สอนใช้ มือถือ คอมพิวเตอร์ สอนสร้างเว็บ
Categories
News

เปรียบเทียบชัดๆ iPad 10.2 vs iPad Air แท็บเล็ตยอดเยี่ยม รุ่นไหนดีที่สุด

iPad 10.2 vs iPad Air

หลายคนทราบกันดีว่าแท็บเล็ตที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ Apple คือ iPad 10.2 และ iPad Air โดย Apple ได้ขาย iPad ที่เป็นสัญลักษณ์ของตนเองมาเกือบทศวรรษแล้วและมียอดขายไปแล้วกว่า 360 ล้านเครื่อง ด้วยดีไซน์ที่เพรียวบางและโปรเซสเซอร์ที่รวดเร็วพร้อมอินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่ใช้งานง่าย ส่งผลให้ iPad มียอดขายมากขึ้นเรื่อยๆ

iPad 10.2 ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเนื่องจากมีหน้าจอขนาดใหญ่กว่ารุ่น 9.7 และราคาไม่แรงมาก แต่ถึงอย่างนั้น iPad Air ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่น่าสนใจมากเหมือนกัน และเพื่อความชัดเจนเราก็ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ iPad 10.2 และ iPad Air มาเปรียบเทียบกันชัดๆ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อ iPad ได้ง่ายขึ้น

เปรียบเทียบภาพรวมระหว่าง iPad 10.2 vs iPad Air

สำหรับคนส่วนใหญ่ iPad รุ่น 10.2 นิ้วเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า iPad Air เพราะคุ้มค่าและราคาถูกกว่ามาก แต่หากคุณต้องมี iPad ที่บางเบาที่สุดและเรื่องเงินไม่ใช่สิ่งจำเป็น iPad Air ถือเป็นตัวเลือกที่ดี โดยคุณสมบัติที่น่าประทับใจของ iPad ทั้ง 2 รุ่น คงจะเป็นหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและโปรเซสเซอร์ที่เร็วขึ้นรวมถึงเข้ากันได้กับ Smart Keyboard ที่ยอดเยี่ยมของ Apple แต่ทั้ง 2 รุ่นนี้ก็ยังมีส่วนที่แตกต่างกันอยู่ในบางส่วน จะมีส่วนไหนบ้างมาติดตามกันเลย

  • iPad 9.7: เป็น iPad รุ่นก่อนหน้าที่จะเปิดตัวรุ่น 10.2 ปัจจุบันได้รับการยอมรับว่าเป็น iPad รุ่นคลาสสิกของ Apple เป็นรุ่นที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดและได้รับการอัปเดตมากมาย (อัปเดตมาเป็น iPad 10.2 ) มีหน้าจอ 9.7 นิ้ว ใช้โปรเซสเซอร์ A10 ได้รับหน้าจอการแสดงผลเรตินาที่คมชัดและเข้ากันได้กับ Apple Pencil มอบประสบการณ์การใช้งานที่ง่ายและมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน
  • iPad 10.2: เป็น iPad รุ่นใหม่ที่มาแทนที่รุ่น 9.7 โดยตรงความแตกต่างจะอยู่ที่ขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าเพิ่มเป็น 10.2 นิ้ว มีสเปคชาญฉลาดอย่างโปรเซสเซอร์ A10 เริ่มต้นพื้นที่เก็บข้อมูล 32GB และเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 128GB คีย์บอร์ดอัจฉริยะ iPad 10.2 ที่สำคัญอย่างหนึ่งคือสามารถใช้งานร่วมกับ Apple Smart Keyboard ได้ แถมอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนาน ซึ่งปัจจุบันราคาเริ่มต้นของรุ่นนี้อยู่ที่ 10,900 บาท
  • iPad Air (2019): เมื่อไม่นานมานี้ Apple ปรับโฉม iPad Air ใหม่ซึ่งรวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอีกด้วย หน้าจอแสดงผล iPad Air มีขนาด 10.5 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่ใหญ่กว่า iPad 10.2 และยังเบาบางกว่า อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยีจอภาพเรตินาของ Apple เพื่อแสดงภาพที่สวยงามและน่าทึ่ง นอกจากนี้ยังใช้โปรเซสเซอร์ A12 ที่รวดเร็วกว่า แถมยังใช้งานร่วมกับ Smart Keyboard ของ Apple ได้ดีอีกด้วย ซึ่งราคาล่าสุดของรุ่นนี้เริ่มต้นอยู่ที่19,900 บาท โดย Air เป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพที่ตั้งอยู่ระหว่าง iPad และ iPad Pro ที่มุ่งเป้าไปที่ผู้ที่ต้องการแท็บเล็ตที่ดีที่สุด แต่ไม่มีงบประมาณสำหรับ iPad ระดับพรีเมียมของ Apple นี่เป็นเหตุผลที่สร้างรุ่น Air ขึ้นมาถึงมันจะเทียบกับรุ่นระดับพรีเมียมไม่ได้ แต่ก็ถือว่ารุ่นนี้แหละใกล้เคียงที่สุด

สรุป

คุณควรซื้อiPad รุ่นไหนดี? ระหว่าง iPad 10.2 และ iPad Air ซึ่งตามที่เราระบุไว้ข้างต้นจะเห็นว่าหากคุณเป็นผู้บริโภคที่ต้องการ iPad ที่คุ้มค่าและราคาถูกเราแนะนำรุ่น10.2 นิ้ว ที่เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป จะให้บริการความบันเทิงแบบไม่หยุดยั้งและจัดการกับความต้องการในแต่ละวันของคุณไม่ว่าจะเป็นการเล่นโซเชียลมีเดียหรือท่องเว็บออนไลน์และการสตรีมภาพยนตร์ที่คุ้มค่ากับเงินที่คุณจ่าย แต่หากคุณอยากได้ iPad ที่มีสเปคที่สูง มีหน้าจอผลแสดงที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย และมีการแสดงภาพที่สวยงามน่าทึ่งเราแนะนำ iPad Air ที่มาพร้อมกับโปรเซสเซอร์ A12 ที่รวดเร็วน่าประทับใจ สามารถโหลดแอปได้เร็วขึ้นรวมทั้งจัดการกับการทำงานหลายอย่างได้ง่ายกว่า iPad ทั่วไป ให้ประสบการณ์ที่ราบรื่นและไม่มีการสะดุดเมื่อเริ่มใช้งาน สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้อย่างดี โดยทั้ง 2 รุ่นนี้รองรับ Smart Keyboard ของ Apple ได้เป็นอย่างดี 

การเปรียบเทียบที่เห็นชัดที่สุดถึงความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นนี้คือ iPad Air มีสเปคที่เหนือกว่า iPad 10.2 ด้วยโปรเซสเซอร์ A12 ที่ช่วยให้การประมวลผลรวดเร็วกว่า และ Air มีขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นเล็กน้อยที่ 10.5 นิ้วในขณะที่ iPad 10.2 ยังคงมีขนาดหน้าจอที่ 10.2 นิ้ว และราคารุ่น 10.2 จะมีราคาที่ถูกกว่ารุ่น Air 

sa gaming

Categories
News

การอัปเดตครั้งยิ่งใหญ่ของ Apple macOS Big Sur

การอัปเดตครั้งยิ่งใหญ่ของ Apple

macOS Big Sur หรือที่เรียกว่า macOS 11 ของ Apple ได้เพิ่มองค์ประกอบที่คล้าย iOS ลงในระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปรวมถึงภาษาที่ออกแบบใหม่และการอัปเดตครั้งใหญ่สำหรับ Messages และเว็บเบราว์เซอร์ Safari เช่นเดียวกับ iPadOS ที่เริ่มมีลักษณะคล้ายกับ macOS มากขึ้นเรื่อย ๆซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปเวอร์ชันใหม่ล่าสุดของ Apple 

