแอปฯ

Facebook เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขาในกลุ่ม

Facebook

เมื่อไม่นานมานี้ Facebook เครือข่ายโซเชียลมีเดียที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก ได้มีการประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ได้รับการคออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญ “โดดเด่น” ในการอภิปรายความรู้เกี่ยวกับสาขาความเชี่ยวชาญของตนภายในกลุ่ม Facebook โดยผู้ดูแลกลุ่มมีสิทธิ์ที่จะมอบชื่อด้านความเชี่ยวชาญให้กับสมาชิกเกือบทุกคนที่ต้องการได้ นอกจากนี้กลุ่มที่ส่งเสริมทฤษฎีสมคบคิดหรือมุมมองที่ไม่เหมาะสมอาจสามารถกำหนด “ผู้เชี่ยวชาญ” ได้เช่นกัน

ยกตัวอย่าง กลุ่ม Facebook ที่ได้ใช้ฟีเจอร์ใหม่นี้โดยการมีเคลื่อนไหวตลอดเวลา เช่น QAnon , กลุ่มต่อต้านการฉีดวัคซีนและกลุ่มการเมืองที่ถกเถียงกันทำให้เกิดการแพร่กระจายข้อมูลที่ผิด ซึ่งเมื่อต้นปีนี้ Facebook ได้มีนโยบายลบกลุ่มที่แพร่กระจายข้อมูลที่ทำให้ผู้คนตัดสินใจไม่เข้ารับการฉีดวัคซีน และหยุดแนะนำกลุ่มการเมืองให้กับสมาชิกใหม่ อย่างไรก็ตาม โฆษกของ Facebook ได้กล่าวว่า ฟีเจอร์ใหม่นี้เป็นเพียงการทดลองแบบจำกัด เนื่องจากจะมีการเริ่มต้นใช้ได้เฉพาะบางกลุ่มในชุมชน Facebook เท่านั้น โดยกลุ่มต่าง ๆ ต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานของชุมชน หากกรณีสมาชิกในกลุ่มได้รับการรายงาน มากกว่า 3 ครั้งในช่วง 90 วันที่ผ่านมา เนื่องจากการละเมิดมาตรฐานของชุมชน สมาชิกนั้นจะไม่ได้รับสิทธิ์ถูกระบุว่าเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” ได้

ฟีเจอร์ผู้เชี่ยวชาญของ Facebook จะช่วยเพิ่มบทบาทให้แก่สมาชิกภายในกลุ่ม

สำหรับฟีเจอร์ใหม่นี้ Facebook ได้กล่าวว่ามันเป็นวิธีการส่งเสริมเสียงสมาชิกที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขาภายในกลุ่มอย่างแท้ โดย Maria Smith ผู้บริหารของเฟซบุ๊ก ได้เขียนไว้ในบล็อกโพสต์ว่า “ตอนนี้ผู้ดูแลระบบสามารถเลือกสมาชิกเฉพาะในกลุ่มชุมชนของพวกเขาที่มีความโดดเด่นออกมาแสดงความสามารถ ทำให้พวกเขามีบทบาทที่มีความหมายมากขึ้น” นอกจากนี้เธอยังกล่าวเสริมอีกว่า “ผู้ดูแลระบบสามารถทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของกลุ่มได้ เพื่อโฮสต์ถาม&ตอบ แบ่งปันมุมมองในแต่ละหัวข้อและร่วมกันตอบคำถาม”

Facebook

ซึ่งผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้เชี่ยวชาญสามารถเลือกยอมรับหรือปฏิเสธคำเชิญจากผู้ดูแลระบบได้ หากพวกเขายอมรับ พวกเขาก็จะได้รับเหรียญตราข้างชื่อของพวกเขา ในปัจจุบันบรรดากลุ่มที่ใช้งานบน Facebook มีผู้ดูแลระบบประมาณ 70 ล้านคน ซึ่ง Facebook ยังคงกำลังทดลองวิธีที่จะทำให้ผู้ดูแลกลุ่มสามารถค้นหาผู้เชี่ยวชาญได้อย่างแท้จริงในแต่ละหัวข้อเพื่อเชิญเข้าร่วมกลุ่มของตน โดยเฉพาะในกลุ่มฟิตเนสและเกมที่พวกเขาสามารถระบุสิ่งที่เชี่ยวชาญได้ เช่น ชื่อเกมที่เชี่ยวชาญ ซึ่งทำให้ผู้ดูแลระบบกลุ่มสามารถค้นหาผู้เชี่ยวชาญได้ง่ายขึ้น