ระบบปฏิบัติการ macOS Big Sur

   macOS Big Sur ได้ใช้ระบบปฏิบัติการมือถือยักษ์ใหญ่ของแคลิฟอร์เนียโดยเฉพาะอย่างยิ่ง iOS การอัปเดตมีขนาดใหญ่มากจน Apple ให้หมายเลขเวอร์ชันหลักใหม่ (11) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัทดำเนินการในรอบ 19 ปี

การพัฒนาใหม่ที่สำคัญสำหรับ macOS คือมันจะทำงานบน Mac โดยใช้โปรเซสเซอร์ Apple Silicon ที่ใช้ ARM ของ Apple Mac รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป Apple M1ขนาด 5 นาโนเมตร ซึ่ง Mac ที่ใช้ชิปใหม่นี้จะสามารถเรียกใช้แอป iOS ได้ แต่ก็ยังมีข่าวมากมายสำหรับ mac OS นอกเหนือจากชิปใหม่

macOS Big Sur ได้ออกแบบภาษาใหม่

   การออกแบบภาษาใหม่ทำให้อินเทอร์เฟซของ Mac มีความเรียบง่ายขึ้นและสอดคล้องกับอินเท อร์เฟซของ iPhone และ iPad มากขึ้น ซึ่งสังเกตได้ว่าตอนนี้ไอคอนแอปมีลักษณะคล้ายกับไอคอน iOS แบบสี่เหลี่ยมแทนที่จะเป็นแบบวงกลมแบบเดิมของ macOS การอัปเดตภาพจะขยายไปยังแอปสแตนด์บายในตัวซึ่งรวมถึงแผนที่ อีเมล ปฏิทินและรูปภาพ เว็บเบราว์เซอร์ Safari และแอป Messages ได้รับความสนใจเป็นพิเศษพร้อมคุณสมบัติใหม่และรูปลักษณ์โฉมใหม่ที่น่าทึ่ง

แม้ว่า Apple จะยึดความป็นโลกอนาคตไว้บนเครื่อง Mac ที่ใช้ CTU ของตัวเองแล้ว แต่ macOS Big Sur จะยังคงรองรับ Mac รุ่นเก่าๆอยู่ซึ่งรวมถึง MacBook Air, MacBook Pro และ Mac Pro รุ่นย้อนหลังไปจนถึงปี 2013 ระบบปฏิบัติการพร้อมให้บริการแล้วในขณะนี้ คุณสามารถอัปเดตในเมนู System Preferences> Software Update 

Big Sur ยังอัปเดตเสียงของระบบปฏิบัติการ เสียงเริ่มต้นของ Mac นั้นไม่ให้ผิดเพี้ยน โดยเสียงของระบบใหม่ได้รับการ “รีมาสเตอร์และปรับแต่ง” 

ศูนย์กลางการควบคุม

   ถึงแม้ว่า Apple จะเพิ่มแถบด้านข้างการแจ้งเตือนก่อนที่ Microsoft จะทำเช่นเดียวกันอย่าง Windows 10 Action Center แต่ macOS ใช้เวลานานมากในการรวมการควบคุมระบบพื้นฐานในศูนย์การแจ้งเตือนเช่นเดียวกับที่ Action Center ทำ ตัวเลือกศูนย์ควบคุมใหม่ของ macOS Big Sur ได้แก่ ระดับเสียง ความสว่างของหน้าจอ การตั้งค่า Wi-Fi และแม้แต่ความสว่างของแป้นพิมพ์ ที่ถูกออกแบบมาให้เป็นมิตรกับสายตาคุณ การออกแบบ macOS ใหม่ล่าสุดดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัว(สำหรับสาวก Mac) โดยคุณสามารถลากเครื่องมือต่างๆ ของศูนย์ควบคุมไปยังแถบเมนูได้ 

วิดเจ็ต

   macOS Big Sur มีวิดเจ็ตเช่นเดียวกับ iOS และ iPadOS ในความเป็นจริงแล้ววิดเจ็ต macOS ใหม่แทบจะแยกไม่ออกจากอุปกรณ์พกพาบน Mac วิดเจ็ตใหม่จะอยู่ในแถบด้านข้างการแจ้งเตือน โดยวิดเจ็ตเหล่านี้สามารถปรากฏในขนาดต่างๆได้ ซึ่ง คุณสามารถเพิ่มนาฬิกา สภาพอากาศ บันทึกย่อและแม้แต่วิดเจ็ตของบุคคลที่สามได้

ลักษณะข้อความ 

   การซิงค์ข้อความของ Apple ระหว่าง iPhone และ Macs เป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดในแพลตฟอร์มนี้มานานหลายปี ด้วยการใช้งาน Messages ใหม่ของ macOS Big Sur ทำให้ Mac กลายเป็น macOS เวอร์ชั่นล่าสุดที่น่าสนใจ ซึ่งการอัปเดตใหม่ครั้งนี้ ทำให้คุณสามารถสร้าง Memoji บนเดสก์ท็อปได้ และทำให้การสนทนาและการตอบกลับแบบเธรดจะทำให้แอปมีประโยชน์มากขึ้น 

การอัปเดต Big Safari

   macOS Big Sur ได้มีการอัปเดต Big Safari ใหม่ซึ่ง Safari เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ยังตามหลัง Chrome ของ Google และ Edge of late ใหม่ของ Microsoft และการอัปเดตครั้งนี้ได้ประกาศใน WWDC 2020 ซึ่งดูเหมือนจะมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้ Safari นี้มีความเป็นส่วนตัว

Apple เริ่มนำเสนอ WWDC Safari ในปีนี้โดยพูดถึงว่า Big Safari นี้ทำงานได้เร็วกว่า Chrome ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ได้ เช่นเดียวกับ Firefox และ Edge Safari พร้อมนำเสนอแผงรายงานความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบรหัสผ่านที่คุณบันทึกไว้เพื่อดูว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดข้อมูลหรือไม่ (Firefox เริ่มทำเมื่อสองปีก่อนแล้ว)

แง่มุมหนึ่งของ Safari ที่ไม่ได้กล่าวถึงใน WWDC คือการรองรับมาตรฐานของเว็บซึ่งเป็นพื้นที่ที่ Safari ติดตาม Firefox, Chrome และ Edge เมื่อเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตามองค์ประกอบใหม่ของการสนับสนุนมีไว้สำหรับ Web Extensions API ซึ่งเป็นการริเริ่มข้ามแพลตฟอร์ม ความสามารถใหม่ที่น่ายกย่อง ช่วยให้คุณกำหนดไซต์ส่วนขยายที่สามารถเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่แท้จริงสำหรับส่วนขยายในเบราว์เซอร์ทั้งหมดในปัจจุบัน 

sa gaming

Categories
News

5 อันดับแบรนด์โทรศัพท์ที่ดีที่สุดของปี 2020

5 อันดับแบรนด์โทรศัพท์ที่ดีที่สุดของปี 2020

แม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง เนื่องจากสถานการณ์โควิด19 แต่การตลาดสมาร์ทโฟนกลับยังคงมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความที่ในปัจจุบันโทรศัพท์กลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิตของคนเราไปแล้ว ยิ่งทุกวันนี้แบรนด์โทรศัพท์ของแต่ละแบรนด์ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้หลายแบรนด์ดังได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนที่รองรับเครือข่าย 5G กลายเป็นว่าในปี 2020 ถือว่าเป็นยุคพัฒนาของสมาร์ทโฟน 5G อย่างแท้จริง นอกจากประสิทธิภาพการใช้งานจะดีขึ้นแล้ว ราคาสมาร์ทโฟน 5G ยังจะถูกลงอีกด้วย 