บทวิเคราะห์เกี่ยวกับฟีเจอร์ผู้เชี่ยวชาญ

อลิสแตร์ โคลแมน นักวิจัยจากสำนักวิจัย BBC Monitoring ได้กล่าวว่า Facebook เป็นอีกหนึ่งบริการเครือข่ายสังคมที่ช่วยขับเคลื่อนการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ การเลี้ยงดู การเมือง และปัญหาในท้องถิ่น ถึงแม้ว่าแผนการของ Facebook ที่อนุญาตให้ผู้ดูแลระบบกลุ่มสามารถแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญได้ในครั้งนี้จะดูดึงดูดความสนใจในด้านวิธีการนำเสนอเนื้อหาที่มีความน่าเชื่อถือมาสู่ผู้ใช้ แต่ก็ยังมีคำถามที่ต้องการคำตอบจากหลายคนว่าผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นมีความน่าเชื่อถืออย่างแท้จริงหรือไม่ 

ซึ่งการประกาศของ Facebook ในครั้งนี้ไม่ได้บ่งชี้ถึงกระบวนการตรวจสอบสำหรับการแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญอย่างชัดเจนมากนัก โดยสมาชิกแต่ละกลุ่มสามารถตั้งค่าสถานะความเชี่ยวชาญของตนได้ และคาดหวังว่าจะได้รับคำเชิญจากผู้ดูแลกลุ่ม ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าผู้ดูแลกลุ่มนั้นถือเป็นผู้ชี้ขาดคนสุดท้ายว่าใครจะสามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ หากผู้ดูแลกลุ่มแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจจริง ๆ อาจทำให้เกิดการนำเสนอเนื้อหาแบบผิด ๆ ได้ ดังนั้นก่อนการแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญผู้ดูแลกลุ่มต้องพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งให้แน่ใจก่อนว่าพวกเขาเหล่านั้นมีความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง

Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

สล็อตออนไลน์ ฝาก-ถอนไม่มีขั้นต่ำ

Categories
News แนะนำแอปฯ

เจ้าของเสียง Siri ใน iPhone คือใคร?

ตั้งแต่สมาร์ทโฟนได้พัฒนามาถึงจุดที่สามารถใช้คำสั่งผ่านเสียงผู้ใช้สมาร์ทโฟน ของระบบปฎิบัติการต่าง ๆ เช่น iOS และ Android ผ่านการพูดออกไป ตามภาษาของของแต่ละประเทศ แต่เราเองก็ไม่เคยรู้เหมือนกันว่าเสียงที่ตอบสนองจากระบบปฎิบัติการนั้น จริง ๆ แล้วคือเสียงของใคร เสียงที่ผ่านการสังเคราะห์มาผ่านกระบวนการทางคอมพิวเตอร์ หรือเสียงจากมนุษย์จริง ๆ กันแน่ เพราะว่าการออกเสียงบางทีก็ชวนให้งงไม่ใช่เล่น ๆ โดยเฉพาะเสียงของแอประบบนำทางต่าง ๆ แต่เราเองก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เช่นกันว่า เทคโนโลยีเหล่านี้หลังจากการพัฒนาอย่างไม่เคยหยุด มันก็ช่วยให้ชีวิตคนเราง่ายขึ้นจริง ๆ ในทุก ๆ กิจกรรมที่ทำในขณะเร่งรีบ เช่น การขับรถยนต์ ขี่มอเตอร์ไซค์นั่นเอง หรือ อยู่บนยานพาหนะทางน้ำ

เจ้าของเสียง Siri ใน iPhone
หน้าจอขณะเรียกใช้งานสิริ

ถ้าหากเราอยากรู้ ว่า siri ที่เราใช้งานกันทุกวันนั้นจริง ๆ แล้วเป็นเสียงของใคร เท่าที่เราได้ทำการค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งข่าวต่าง ๆ ก็พบว่าจริง ๆ แล้ว คือ เสียงของ Susan Bennett (ซูซาน เบนเน็ต) เพราะเธอได้เป็นคนออกมายอมรับเองเมื่อปี 2013 ว่าเธอเป็นเจ้าของเสียง Siri ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ

ซูซาน เบนเน็ต หรือ ซูซาน อลิซเบนเน็ต เป็นศิลปินเสียง ชาวอเมริกัน และเคยเป็นอดีตนักร้องของวงดนตรีอย่าง Roy Orbison (รอย ออร์บิสัน) เจ้าของเพลงดัง อย่าง Oh, Pretty Woman, Crying และ Domino รวมไปถึง Burt Bacharat (เบิร์ต แบแคแร็ค) ศิลปินและนักแต่งเพลงชาวอเมริกันช่วงยุค ค.ศ. 1960 – 1980

เจ้าของเสียง Siri ใน iPhone
Susan Bennett (ซูซาน เบนเน็ต)