แบรนด์โทรศัพท์ที่ได้รับความนิยมในปี 2020

เราเชื่อว่าหลายคนคงกำลังมองหาโทรศัพท์ที่ทำได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพสวย ๆ การสื่อสารกับเพื่อน ๆ ผ่านแอปต่าง ๆมากมาย การเล่นเกมและการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนาน เหมาะต่อการใช้งาน โดยแต่ละแบรนด์ก็ต่างมีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกันไป ซึ่งวันนี้เราก็มี 5 อันดับแบรนด์โทรศัพท์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของปี 2020 มาแนะนำทุกคนจะมีแบรนด์ไหนบ้างตามเรามาดูกันเลย

Samsung

เป็นอีกหนึ่งแบรนด์โทรศัพท์มาแรงจากเกาหลีที่สามารถผลิตโทรศัพท์ที่ยอดเยี่ยมในราคาที่หลากหลายได้ จนได้ขึ้นแท่นอันดับ 5 แบรนด์ที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2020 จากผลสำรวจของอินเตอร์แบรนด์ เป็นอีกหนึ่งผู้นำตลาดสมาร์ทโฟน 5G อีกทั้งยังตอบรับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค นอกจากนี้ Samsung ยังเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนรูปแบบใหม่ ด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้อย่าง Galaxy Z Flip (กาแลคซี่ ซี ฟลิป) ถือว่าเป็นแบรนด์ที่น่าสนใจมากที่สุดในปีนี้เลยก็ว่าได้

Apple

Apple ถือเป็นแบรนด์โทรศัพท์ที่โดดเด่นที่สุดในยุคสมัยนี้ ซึ่งการันตีได้จากรางวัล Best Global Brands 2020 หรือแบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกประจำปี 2020 ที่จัดโดย Interbrand แบรนด์นี้เป็นผู้ผลิตรายเดียวที่ไม่ใช้ Android ถึงจะอยู่ในช่วงภาวะที่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในระดับ Pandemic แบบนี้ แต่ยอดขายของ iPhone ก็ยังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยเมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเปิดตัว iPhone 12 ที่ได้ผลตอบรับจากผู้บริโภคอย่างคับคั่ง ด้วยความเร็วระดับ 5G พร้อมด้วยชิพที่เร็วที่สุดในสมาร์ทโฟนอย่าง A14 Bionic หน้าจอภาพ OLED แบบขอบจรดขอบ ทนต่อการตกกระแทกได้ดีขึ้น 4 เท่า และมีโหมดกลางคืนบนกล้องทุกตัว บอกเลยว่า iPhone 12 มีหมดทุกอย่างที่คุณต้องการแน่นอน

Google

ฟังดูน่าแปลกใจใช่ไหมคะ? แน่นอนว่า Google ในปัจจุบันเป็นได้มากกว่าเครื่องมือค้นหายักษ์ใหญ่ เพราะหลายปีที่ผ่านมา Google ได้สร้างแบรนด์โทรศัพท์เป็นของตัวเอง พร้อมด้วย Google Assistant ที่ทรงพลังและกล้องที่ยอดเยี่ยมสำหรับโทรศัพท์ Android และรุ่นที่น่าสนใจที่สุดในปีนี้คือ Google Pixel 4 XL ตัวเครื่องจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 สีด้วยกันคือ Just Black, Clearly White และ Oh So Orange ที่เป็นสีพิเศษสำหรับรุ่นนี้ โดยในกล่องประกอบไปด้วยตัวเครื่อง, อะแดปเตอร์จ่ายไฟ 18W, สาย USB-C, หัวแปลง USB-A เป็น USB-C และคู่มือการใช้งานเบื้องต้น + เข็มจิ้มถาดซิม สำหรับอะแดปเตอร์จ่ายไฟ 18W ที่ให้มาก็จะจ่ายไฟ 5V/3A และ 9V/2A

Huawei

ปัจจุบันแบรนด์โทรศัพท์จากประเทศจีนอย่าง Huawei กำลังมาแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นอีกหนึ่งแบรนด์มือถือชั้นนำของโลก หลังจากที่ใช้ความพยายามและความทุ่มเทอย่างหนักในการพิสูจน์ตัวเองมาหลายปี ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ล้ำหน้าเหนือคู่แข่ง เป็นโทรศัพท์ Android ที่มีหลากหลายราคาตั้งแต่ราคาประหยัดไปจนถึงราคาสูง ๆ และในปีนี้โทรศัพท์รุ่น Huawei P40 Series ก็เป็นอีกรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่ด้านประสิทธิภาพของกล้องที่ดียิ่งขึ้นไปอีก และใช้ชิปประมวลผล Kirin 990 5G ที่รองรับเคือข่าย 5G ในตัว

Nokia 

โนเกีย (Nokia) ยี่ห้อโทรศัพท์มือถือคลาสสิคที่ครองใจผู้ใช้งานทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวในเรื่องของความ “ทนทาน คุ้มค่า ตอบโจทย์การใช้งาน” ของ Nokia  3310 ที่ในอดีตมีการขายไปได้ถึงกว่าหลายพันล้านเครื่องทั่วโลก โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้โนเกียได้รับการฟื้นคืนชีพกลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยการเปิดตัวโทรศัพท์ Android ที่น่าประทับใจ และปีนี้ แบรนด์โทรศัพท์ Nokia ได้เปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่อย่าง Nokia 8.3 5G เป็นโทรศัพท์ที่เปิดใช้งาน 5G เครื่องแรกของ Nokia ที่เป็นมากกว่าโทรศัพท์ 5G มีจอแสดงผลขนาด 6.8 นิ้วที่เพิ่มขนาดเนื้อหาเป็นรูปแบบที่รองรับ HDR เพื่อความชัดเจนและคอนทราสต์ที่ดีขึ้น มีกล้องหลังสี่ตัวพร้อมเลนส์มุมกว้าง 64Mp เลนส์ ultrawide 12Mp และเลนส์มาโคร 2Mp สำหรับการถ่ายภาพระยะใกล้และเซ็นเซอร์ความลึก 2Mp นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,500 mAh เพื่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานเป็นพิเศษ

เว็บบาคาร่าทำเงินต้อนรับปี 2021

Categories
News

แนะนำรุ่นโทรศัพท์สำหรับเล่นเกม ยี่ห้อไหนดี ประจำปี 2020

แนะนำรุ่นโทรศัพท์สำหรับเล่นเกม

การเล่นเกมบนมือถือเป็นสิ่งที่มีมานานและในปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ก็เล่นเกมบนมือถือกันเยอะมาก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ผลิตโทรศัพท์ถึงได้นำเสนออุปกรณ์ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะเพื่อเล่นเกมโปรดของคุณได้อย่างมีคุณภาพและเหนือชั้น ซึ่งโทรศัพท์สำหรับเล่นเกมที่ดีที่สุด ควรมีโปรเซสเซอร์ระดับแนวหน้า แรมจำนวนมากและหน้าจอแสดงผลพร้อมอัตราการรีเฟรชที่เร็วขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่พลาดช่วงเวลาการเล่นเกมที่สมบูรณ์แบบ

บริษัท ต่างๆ เช่น Razer และ Asus ซึ่งเป็นชื่อแบรนด์ที่นักเกมเมอร์น่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ในฐานะที่เป็นแบรนด์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการผลิตโทรศัพท์มือถือที่เน้นการเล่นเกมโดยเฉพาะ แต่ล่าสุดผลิตภัณฑ์ Samsung และ OnePlus ที่มาพร้อมด้วยสเปคระดับชั้นนำที่ยอดเยี่ยมนั้นก็เป็นที่น่าจับตามองไม่แพ้กัน

แนะนำรุ่นโทรศัพท์สำหรับเล่นเกมที่ดีที่สุดที่สายเกมเมอร์ไม่ควรพลาด

หากคุณเป็นคนที่คนชื่นชอบโทรศัพท์ที่มีการการผสมผสานที่ดีระหว่างประสิทธิภาพการการใช้งานและคุณสมบัติพิเศษที่เน้นการเล่นเกม เช่นอัตราการรีเฟรชหน้าจอที่สูงและประสิทธิภาพการทำงานหลายชั่วโมง คุณไม่ควรพลาดกับโทรศัพท์สำหรับเล่นเกม ประจำปี 2020 ที่เรานำมาแนะนำวันนี้ รับรองว่าเหมาะสำหรับเหล่าเกมเมอร์โดยเฉพาะ จะมียี่ห้อไหนบ้าง ตามเรามาดูกันเลยค่ะ