เธอเริ่มต้นอาชีพที่เกี่ยวกับการใช้เสียงครั้งแรกในปี ค.ศ. 1974 โดยการบันทึกเสียงให้กับ ธนาคารแห่งชาติแห่งแรกของแอตแลนต้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Tillie the all-time Teller” นอกจากนั้นเสียงของเธอยังถูกบันทึกเป็นข้อความสำหรับ ระบบเสียงประกาศสาธารณะ ในอาคารผู้โดยสาร Delta Airline (เดลต้า แอร์ไลน์) ทั่วโลกรวมถึง ซอฟแวร์ E-Learning (อี-เลินนิ่ง), ซอฟต์แวร์นำทางระบบ จีพีเอส และระบบโทรศัพท์

เจ้าของเสียง Siri ใน iPhone
ตู้ ATM ของธนาคารแห่งชาติแอตแลนต้า ที่ใช้เสียงของซูซาน เบนเน็ต หรือ Tillie the All-time teller

เสียงของเธอยังถูกนำมา ใช้ในโฆษณาโทรทัศน์ท้องถิ่นและระดับชาติต่าง ๆ อีกมากมาย เช่น Ford (ฟอร์ด), Coca-Cola (โคคา-โคล่า), Cartoon Network (การ์ตูน เน็ตเวิร์ค) และ McDonald’s (แม็คโดนัลด์) เป็นต้น โดยตัวเธอเองในวัย 70 ปี ต่างเป็นที่รู้จักกันดีอย่างมากในการเป็นเสียงของผู้หญิงอเมริกันของ บริษัท แอปเปิ้ล ในชื่อ Siri (สิริ) ตั้งแต่บริการได้รับการแนะนำเป็นครั้งแรกบน iPhone 4S เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ในปี ค.ศ. 2011 โดยที่ ซูซาน เบนเน็ต เป็นเสียงของผู้ช่วยเสมือน ของ บริษัท แอปเปิ้ล จนกระทั่งการอัปเดต ของ iOS 7 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 เมษายน ปี ค.ศ. 2013

แล้วเจ้าของเสียง Siri ภาษาไทยล่ะ คือใครกันเหรอ?

จากการค้นคว้าข้อมูลขั้นเบื้องต้นพบว่าแท้จริง เสียงของ Siri บน iDevice ของบริษัทแอปเปิ้ลนั้นก็คือระบบเสียงของ Kanya (กัญญา) ซึ่งเป็นระบบเสียงภาษาไทยที่ถูกนำมาใช้ในระบบปฎิบัติการ iOS 7 ขึ้นไป แต่ถ้าเกิดว่าเป็นระบบปฎิบัติการก่อนหน้านี้ก็คือ ระบบเสียงที่มีชื่อเรียกว่า Narisa (นาริสา) นั่นเอง

แต่ระบบเสียงของ Kanya (กัญญา) ใน Siri นั้นแท้จริงแล้วก็มีการอัดเสียงจากผู้ให้เสียงที่เป็นผู้หญิงชาวไทยเรานี่เองโดยผู้ที่เป็นคนให้เสียงนั้นก็คือ คุณปุ๊ก

เจ้าของเสียง Siri ใน iPhone
โฉมหน้าที่แท้จริง เจ้าของระบบเสียง Kanya (กัญญา) ให้เสียงโดยคุณปุ๊กนั่นเอง

ก็ถือว่าบทความนี้นั้นก็ช่วยแก้ความสงสัยที่หลาย ๆ คนอาจจะอยากรู้กันมานานว่าแท้จริงระบบเสียงต่าง ๆ มีกระบวนการ ขั้นตอน และความเป็นมาอย่างไร เพราะเทคโนโลยีต่าง ๆ ไม่เคยหยุดการพัฒนา เรื่องเหล่านี้เลยกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวพอสมควร อย่างปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ

 

https://soundcloud.com/futuretalk95/the-story-behind-siri-with-the-original-voice-of-siri-susan-bennett-070720

https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9620000082749

https://thefinanser.com/2014/01/siri-once-worked-for-a-bank.html/

https://www.108blog.net/who-is-kanya-thai-voice-of-siri/https://www.108blog.net/who-is-kanya-thai-voice-of-siri

เว็บบาคาร่าฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
News สอนใช้ แนะนำแอปฯ

Google ประกาศเปิดตัว Chrome 90 ฟังก์ชันที่อนุญาตให้เบราว์เซอร์เชื่อมต่อกับเวอร์ชัน HTTPS ของ URL

Chrome 90

เมื่อไม่นานมานี้ Google ได้เปิดตัว Chrome 90 เวอร์ชันเสถียรที่ให้ความสำคัญกับการใช้การเชื่อมต่อที่เข้ารหัสไปยังเว็บไซต์ คุณลักษณะที่น่าสนใจที่สุดของ Chrome 90 ช่วยให้ผู้ใช้สร้างลิงก์ที่ระบุข้อความที่เลือกและสนับสนุนตัวแปลงสัญญาณโอเพนซอร์สโดยการปรับให้เหมาะกับการประชุมทางวิดีโอ 