  1. Samsung Galaxy Note 20 Ultra

Samsung Galaxy Note 20 Ultra โทรศัพท์สำหรับเล่นเกมที่ให้มากกว่าการเล่นเกม ด้วยหน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.9 นิ้ว ที่มาพร้อมกับ CPU Snapdragon 865 Plus ถึงจะเป็นมือถือเล่นเกมที่อาจจะดูใหม่สำหรับสายเกมมิ่ง แต่มั่นใจเลยว่านี่คือหนึ่งในโทรศัพท์ที่ทรงพลังที่สุดในท้องตลาด ด้วยจอแสดงผลที่ทันสมัยที่สุดที่คุณสามารถปรับขนาดได้จนถึงระดับ สูงสุด 120Hz หรือลดลงถึง 30Hz หรือ 60Hz เพื่อให้ตรงกับอัตราเฟรมของเนื้อหาบนหน้าจอ และมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน แถม Note 20 Ultra ได้รับการปรับให้เหมาะกับการสตรีมชื่อ Xbox ผ่าน Xbox Game Pass Ultimate และยังสามารถแคสเกมไปยังจอแสดงผลภายนอกผ่านอินเทอร์เฟซ DeX ของ Samsung และ Miracast

    2.iPhone 12 Pro Max 

12 Pro Max เป็นโทรศัพท์สำหรับเล่นเกมที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ iPhone มีจอแสดงผล OLED ขนาด 6.7 นิ้วที่สดใสและมีสีสัน อีกทั้งยังมีโปรเซสเซอร์ A14 Bionic ของ Apple ที่ทรงพลังกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ พร้อมด้วยอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน และด้วยความสามารถในการถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยม โดยมีอัตราการรีเฟรช 60Hz และพื้นที่เก็บข้อมูล 128GB ถือเป็นรุ่นที่มีราคาแพงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เป็นอีกหนึ่งโทรศัพท์มือถือที่มีความรอบรู้ในด้านต่างๆนอกเหนือจากการเล่นเกมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของคุณภาพของกล้อง

    3.Samsung Galaxy S20 Plus

Galaxy S20 Plus โทรศัพท์สำหรับเล่นเกม Android ที่รอบรู้พร้อมกล้องที่ดีขึ้น ด้วยเลนส์เทเลโฟโต้ 64MP ที่น่าประทับใจ อีกทั้งหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.7 นิ้วพร้อมอัตราการรีเฟรช 120 Hz ทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานขึ้น เช่นเดียวกับ OnePlus 8 Pro นอกจากนี้ Galaxy S20 Plus มีโปรเซสเซอร์ Snapdragon 865 และ RAM 12GB ทำให้มันรวดเร็ว และรองรับ 5G ที่ขยายไปยังเครือข่ายคลื่นมิลลิเมตรและเครือข่ายย่อย 6GHz ซึ่งช่วยให้สามารถรับข้อมูลได้เร็วที่สุดในโลก

    4.RedMagic 5G

RedMagic 5G โทรศัพท์ที่เหมาะสำหรับเล่นเกม ด้วยหน้าจอแสดงผล AMOLED 144Hz ขนาด 6.65 นิ้ว ระดับชั้นนำมีประสิทธิภาพที่แข็งแกร่ง อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานและชาร์จเร็วที่ราคาสมเหตุสมผล มีโปรเซสเซอร์ Snapdragon 865 ของ Qualcomm ที่ในท้องตลาดตอนนี้ได้รับการกล่าวถึงในรายการโทรศัพท์เกมที่ดีที่สุดนี้ เป็นมือถือที่มีชิปเซ็ตระดับไฮเอนด์ พร้อมแรมสูงสุด 12GB และการออกแบบที่เรียบและขอบบางที่เอื้อต่อการเล่นเกม มีพัดลมอยู่ภายในช่วยระบายความร้อน ทำให้มั่นใจได้ว่ามือถือของคุณสามารถเล่นเกมเป็นเวลานานได้

วิธีเลือกโทรศัพท์สำหรับเล่นเกมที่ดีที่สุดสำหรับเกมเมอร์

การเลือกโทรศัพท์สำหรับเล่นเกมที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญมาก หากคุณกำลังมองหามือถือเล่นเกมที่ดีที่สุด คุณควรเลือกโทรศัพท์ที่มีชิปเซ็ต Snapdragon 865 Plus หรือ A14 Bionic ของ Apple แต่ถ้าเป็นโทรศัพท์ Android เราแนะนำให้เน้นไปที่ Snapdragon เนื่องจากเป็นซิลิกอนที่ดีที่สุดของ Qualcomm 

อีกหนึ่งสิ่งที่ควรนึกนึกคืออัตราการรีเฟรชที่สูง ซึ่งแผงที่ได้รับการจัดอันดับที่ 90Hz ขึ้นไปให้การเลื่อนและกราฟิกโดยรวมที่ราบรื่นกว่าหน้าจอทั่วไปทำให้คุณรู้สึกราวกับว่าทุกครั้งที่กวาดนิ้วแตะที่หน้าจอแล้วการตอบสนองไม่มีการหน่วงเวลา หากคุณเป็นเกมเมอร์ที่มีการแข่งขัน ควรเลือกอัตราการรีเฟรชที่สูงขึ้นเป็นพิเศษจะทำให้คุณไม่พลาดทุกช่วงการเล่นเกม

Categories
News

แนะนำโทรศัพท์กล้องถ่ายรูปสวยที่สุดในปี 2020

แนะนำโทรศัพท์กล้องถ่ายรูปสวยที่สุดในปี 2020

หลายคนต้องการกล้องถ่ายรูปสวยๆสักเครื่อง เพื่อถ่ายภาพที่สวยงามในเวลาอันสั้น นั่นเป็นเหตุผลที่เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโทรศัพท์กล้องถ่ายรูปสวยมาแนะนำทุกคน ซึ่งทุกวันนี้กล้องสมาร์ทโฟนมีความซับซ้อนมากกว่าที่เคยมีมาและมีความสามารถมากกว่าการใช้งาน กล้องที่ดีที่สุดในโทรศัพท์ถูกนำมาผสมผสานเลนส์และเซ็นเซอร์ที่ซับซ้อนเข้ากับอัลกอริทึมซอฟต์แวร์ที่อาศัยหลักการทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เพื่อดึงแสงสีและรายละเอียดที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จากทุกสถานการณ์ และไม่ใช่แค่จำนวนเลนส์ด้านหลังมือถือเท่านั้นผู้ผลิตโทรศัพท์บางรายยังใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์นี้เพื่อทำให้การประมวลผลของถ่ายภาพดียิ่งขึ้น

โทรศัพท์กล้องถ่ายรูปสวยที่น่าสนใจในปี 2020

หากคุณเป็นคนที่รักในการถ่ายรูปและกำลังมองหาโทรศัพท์กล้องถ่ายรูปสวยสักเครื่อง แน่นอนว่าคุณไม่ควรพลาดกับ iPhone 12 รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2020 ของ Apple ซึ่งให้ภาพถ่ายที่ดีที่สุดที่ โดยเฉพาะ iPhone 12 Pro Max ที่เป็นรุ่นที่ดีที่สุดในเรื่องของกล้องด้วยเซ็นเซอร์หลักที่ใหญ่กว่า 

ไม่ใช่แค่ iPhone รุ่นล่าสุดเท่านั้นที่ถ่ายภาพได้ดี แต่ยังมีโทรศัพท์อีกแบรนด์ที่น่าสนใจอย่าง Samsung Galaxy Note 20 Ultra ด้วยระบบกล้องสามเลนส์ที่ซับซ้อน ซึ่งนำโดยกล้องหลักความละเอียดสูง 108 ล้านพิกเซลและเทเลโฟโต้ 12 ล้านพิกเซลพร้อมซูมออปติคอล 5 เท่า โดยระบบกล้องของ Note 20 Ultra ยืมมาจาก Galaxy S20 Ultra แต่แก้ไขความบกพร่องในการโฟกัสของโทรศัพท์ด้วยระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบเลเซอร์ใหม่โดยตระหนักถึงศักยภาพของเทคโนโลยีการถ่ายภาพมือถือที่ล้ำสมัยของ Samsung อย่างแท้จริง 

สำหรับใครที่ต้องการมือถือถ่ายรูปสวยๆ ระหว่างเดินทาง แต่จ่ายในราคาน้อยกว่า iPhone 12 เราขอแนะนำให้ลองใช้ Google Pixel 4a หรือ iPhone SE เพราะเป็นโทรศัพท์ราคาถูก แต่รับประกันคุณภาพของภาพถ่ายที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Pixel 4a ซึ่งมีราคาต่ำกว่า iPhone SE แต่มีฮาร์ดแวร์กล้องหลักเช่นเดียวกับโทรศัพท์ Pixel ระดับพรีเมียมของ Google เลย

โทรศัพท์ที่กล้องถ่ายรูปที่ดีที่สุดและคุณสามารถหาซื้อได้ในปัจจุบัน

  1. iPhone 12 Pro Max: เป็น iPhone รุ่นใหม่ของ Apple เป็นโทรศัพท์กล้องถ่ายรูปสวยที่สุด ซึ่งกล้องมีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ช่วยให้รับแสงได้มากกว่า iPhone รุ่นอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Sensor-shift ซึ่งส่งผลให้สามารถถ่ายวิดีโอได้นิ่งเป็นพิเศษ โดยกล้องหลักของ iPhone 12 Pro Max มาพร้อมเลนส์อัลตร้าไวด์ที่มีมุมมอง 120 องศาและกล้องเทเลโฟโต้ 65 มม. พร้อมซูมออปติคอล 2.5 เท่าและซูมดิจิตอล 12 เท่า นอกจากนี้ด้วย12 Pro Max ยังมีระบบเซ็นเซอร์ LiDAR ที่สามารถถ่ายภาพบุคคลได้ในโหมดกลางคืน 
  2. iPhone 12: ถึงแม้ว่า iPhone 12 และ iPhone 12 mini  จะไม่มีเลนส์กล้องเหมือน iPhone 12 Pro แต่ iPhone 12 ยังคงได้รับประโยชน์จากซอฟต์แวร์กล้องถ่ายรูปและระบบประมวลผลของ Apple นั่นหมายความว่าฟีเจอร์ต่างๆเช่น Night Mode, Deep Fusion และ Smart HDR จะยังใช้งานได้อยู่ iPhone 12 ยังสามารถบันทึกวิดีโอ 4K HDR ได้ โทรศัพท์เครื่องนี้บันทึกวิดีโอ Dolby Vision ด้วยแม้ว่าจะจำกัดไว้ที่ 30 FPS วิดีโอที่ถ่ายด้วย iPhone 12 จะดูคมชัดกว่าทุกสิ่งที่ Android Flagship สามารถผลิตได้ในปัจจุบัน ถือว่าเป็นโทรศัพท์มือถือที่กล้องชัดที่สุดอีกเครื่องหนึ่ง
  3. Samsung Galaxy Note 20 Ultra: เป็นโทรศัพท์ที่มีกล้องที่น่าทึ่ง ที่ได้รับการปรับปรุงจาก Galaxy S20 Ultra ด้วยการใช้เซ็นเซอร์โฟกัสอัตโนมัติแบบเลเซอร์ใหม่โดยเฉพาะ เทเลโฟโต้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และสามารถออปติคอลซูมได้ถึง 10 เท่าและดิจิตอลซูมได้สูงสุด 50 เท่า Note 20 Ultra ไม่ได้ให้ภาพถ่ายที่ดีกว่า iPhone ระดับพรีเมียมของ Apple แต่ Note 20 Ultra ให้ความสามารถที่หลากหลายมากขึ้นด้วยเลนส์ล้านพิกเซลและพลังการซูมที่ไม่มีใครเทียบได้ พร้อมทั้งการโฟกัสอัตโนมัติแบบเลเซอร์
  4. Xiaomi Mi 10 Pro 5G: เป็นโทรศัพท์กล้องสวยที่มีเซ็นเซอร์หลักถึง 108 ล้านพิกเซล อีกทั้งยังมีเลนส์เทเลโฟโต้สองตัว มาพร้อมพลังการซูมที่ยอดเยี่ยมที่สามารถเน้นรายละเอียดระยะไกลได้อย่างง่ายดายกว่าโทรศัพท์คู่แข่งและทางยาวโฟกัสที่เหมาะสมสำหรับการถ่ายภาพบุคคลที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีกล้องอัลตร้าไวด์สำหรับทิวทัศน์ ที่มีความสามารถในการจับรายละเอียดที่น่าทึ่งโดยปกติไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า
  5. iPhone SE (2020): iPhone SE รุ่นใหม่มาพร้อมกล้องเลนส์เดี่ยว 12 ล้านพิกเซลƒ / 1.8 ของ iPhone 8 และยังใช้โปรเซสเซอร์ A13 Bionic ที่รวดเร็ว เพื่อเพิ่มพลังในการถ่ายภาพ อีกทั้งยังได้เทคนิคการถ่ายภาพที่ซับซ้อนหลายอย่างของ Apple เช่น Smart HDR และ Semantic Rendering แถมราคาไม่แพงมากเมื่อเทียบกับ iPhone รุ่นล่าสุดของ Apple เหมาะสำหรับคนที่ต้องการโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ โดยเฉพาะ iPhone และไม่มีเงินใช้จ่ายมากนัก เครื่องนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
Categories
News

Apple เปิดตัว ชิป M1 แหล่งขุมพลัง MacBooks รุ่นใหม่

Apple เปิดตัว ชิป M1

ไม่ว่าคุณจะใช้ Windows, macOS หรือ Chrome PC ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับส่วนประกอบคอมพิวเตอร์มากมายที่อยู่ภายใน ซึ่งแต่ละเครื่องจะมีการประมวลผลที่แตกต่างกัน ซึ่งรวมถึงโปรเซสเซอร์หนึ่งตัว (CPU) สำหรับจัดการการคำนวณที่จำเป็นรวมถึงที่ใช้ในการท่องอินเทอร์เน็ตและการเปิดและปิดแอป และอีกตัวหนึ่ง (GPU) สำหรับประมวลผลการคำนวณกราฟิกและส่งสัญญาณไปยังจอภาพหรือหน้าจอแล็ปท็อปของคุณ 

ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ Apple ได้เปิดตัวชิป M1 โปรเซสเซอร์ใหม่เอี่ยมที่พัฒนาขึ้นเองที่เปรียบเสมือนแหล่งขุมพลังให้กับ MacBook รุ่นใหม่ล่าสุด ถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 15 ปีที่ MacBooks และ Mac mini รุ่นใหม่ล่าสุดของ Apple ที่จะใช้ชิป Apple M1 ใหม่ล่าสุด เพื่อทดแทนทดแทนซีพียู Intel หลายรุ่นที่ขับเคลื่อนคอมพิวเตอร์ Apple มาตั้งแต่ปี 2549

ระบบทั้งหมดบนชิป M1 ที่ถูกนำไปใช้กับ MacBooks

M1 เป็นรูปลักษณ์แรกของกระบวนทัศน์ใหม่ที่ Apple ขนานนามว่า Apple Silicon Mac รุ่นใหม่ที่สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้แล้วในขณะนี้ ซึ่งชิปถูกนำไปใช้กับ MacBooks รุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ MacBook Air, MacBook Pro 13 นิ้วและ Mac mini 