เนื่องจาก Chrome มีการอัปเดตเบื้องหลัง ผู้ใช้ส่วนใหญ่จึงรีเฟรชได้โดยเปิดเบราว์เซอร์ใหม่ หากต้องการอัปเดตด้วยตนเองให้เลือก “เกี่ยวกับ Google Chrome” จากเมนูความช่วยเหลือใต้ไอคอนสามจุดที่ด้านขวาบน แท็บผลลัพธ์จะแสดงว่าเบราว์เซอร์ได้รับการอัปเดตหรือแสดงขั้นตอนการดาวน์โหลดก่อนที่จะนำเสนอปุ่มเปิดใหม่ ผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้ Chrome สามารถดาวน์โหลด Chrome 90  สำหรับ Windows, macOS และ Linux ได้โดยตรง สำหรับเบราว์เซอร์ Android และ iOS สามารถดาวน์โหลด Chrome 90 ได้ที่ Google Play และ App Store 

สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Google Chrome 90

Chrome 90 เป็นเวอร์ชันที่ฟังก์ชันอนุญาตให้เบราว์เซอร์เชื่อมต่อกับเวอร์ชัน HTTPS ของ URL ของเว็บไซต์ที่แสดงในแถบที่อยู่ โดยเบราว์เซอร์จะนำทางไปยังเว็บไซต์เป้าหมายโดยใช้ HTTPS ซึ่งคุณลักษณะนี้จะช่วยปรับปรุงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ที่รองรับโปรโตคอล ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้ต้องการเข้าเว็บ world.com ในแถบที่อยู่ของ Chrome เบราว์เซอร์จะถือว่าที่อยู่เป็นแบบค่าเริ่มต้น นั่นคือ https://world.com และหากเข้าถึงเว็บไซต์แล้วมีปัญหาในการเปิดก็จะเปลี่ยนกลับเป็น https://world.com

นอกเหนือจากประโยชน์ต่อความปลอดภัยในการท่องเว็บของผู้ใช้แล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงค่าเริ่มต้นของ Chrome ที่ Google อ้างว่าส่งผลให้ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ปลายทางเริ่มต้นเร็วขึ้น Shweta Panditrao และ Mustafa Emre Acer สมาชิกของทีม Chrome ได้เขียนในบล็อก Chromium ว่า “Chrome 90 จะเชื่อมต่อโดยตรงกับปลายทาง HTTPS โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทางจาก http: //ไปยัง https: // ” สำหรับ Chrome บน Desktop และ Chrome บน Android จะได้รับกาตั้งค่าเริ่มต้น HTTPS ใหม่ใน Chrome 90 แต่การอัปเดตสำหรับผู้ใช้ iOS Chrome จะตามมา “หลังจากเปิดตัวเวอร์ชัน 90” ในไม่ช้านักพัฒนา Chrome ทั้งสองกล่าว

Google Chrome 90 มุ่งเน้นการเชื่อมโยง

Chrome 90 ยังมีคุณลักษณะใหม่ที่สามารถสร้างลิงก์ที่เน้นความสนใจของผู้รับไปที่ตัวอย่างข้อความหรือส่วนเฉพาะของหน้าที่เชื่อมโยง เรียกว่า “link to highlight” โดย Google คุณลักษณะนี้จะจำลองฟังก์ชันของส่วนเสริมที่ Google สร้างขึ้น “ลิงก์ไปยังส่วนข้อความ” เมื่อเปิดใช้งานไฮไลต์ผู้ใช้ที่เลือกข้อความบนหน้าเว็บและคลิกขวาที่ตัวเลือกนั้นและเลือกคัดลอกลิงก์ เพื่อไฮไลต์จากเมนูป๊อปอัป ช่วยให้สามารถวางลิงก์ผลลัพธ์ในที่อยู่อีเมลหรือเอกสารได้

เมื่อผู้รับคลิกลิงก์นั้นพวกเขาจะไม่เพียงแค่ไปยัง URL ที่ต้องการเท่านั้น แต่ยังถูกนำไปยังตำแหน่งที่ไฮไลต์ไว้ก่อนหน้านี้ในหน้านั้นด้วยข้อความที่ไฮไลต์ ซึ่งจะถูกไฮไลต์ด้วยสีเหลือง ตามข้อมูลจาก Google ลิงก์สำหรับไฮไลต์ “กำลังเปิดตัวบน Desktop และบน Android ส่วน iOS ก็กำลังจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้

หากผู้ใช้ Chrome ใจร้อนเกินไปที่จะรอให้ Google เปิดใช้งานคุณลักษณะนี้ ผู้ใช้สามารถทำได้ด้วยตัวเองโดยป้อน chrome://flags ในแถบที่อยู่แล้วกด Enter หรือ Return จากนั้นค้นหา “copy link to text” เปลี่ยนโหมดทางด้านขวาเป็นเปิดใช้งานและเปิดเบราว์เซอร์ใหม่

Chrome 90

ตัวแปลงสัญญาณใหม่สำหรับการสนทนาทางวิดีโอและการประชุมทางวิดีโอ

Chrome 90 รองรับตัวแปลงสัญญาณ AV1 ซึ่งเป็นรูปแบบโอเพ่นซอร์สที่ถูกส่งเสริมโดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีชื่อที่ใหญ่ที่สุดในด้านเทคโนโลยีตั้งแต่ Facebook ไปจนถึง Google Apple จนถึง Microsoft AV1 ได้รับการออกแบบให้เป็นทางเลือกที่ปลอดค่าลิขสิทธิ์สำหรับตัวแปลงสัญญาณเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับมาตรฐาน WebRTC สำหรับ Desktop ได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการบีบอัด ซึ่งจะช่วยลดการใช้แบนด์วิดท์ และเพิ่มคุณภาพของภาพรวมทั้งในการแชร์หน้าจอ Google อ้างว่า การเพิ่มตัวเข้ารหัสวิดีโอ AV1 ช่วยให้ผู้ใช้ที่มีการเชื่อมต่อแบนด์วิดท์ต่ำมาก ซึ่งได้รับการปรับให้เหมาะสมเป็นพิเศษสำหรับใช้ในการประชุมทางวิดีโอตามโปรโตคอล WebRTC

นอกจากนี้ Chrome 90 ยังมีคุณสมบัติเพิ่มเติมที่ Google ได้นำเสนอ นั่นคือ มุมมองภาพขนาดย่อของหน้าเอกสารเมื่ออ่าน PDF ในเบราว์เซอร์, วิธีติดป้ายกำกับหน้าต่างของ Chrome เพื่อให้ระบุตัวตนได้ง่ายขึ้นเมื่อย้ายแท็บระหว่างหน้าต่าง และการปิดการแจ้งเตือน เมื่อเบราว์เซอร์แชร์หน้าจอ ส่วนการอัปเกรดครั้งต่อไปของ Chrome จะเป็น Chrome 91 ในวันที่ 25 พฤษภาคม

Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี,สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

สล็อตฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา วอเลท

Categories
แนะนำแอปฯ

Apple เตรียมดำเนินการสร้าง Apple TV ใหม่พร้อมกล้องและลำโพงในตัว

บริษัท Apple เป็นบริษัทในที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์เทคโนโลยีอัจฉริยะมากมาย ซึ่งอุปกรณ์ใหม่ ๆ นั้นมีหลากหลายและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อไม่นานมานี้มีข่าวลือว่า Apple กำลังดำเนินการพัฒนาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่จะรวมเข้ากับกล่องรับสัญญาณ Apple TV อย่างลำโพง HomePod และกล้องสำหรับการประชุมทางวิดีโอผ่านทีวีที่เชื่อมต่อพร้อมฟังก์ชั่นสมาร์ทโฮมอื่น ๆ ตามที่คุณคุ้นเคย แต่จะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง? วันนี้ผู้เขียนก็ได้รวบรวมข้อมูลมาฝากทุกคนแล้วค่ะ ตามมาดูกันเลยค่ะ

Apple TV

Apple TV คืออะไร?

Apple TV เป็นเครื่องเล่นสื่อแบบสตรีมมิ่งผลิตภัณฑ์จาก Apple ที่ใช้เนื้อหาจากอินเทอร์เน็ตและแสดงบนทีวีของคุณ Apple TV มีลักษณะเป็นกล่องเล็ก ๆ สีดำ โดยมีอุปกรณ์เสริมเป็น Remote ที่ใช้ระบบสัมผัสในการตอบโต้ Apple TV มี 2 รุ่น นั่นคือ รุ่น Apple TV 4K สามารถรองรับวิดีโอ 4K Ultra HD และ HDR ในขณะที่รุ่น Apple TV HD สามารถรองรับ 1080p HD นอกจากนี้รุ่น 4K ยังมีข้อกำหนดทางเทคนิคระดับสูงสำหรับระบบไร้สายอีเธอร์เน็ตและอื่น ๆ อีกด้วย

ส่วนตัวแอพ Apple TV จะถูกติดตั้งมากับทุกอุปกรณ์ของ Apple ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad หรือตัวอุปกรณ์ Apple TV เองก็มีเช่นกัน เป็น Application ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานสามารถเลือก ซื้อ เช่า และรับชมภาพยนต์ และดูรายการต่าง ๆ ได้ ครบจบภายในแอพเดียว นอกจากนี้ Apple TV