ด้วยความที่โปรเซสเซอร์ Apple A-series ได้ขับเคลื่อน iPhone และ iPad มาอย่างยาวนานชิป M1 จึงใช้แนวทางที่แตกต่างออกไป โดยคำสั่งซอฟต์แวร์แต่ละคำสั่งจะสามารถใช้ส่วนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของ M1 ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันต้องทำทุกอย่างพร้อมกัน M1 มีแกนประมวลผลสูงสุด 16 คอร์ ฟังดูเหมือนตันเมื่อเทียบกับ 6 คอร์ที่อยู่ใน CPU แล็ปท็อป Intel ที่ทรงพลังที่สุด แต่ในความเป็นจริง M1 มีคอร์จำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่สามารถทำงานได้เร็วขึ้น แต่สามารถทำงานได้มากกว่า โดย 4 คอร์เป็นแกนประมวลผลเฉพาะสำหรับการคำนวณที่ซับซ้อน ซึ่งต้องใช้พลังประมวลผลจำนวนมาก อีก 4 คอร์ทุ่มเทให้กับงานที่เบากว่าซึ่งไม่ต้องใช้พลังงานมากนัก เพื่อให้แน่ใจว่าชิปจะไม่ใช้พลังงานเกินกว่าที่จำเป็น และงานจะถูกแบ่งไปยังแกนหลักที่เหมาะสมในทันที

ส่วนอีก 8 คอร์ใช้สำหรับการประมวลผลกราฟิกซึ่งคล้ายกับการทำงานของกราฟิกในตัว Iris ของ Intel ส่วนกราฟิกของ M1 มีความสามารถในการเปิดเครื่องจอภาพภายนอกที่ 60Hz และมีความละเอียดถึง 6K เช่น Apple Pro Display XDR

นอกจากนี้ M1 ยังมีตัวควบคุมการจัดเก็บข้อมูลในตัวเพื่อรับส่งข้อมูลเข้าและออกจากไดรฟ์โซลิดสเทต (SSD) ของ Mac รวมถึงโปรเซสเซอร์คอนโทรลเลอร์และเซ็นเซอร์อื่น ๆ ที่จัดการการเข้ารหัสการประมวลผลภาพจากเว็บแคมและอื่น ๆ ซึ่งชิป M1 ใช้กระบวนการผลิต 5 นาโนเมตรคล้ายกับรุ่นล่าสุดอย่าง A14 ชิปใน iPhone 12 

ความเร็วและปัญญาประดิษฐ์

อัลกอริธึมปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง (ML) เป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้ซอฟต์แวร์สมัยใหม่ทำงานได้อย่างราบรื่น โปรเซสเซอร์ Apple A-series และ Intel Core ก็ต่างมีความสามารถ AI ในตัวมานานแล้วและ M1 ก็ไม่แตกต่างกัน โดยมันมีแกนประมวลผล 16 คอร์เป็นของตัวเองเพื่อจัดการกับงาน AI 

ตามที่ Apple ระบุว่าชิป M1 นั้นเร็วกว่าโปรเซสเซอร์ของ Intel ใน Mac โดยประสิทธิภาพโดยทั่วไปของ M1 ของ MacBook Air เร็วกว่าเดิม 3.5 เท่า ในขณะที่ประสิทธิภาพกราฟิกเร็วขึ้นถึง 5 เท่า Apple กล่าวอีกว่า ใน M1 ของ MacBook Pro การคำนวณ AI เร็วกว่าเดิม 11 เท่าและ Apple บอกว่าสามารถสร้างโค้ดในแอป Xcode ได้เร็วขึ้นถึง 2.8 เท่า 

Apple ยังอ้างว่า MacBooks ที่ใช้ M1 นั้นเร็วกว่าเครื่องที่ใช้ Windows ซึ่งบริษัทประเมินว่า M1 ใหม่ใน MacBook Air จะมีประสิทธิภาพดีกว่า 98 เปอร์เซ็นต์ของแล็ปท็อปที่ขายในปีที่ผ่านมา การอ้างสิทธิ์เหล่านี้มาจากการทดสอบจาก Apple ที่ดำเนินการภายใน แม้ว่าบริษัทจะไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอ้างสิทธิ์เหล่านี้ เว้นแต่จะบอกว่าเป็นเกณฑ์ “มาตรฐานอุตสาหกรรม”

ซึ่งเกณฑ์มาตรฐานสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นจึงเร็วเกินไปที่จะบอกได้อย่างแน่นอนว่า M1 มีความสามารถตามที่ Apple บอกจริงหรือไม่ แต่เราสามารถใช้กระบวนการเปรียบเทียบตามวัตถุประสงค์ได้ หากคำกล่าวอ้างของ Apple เป็นจริงก็แสดงว่า M1 พร้อมที่จะแซงหน้า Mac ที่ใช้ Intel ในปัจจุบัน 

Apple ยังอ้างว่า M1 จะมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีที่สุดในรุ่นล่าสุด ได้แก่ MacBook Air และ MacBook Pro ซึ่ง Air และ Pro รุ่นก่อนหน้านี้ที่มาพร้อมชิป Intel นั้นมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีเยี่ยมอยู่แล้ว โดยปกติจะใช้งานเบา ๆ ระหว่าง 10 ถึง 20 ชั่วโมงเช่น การดูวิดีโอ

Categories
News

วันที่วางจำหน่าย iPhone 12 การอัปเดตครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี

วันที่วางจำหน่าย iPhone 12 การอัปเดตครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี
วันที่วางจำหน่าย iPhone 12 การอัปเดตครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี

วันที่วางจำหน่าย iPhone 12 การอัปเดตครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี

ในที่สุด เราก็ใกล้จะได้เห็น iPhone 12 และ iPhone 12 Pro รุ่นใหม่จาก Apple แล้ว ล่าสุดมีรายงานว่า iPhone 12 จะทิ้งการออกแบบที่มีอยู่ จะสร้างรูปลักษณ์ใหม่ทั้งหมดรวมถึงการเพิ่มการเชื่อมต่อ 5G ในทุกรุ่น โปรเซสเซอร์ A14 Bionic ที่สูงที่สุดของ Apple และกล้อง LiDAR สำหรับชุด Pro โดยเฉพาะ จอแสดงผล 120Hz สำหรับรุ่น Pro

คาดว่า iPhone 12 อาจจะวันวางจำหน่ายในวันที่ 23 ตุลาคม และจัดงานเปิดตัว ในวันที่ 13 ตุลาคม การสั่งซื้อล่วงหน้า จะเริ่มในวันที่ 16 ตุลาคม ตามตารางเวลาที่ AppleInsider คาดการณ์ไว้

จากรายงานในBloomberg ระบุว่า Apple เตรียม iPhone 12 จำนวน 75 ล้านเครื่องสำหรับการเปิดตัว ดังนั้นจึงคาดว่าจะมีความต้องการจำนวนมาก โดย Apple วางแผนที่จะวางจำหน่ายรุ่นที่ถูกกว่าก่อน

การเปลี่ยนแปลงที่อาจจะขึ้นเกี่ยวกับ iPhone 12

จากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ การเปิดตัว iPhone 12 ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ของ Apple เลยก็ว่าได้ เนื่องจากการมีข่าวลือถึงความเปลี่ยนแปลงในหลายๆด้าน