อีกทั้งยังมีบริการ Apple TV+ (Plus) เป็นส่วนหนึ่งของแอพพลิเคชั่นซึ่งบริการ Apple TV+ นั้นจะเป็นแผนการอัพเกรดบริการของ Apple TV ในการเข้าถึงการสตรีมรายการและภาพยนตร์ Apple Original ที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์พิเศษโดยมีค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือน โดย Apple TV มีคอนเทนต์ที่น่าสนใจใหม่ ๆ มากมาย ให้คุณได้ลองใช้งาน ดังนี้ 

  • การดูวิดีโอสตรีมมิ่ง : นอกเหนือจากตัวเลือกวิดีโอดิจิทัลของ Apple แล้วอุปกรณ์ยังรองรับผู้ให้บริการความบันเทิงชั้นนำอื่น ๆ เช่น Netflix, Amazon Video, Hulu, HBO GO / HBO NOW, WatchESPN, PBS, YouTube และอื่น ๆ 
  • ฟังสตรีมเสียง : Apple TV รองรับ Apple Music และยังมีแอพ Pandora และ Sirius XM ในตัว สำหรับบริการเพลงอื่น ๆ เช่น Spotify 
  • เล่นเกม : Apple TV เชื่อมต่อกับ App Store ที่มีเกมมากมายให้คุณดาวน์โหลดลงในอุปกรณ์
  • ใช้แอพเบ็ดเตล็ด : เช่นเดียวกับการเล่นเกม App Store มีแอพประเภทอื่น ๆ มากมายเช่น โซเชียลมีเดีย การแชร์รูปภาพ สื่อการช็อปปิ้ง สภาพอากาศ และอื่นๆ อีกมากมาย ใน App Store
Apple TV

ช่วงเริ่มต้นของการสร้างอุปกรณ์ Apple TV ใหม่ที่มีกล้องและลำโพงในตัว

Apple กำลังอยู่ให้ช่วงเริ่มต้นของการสร้างอุปกรณ์ Apple TV ใหม่ที่มีกล้องและลำโพงในตัว โดยการรวมความสามารถอื่น ๆ ของอุปกรณ์ พร้อมกับฟังก์ชั่นกล่อง Apple TV มาตรฐาน เช่นการดูวิดีโอและเกม รวมถึงการใช้ลำโพงอัจฉริยะ เช่นการเล่นเพลงและการใช้ผู้ช่วยดิจิทัลอย่าง Siri ของ Apple อีกทั้งยังมีการเสริมกล้องสำหรับการประชุมทางวิดีโอผ่านทีวี แน่นอนว่าหาก Apple เปิดตัวในครั้งนี้จะแสดงให้เห็นถึงการนำเสนอฮาร์ดแวร์สมาร์ทโฮมที่ดีที่สุดของ Apple จนถึงปัจจุบัน

สำหรับกล้อง Apple TV จะสามารถเปิดใช้บริการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการโทรแบบ FaceTime ซึ่งมีอยู่แล้วใน Macs, iPhone และ iPads และช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถวิดีโอแชทผ่านทีวีได้ ซึ่งดูเหมือนว่าคุณสมบัติเหล่านี้ทัดเทียมเท่ากับ Amazon Fire TV Cube ซึ่งรองรับเว็บแคมสำหรับวิดีโอแชทได้ แต่ไม่มีกล้องของตัวเองหรือFacebook Portal TV ที่มีกล้องในตัว

ส่วนลำโพงของอุปกรณ์ Apple TV จะมีลักษณะคล้าย HomePod เพื่อใช่เล่นเพลงและพูดคุยกับ Siri แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Bloomberg ได้เตือนไว้ว่า Apple ยังสามารถตัดสินใจยกเลิกโครงการนี้ได้ ในขณะที่ Apple คาดว่าจะประกาศ Apple TV รุ่นใหม่ที่มีการควบคุมระยะไกลที่ดีขึ้นและมีหน่วยประมวลผลได้เร็วขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวภายในเดือนกันยายน ของปี 2021

Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี,สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

สล็อตฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
Featured แนะนำแอปฯ

แนะนำแอปพลิเคชัน ที่ควรมีติดเครื่องไว้ แล้วชีวิตของคุณจะง่ายขึ้น

แนะนำแอปพลิเคชัน

โลกในยุคปัจจุบันโทรศัพท์เข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตประจำวัน และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการใช้งานโทรศัพท์คือโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นมาด้วยภาษาเฉพาะด้าน เพื่อใช้สร้างเครื่องมือต่างๆมากมาย หรือเรียกง่ายๆว่าแอปพลิเคชัน ซึ่งแอปสมัยนี้มีหลากหลายไม่ว่าจะเป็นแอปเกี่ยวกับการสื่อสาร การขนส่ง ความบันเทิง การเดินทาง และสิ่งอำนวยความสะดวก ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการใช้ประโยชน์จากแอปอะไร แค่คุณเข้าไปค้นหาและดาวน์โหลดได้ที่ App Store (สำหรับ iOS) และ play store (สำหรับ android) เพียงเท่านี้คุณก็จะได้แอปที่คุณต้องการมาใช้แล้ว ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ทำให้การดำเนินชีวิตของคุณง่ายขึ้น ซึ่งวันนี้เราก็ได้รวบรวมแอปพลิเคชันที่น่าสนใจที่อาจช่วยทำให้การดำเนินชีวิตของคุณง่ายขึ้นมาก จะมีแอปอะไรบ้างมาเรามาดูกันเลยค่ะ

แอปพลิเคชันประจำปี 2020 ที่คุณไม่ควรพลาด

เทคโนโลยีได้เข้ามามีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้น โดยเฉพาะ Application ที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก และสร้างความบันเทิงให้กับคนเราได้เลือกมากมายหลายตัว ตามการใช้งานและความเหมาะสม ถือเป็นตัวช่วยที่น่าสนใจ เพียงแค่คุณเลือกโหลดแอปพลิเคชันก็ช่วยให้การทำงานของคุณง่ายขึ้น ส่วนจะมีแอปพลิเคชันอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย!!

แอปพลิเคชันโซเชียล

แอปพลิเคชันโซเชียล

การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญในการอยู่ร่วมกันในสังคม ดังนั้นแอปพลิเคชันโซเชียล ถือว่าจำเป็นอย่างมากในปัจจุบัน บางแอปช่วยให้โทรหากันง่ายขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเสียเงินเพิ่มด้วยซ้ำ หรือบางแอปก็เป็นตัวช่วยในการติดตามข่าวที่ไวกว่าการรอดูจากทีวีอีก จะมีแอปอะไรบ้างที่คุณชอบ ก็โหลดมาใช้กันได้เลย

  1. Facebook: เป็นที่มีครบทุกอย่าง ทั้งการติดต่อเพื่อน อัพเดทชีวิต ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นอัลบัม ติดตามข่าวสารสถานการณ์บ้านเมือง ไปจนถึงการซื้อ-การขายของ นอกจากยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกมากมาย สำหรับคนที่เป็นสายโซเชียล เชื่อว่าไม่พลาดแอปนี้แน่นอน ซึ่งสามารถโหลดแอปได้ทั้งแบบ Android และiOS 
  2. Messenger: แอปแชทสื่อสารชั้นนำจากทาง Facebook ที่ทำเป็นตัวแอปแยกออกมาอีกที เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น นอกจากจะพิมพ์แชทหากันได้แล้ว ยังสามารถโทรหรือวิดีโอคอลหากันได้อีกด้วย ซึ่งสามารถโหลดแอปได้ทั้งแบบ Android และiOS
  3. Line: ไลน์คือสุดยอดแอปสื่อสาร ทั้งข้อความ ภาพ และเสียง ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในไทย นอกจากจะเอาไว้แชทคุยกันได้แล้ว ยังสามารถโทรหากันโดยใช้อินเทอร์เน็ต หรือจะวิดีโอคอลก็ได้ ทำได้ตั้งแต่บุคคลเดียว ไปจนถึงแบบกลุ่มเลยด้วย สามารถเปลี่ยนรูปแบบธีม และมีสติ้กเกอร์ไว้ส่งหากันหลายรูปแบบ ซึ่งสามารถโหลดแอปได้ทั้งแบบ Android และiOS 
  4. Instagram: แอปโซเชียล ที่มีไว้แชร์รูปโดยเฉพาะ สามารถติดตามคนอื่นเพื่อดูรูปได้ นอกจากนี้ยังสามารถแชร์รูปไว้ให้เพื่อน หรือคนที่ติดตามไว้ดูได้ แถมยังสามารถลงคลิปวิดีโอสั้นๆ หรือที่เรียกว่าสตอรี่ได้ด้วย และวิดีโอพวกนี้ก็จะมีฟิลเตอร์ให้ใส่ลงไปด้วยเยอะมาก อีกทั้งยังสามารถแชร์ลงไปบน Facebook ให้เพื่อนในนั้นเห็นได้อีก หรือจะแชทกันผ่านช่องทาง Direct Message (DM) ก็ยังได้ ซึ่งสามารถโหลดแอปได้ทั้งแบบ Android และiOS 
แอปพลิเคชันดูหนัง ฟังเพลง

แอปพลิเคชันดูหนัง ฟังเพลง

นอกจากแอปพลิเคชันจะมีไว้ใช้ เพื่อการสื่อสารกันแล้ว การรับชม และฟังเพื่อความบันเทิง ก็สำคัญอยู่ไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง อย่างน้อยควรมีติดเครื่องไว้ เวลาเดินทางไกลหรือไปนอกบ้าน ก็จะได้อะไรดูและฟังให้หายเบื่อได้ ส่วนใครชอบแนวไหนนั้น ไปดูกันเลย