  • ราคาและการออกแบบ : นักวิเคราะห์ Jon Prosser กล่าวใน twitter ส่วนตัวว่า iPhone 12 ขนาด 4 นิ้ว จะเริ่มต้นที่ 649 ดอลลาร์ ส่วน iPhone 12 Pro อาจเริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์หรือ 1,049 ดอลลาร์ ในขณะที่ iPhone 12 Pro Max ราคาเริ่มต้น 1,099 เหรียญถึง 1,199 เหรียญ ในเรื่องการออกแบบคาดว่าจะใช้โลหะขอบแบนที่คล้ายกับ iPhone 5 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone ใกล้เคียงกับ iPad Pro 2020 มากขึ้น นักออกแบบ Jonas Daehnert ได้จำลอง iPhone 12 Pro ที่มีขอบแบนรอยบากเล็กและ “กล้อง” ตัวที่สี่ซึ่งน่าจะเป็นเซ็นเซอร์ LiDAR สำหรับการใช้งาน Augmented Reality ที่สมจริงยิ่งขึ้น
  • สีและรุ่น : นักวิเคราะห์ Ming-Chi Kuo กล่าวเมื่อปีที่แล้วว่า iPhone 12 มีทั้งหมดสี่รุ่น โดยโทรศัพท์ทั้งสี่รุ่นนี้จะรวมจอแสดงผล OLED ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำหรับ Apple เช่นเดียวกับ iPhone XR ก่อนหน้านี้  Apple จะเพิ่มปริมาณสีที่มากขึ้น อาจใช้โทนสีแบบดั้งเดิมที่เข้มกว่า เช่น Space Grey และสีเงินพร้อมกับการตกแต่งที่ดูพรีเมียมมากขึ้น
  • 5G : มีรายงานว่า iPhone 12 ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับการรองรับเครือข่าย 5G แต่เป็นไปได้ว่ามีเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น ที่ให้ความเร็วที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ ตามรายงานจาก Fast Company กล่าวว่า iPhone 12 Pro Max จะเป็นอุปกรณ์เดียวในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่รองรับ mmWave 5G อีกสามรุ่นจะรองรับ sub 6-GHz 5G
  • กล้อง : มีรายงานจาก Digitimes ว่า iPhone 12 และ iPhone 12 Max จะมีกล้องหลังสองตัว ในขณะที่ iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max จะมีกล้องหลังสามตัวพร้อมเซ็นเซอร์ LiDAR ใหม่

แนวโน้ม iPhone 12 ในอนาคตข้างหน้า

จากข่าวลือเกี่ยวกับ iPhone 12 การอัปเดตโทรศัพท์ปี 2020 ของ Apple ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น ซึ่งเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ที่สุด ทั้งเรื่องการเชื่อมต่อ 5G และการรองรับแอพ Augmented Reality พร้อมเซ็นเซอร์เวลาบินที่กำหนดไว้สำหรับ iPhone 12 รุ่นที่มีราคาสูงที่สุด แม้ว่าจะมีข่าวลือของ iPhone 12 ออกมาทุกวัน แต่ก็ยังมีอีกมากที่เราไม่รู้เกี่ยวกับ iPhone 5G เครื่องแรกของ Apple ดังนั้นอย่าลืมติดตามข่าวสารผ่านทางเว็บไซต์ iandtrick.com แหล่งรวบรวมข่าวสารและความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์ที่คุณไม่ควรพลาดกันนะคะ

Categories
News

มิติใหม่ของ YouTube แสดงให้ผู้สร้างสรรค์ผลงานได้ทราบถึงรายได้

มิติใหม่ของ YouTube แสดงให้ผู้สร้างสรรค์ผลงานได้ทราบถึงรายได้
มิติใหม่ของ YouTube แสดงให้ผู้สร้างสรรค์ผลงานได้ทราบถึงรายได้

มิติใหม่ของ YouTube แสดงให้ผู้สร้างสรรค์ผลงานได้ทราบถึงรายได้

YouTube กำลังเปิดตัวเมตริกซ์ใหม่ในส่วนการวิเคราะห์ช่องซึ่งจะแสดงให้ครีเอเตอร์ทราบว่าพวกเขามีรายได้เท่าใดเมื่อเทียบกับยอดดูวิดีโอทั้งหมด คาดว่าจะช่วยให้ครีเอเตอร์มีวิธีที่เชื่อถือได้ในการตรวจสอบความผันผวนของรายได้ในช่วงเวลาหนึ่ง

รายได้ต่อหนึ่งพันครั้ง (RPM) แสดงให้เห็นว่าครีเอเตอร์ได้รับเท่าใดต่อการดู 1,000 ครั้ง คำนวณโดยการคูณรายได้ทั้งหมดที่รายงานใน YouTube Analytics ด้วย 1,000 แล้วหารด้วยยอดดูวิดีโอทั้งหมดในช่วงเวลาเดียวกัน

ความแตกต่างระหว่าง RPM และ CPM ของ YouTube

CPM คือราคาต่อพันล้าน วัดจากจำนวนเงินโดยเฉลี่ยที่ผู้ลงโฆษณายินดีจ่ายเพื่อลงโฆษณาในวิดีโอครีเอเตอร์ ของเว็บไซต์ YouTube CPM เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพน้อยในการวัดรายได้ด้วยเหตุผลหลายประการ ขั้นแรกต้องพิจารณาเฉพาะวิดีโอที่สร้างรายได้เท่านั้นไม่ใช่วิดีโอทั้งหมด ประการที่สอง CPM แสดงให้เห็นว่าผู้ลงโฆษณาจ่ายอะไรบ้าง ไม่ใช่รายได้ของครีเอเตอร์

YouTube กล่าวว่า RPM เป็นเมตริกซ์ที่ดีกว่า CPM สำหรับครีเอเตอร์เนื่องจากแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีรายได้มากเพียงใดและคำนึงถึงรายได้ทั้งหมดที่รายงานใน YouTube Analytics รวมถึงโฆษณา, YouTube Premium, การเป็นสมาชิกของช่อง, Super Chat และ Super Stickers จำนวนการดูทั้งหมดจากวิดีโอของครีเอเตอร์ รวมถึงวิดีโอที่ไม่ได้สร้างรายได้ รายได้จริงที่ได้รับหลังจากส่วนแบ่งรายได้

ครีเอเตอร์คาดหวังว่าเมตริกซ์ RPM จะต่ำกว่า CPM เนื่องจากคำนวณโดยใช้รายได้ที่ได้รับหลังจากที่ ปรับลด RPM ที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ CPM ถือเป็นเรื่องปกติและไม่ได้หมายความว่าครีเอเตอร์จะได้รับเงินน้อยลง

ความสำคัญของ RPM สำหรับผู้สร้างสรรค์ผลงาน

ในปัจจุบันครีเอเตอร์ ยังไม่มีวิธีที่มีประสิทธิภาพในการวัดว่าพวกเขามีรายได้เท่าใดในแพลตฟอร์มทั้งหมด เพื่อความเป็นธรรมจึงไม่จำเป็นต้องใช้เมตริกซ์ดังกล่าวจนกว่า YouTube จะเริ่มขยายวิธีการที่ครีเอเตอร์มีสิทธิ์ทราบถึงรายได้ที่แน่นอน ก่อนหน้านี้วิธีเดียวที่ครีเอเตอร์สามารถทราบรายได้โดยตรงจาก YouTube คือผ่านโฆษณาในวิดีโอ

แนะนำวิธีสำหรับผู้ชมในการใช้จ่ายเงินเพื่อสนับสนุนครีเอเตอร์คนโปรด นอกจากรายได้จากโฆษณาที่ครีเอเตอร์จะได้รับ ผู้ชมยังสนับสนุนพวกเขาได้ผ่านช่องทางดังนี้

  • การดูจากบัญชี YouTube Premium
  • การเป็นสมาชิกของช่อง
  • Super Chats
  • ซูเปอร์สติ๊กเกอร์

การเป็นสมาชิกของช่องเป็นการสนับสนุนช่องที่ถูกแนะนำมากที่สุด เช่น Patreon โดยแฟน ๆ สามารถจ่ายเงินให้กับครีเอเตอร์โดยตรงเพื่อรับเนื้อหาพรีเมียม และเมื่อ YouTube เริ่มขยายไปสู่สตรีมมิงแบบสด มีการนำ Super Chat และ Super Stickers มาใช้คล้ายกับการซื้อบิตและการบริจาคบน Twitch