  1. Netflix: นี่คือแอปสำหรับคอหนังอย่างแท้จริง เพราะ Netflix มีหนังดีดีให้เลือกมากมาย ทั้งหนังไทย เกาหลี อนิเมะ หนังฝรั่ง ครบถ้วนไปจนถึงซีรีส์เลย แต่จะดูได้นั้นก็ต้องเสียเงินรายเดือนหรือจะหารรายเดือนร่วมกับกลุ่มเพื่อนก็ได้ คุ้มค่ากับราคาแน่นอน และสามารถทดลองใช้ฟรีก่อน 1 เดือนก็ได้เหมือนกัน ซึ่งสามารถติดตั้งแอปได้ทั้งแบบ Android และ iOS
  2. Youtube: แอปนี้เอาไว้ดูหนัง หรือเอาไว้ฟังเพลงก็ได้ เพราะในแอปนี้มีคลิปวิดีโอมากมาย ซึ่งก็ไม่ได้มีแค่หนังเต็มๆ เรื่อง หรือว่าเพลง MP3 เท่านั้น แต่จะเป็นคลิปที่มีเนื้อหาเป็นเพลงรวมอยู่ด้วย รวมไปถึงสามารถ Content ต่างๆ ที่ผู้ทำวิดีโอ (Youtuber) เป็น Vlog หรือแม้แต่ Podcast ก็มีให้ฟัง หรือถ้าอยากฟังเพลงมากๆ ก็โหลด Youtube Music มาด้วยก็ได้ และถ้าเบื่อโฆษณาก็ซื้อ Youtube Premium เพื่อการดูอย่างไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้ ซึ่งสามารถโหลดแอปได้ทั้งแบบ Android และ iOS
แอปพลิเคชันสั่งอาหาร

แอปพลิเคชันสั่งอาหาร

สำหรับคนทำงาน หรือคนที่อยู่บ้านไม่ได้ออกไปไหน และไม่ได้อยากออกไปไหน การสั่งอาหาร จะง่ายขึ้นไปอีกขั้น เมื่อใช้แอปพลิเคชันสั่งอาหารเหล่านี้ 

  1. Grab: เป็นเจ้าแรกที่ทำแอปเดินทางและสั่งอาหารไว้ในแอปเดียวกัน ข้อดีของแอปนี้ก็คือ มีรถที่ใช้ส่งอาหารเยอะ มีร้านค้าเข้าร่วมรายการเยอะด้วย และมีโปรโมชันออกมาตลอด โดยทำร่วมกับร้านค้า ส่วนค่าส่งก็จะแตกต่างกันออกไป ตามแต่ระยะทาง ซึ่งสามารถโหลดแอปไว้ในโทรศัพท์มือถือได้ทั้งแบบ Android และ iOS
  2. Foodpanda: แอปส่งอาหารรถสีชมพู ที่แม้ว่าจะมาได้ไม่นานมาก แต่ก็สามารถทำโปรโมชัน และเริ่มตีตลาดเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแอปนี้มีบริการส่งฟรีด้วยเหมือนกัน และมีราคาค่าส่งที่แตกต่างกันออกไป ตามแต่ระยะทาง ซึ่งสามารถโหลดแอปได้ทั้งแบบ Android และ iOS
แอปพลิเคชันช้อปปิ้ง

แอปพลิเคชันช้อปปิ้ง

เรื่อง F ของจากร้านค้าออนไลน์ก็สำคัญมากไม่แพ้กันเลย โดยเฉพาะช่วงซุปเปอร์เซลล์ ที่ทำให้หลายๆร้านค้าแพ็กของกันไม่ทันเลย นอกจากนี้บางแอปพลิเคชันยังมีโปรโมชันการส่ง ที่สั่งขั้นต่ำก็จะได้ส่งฟรีด้วย สะดวกสบายต่อสายช้อปออนไลน์เป็นอย่างมาก มาดูกันเลย

  1. Shopee: แอปที่ควรมีสำหรับนักช้อปออนไลน์เป็นอย่างมาก ซึ่งมีร้านค้ามากมาย รวมไปถึงการลดราคาแบบสุดโหด ทำให้หลายๆคน ต้องเสียเงินไปมากมาย และของที่ขายในแอปก็ค่อนข้างเยอะ มีครบทุกหมวดหมู่ บอกเลยว่าสายช้อปไม่ควรพลาด 
  2. Lazada: อีกหนึ่งแอปที่ตีคู่กันมาเลย กับการเล่นกับตัวเลขเพื่อลดราคาคล้ายๆ กัน ยิ่งทำให้เหล่าช้อปปิ้งออนไลน์ทั้งหลาย ถึงกับตั้งหน้าตั้งตารอกันเลย นอกจากจะมีโปรโมชันที่เยอะพอกันแล้ว สินค้าก็ยังเยอะเหมือนกันอีกด้วย

สล็อตฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา วอเลท

HILO-88.COM
HILO-88.COM