สำหรับช่องที่เผยแพร่วิดีโอและโฮสต์สตรีมแบบสดเป็นประจำ RPM เป็นวิธีที่ง่ายมากในการวัด ROI (การวัดผลตอบแทน) ผู้ชมสตรีมมิงกำลังซื้อ Super Chat และ Super Stickers แต่เวลาที่ใช้ในการสตรีมทำให้ครีเอเตอร์ไม่สามารถบันทึกเนื้อหาอื่น ๆ ได้ ครีเอเตอร์สามารถตรวจสอบได้ว่าความพยายามในการสตรีมมิงแบบสดของพากเขาส่งผลดีต่อช่องหรือไม่โดยการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของ RPM หาก RPM ลดลงแม้ว่า Super Chat และสติกเกอร์จะเข้ามาทั้งหมด ครีเอเตอร์อาจตัดสินใจที่จะมุ่งเน้นในการเผยแพร่วิดีโอปกติแทน ขณะนี้ RPM พร้อมใช้งานสำหรับครีเอเตอร์ที่แสดง dashboard รายได้ทั้งหมดเพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากมัน เพื่อวัดประสิทธิภาพรายได้ในช่วงเวลาหนึ่งและทำการตัดสินใจวางแผนสร้างสรรค์ผลงานอย่างชาญฉลาดมากขึ้นในอนาคต

Categories
News แนะนำแอปฯ

Cloudfare 1.1.1.1 คืออะไร ?

cloudfare 1.1.1.1
cloudfare 1.1.1.1

คือ สุดยอด แอปพลิเคชั่นสำหรับเปิด VPN จากผู้ให้บริการที่ชื่อดังของโลก Cloudfare ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการระบบ Network ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเจ้าหนึ่งในขณะนี้ และได้เปิดตัวแอปฯ 1.1.1.1 มาให้สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ตั้งแต่ช่วงปี 2018 รองรับการใช้งานทั้งระบบปฎิบัติการ iOS, Android, Windows และ Macintosh

เทคนิคโหลดเว็บเร็ว
เทคนิคโหลดเว็บเร็ว

VPN (Virtual Private Network) คืออะไร?

VPN คือ ซอฟต์แวร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวออนไลน์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต แต่ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถใช้มันได้กับกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการหลีกเลี่ยงการปิดกั้นหรือบล็อกการเข้าถึงเนื้อหา หรือ บริการจากที่ใดๆในโลกทั้งยังสามารถดาวน์โหลด Torrent ได้ในความเร็วที่มากขึ้นและอื่นๆอีกมาย

ข้อดีของการใช้ คราวแฟร์ 1.1.1.1 หากท่านได้ล็อคอินกับ โดยการเปิด คราวแฟร์ นั้นจะส่งผลดี เรื่องของการเก็บ Log ข้อมูลข้อเรียกร้องใดๆ บน hardisk บนเครื่องเซิฟเวอร์ ของผู้บริการบราวเซอร์ ให้เน้นความเป็นส่วนบุคคลเพิ่มมากขึ้น โดยผู้ให้บริการ DNS ยืนยันว่าจะไม่มีการ บันทึก หมายเลข IP ใดๆ และเพื่อสะดวกสะบายต่อการ ถูกล้วงข้อมูลด้านการทำธุรกรรมต่างๆ ส่วนเรื่องความเร็วนั้น ด้วย 1.1.1.1 ตั้งอยู่ บน CDN ของคราวแฟร์ จึงทำให้การเข้าถึงเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วโลก ได้อย่างรวดเร็วถึง 28 เปอร์เซน

VPN
VPN
Categories
News

iPhone รุ่นใหม่ของปี 2020 รุ่นไหนดี มีรุ่นอะไรบ้าง

iPhone รุ่นใหม่ของปี 2020 รุ่นไหนดี มีรุ่นอะไรบ้าง
iPhone รุ่นใหม่ของปี 2020 รุ่นไหนดี มีรุ่นอะไรบ้าง

iPhone รุ่นใหม่ของปี 2020 รุ่นไหนดี มีรุ่นอะไรบ้าง

โทรศัพท์มือถือ iPhone จัดว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมสูง และแม้ว่าราคาจะสูงกว่ายี่ห้ออื่น ๆ ในท้องตลาดก็ตาม แต่ความนิยมของสาวก Apple นั้น ยังคงเหนียวแน่น และพวกเขายังติดตามข่าวสารการเปิดตัวรุ่นใหม่ในทุก ๆ ปี ซึ่งในปี 2020 นี้ ก็จะมีออกมาด้วยกันถึง 5 รุ่น รวมถึง iphone ใหม่ล่าสุด อย่างไอโฟน 12 ที่เตรียมเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ด้วย

ในปี 2020 นี้ ทาง Apple ได้มีแผนจะเปิดตัว iPhone ด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่น ซึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวไปเรียบร้อยแล้ว 1 รุ่นด้วยกัน ส่วนอีก 4 รุ่นที่เหลือ ในตระกูล 12 Series ตามข่าวลือแล้วเตรียมจะเปิดตัวในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งก่อนจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการนั้น เรามาดูกันว่าในปี 2020 นี้ จะมีรุ่นอะไรบ้างให้สาวก Apple ได้เลือกกัน

  • ไอโฟน SE 2 วางจำหน่ายไปเรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงต้นปี มาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 4.7 นิ้ว และกล้องหลัง 2 ตัว พร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 13.4 หน่วยประมวลผล Apple A13 Bionic Hexa Core ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 14,900-35,900 บาท และไม่รองรับระบบ 5G
  • ไอโฟน 12 มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 5.4 นิ้ว และกล้องหลัง 2 ตัว พร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 14 หน่วยประมวลผล Apple A14 Bionic Hexa Core สนนราคาเปิดตัวคาดว่าเริ่มต้นประมาณ 25,900 บาท มาพร้อมความจุ 64/128/256 GB
  • ไอโฟน 12 Pro มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 6.1 นิ้ว และกล้องหลัง 3 ตัว พร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 14 หน่วยประมวลผล Apple A14 Bionic Hexa Core สนนราคาเปิดตัวคาดว่าเริ่มต้นประมาณ 33,900 บาท มาพร้อมความจุ 128/256/512 GB
  • ไอโฟน 12 Pro Max มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 6.7 นิ้ว และกล้องหลัง 3 ตัว พร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 14 หน่วยประมวลผล Apple A14 Bionic Hexa Core สนนราคาเปิดตัวคาดว่าเริ่มต้นประมาณ 37,900 บาท มาพร้อมความจุ 128/256/512 GB
  • ไอโฟน 12 Mini iphone ใหม่ล่าสุด ที่รอเปิดตัว มาในรุ่นเล็ก ขนาดจอ 5.4 นิ้ว ซึ่งจะมีรูปลักษณ์หน้าตาเหมือนรุ่นอื่น ๆ เพียงแต่รุ่นเล็กนี้จะมีตัวเครื่องสีสันสดใสให้เลือกมากกว่า ส่วนสเปคเครื่องนั้น ก็ต้องไปรอดูกันในวันเปิดตัวไอโฟน ว่าจะตัวเล็กสเปคแรงหรือไม่ และราคาเปิดตัวคาดว่าเริ่มต้นประมาณ 21,900 บาท และมาในความจุ 64/128/256 GB
  • iPhone 12 Series กับ 5 เรื่องที่ควรรู้

    ในระหว่างที่รอการเปิดตัวรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการนั้น มาทำความรู้จักกันดีกว่าว่า iPhone 12 Series นั้น มีข้อมูลและรายละเอียดอะไรบ้าง ที่เราควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ ดังนี้

    1. ตัวเครื่องมีการดีไซน์ใหม่

    ไอโฟน 12 นั้น จะมาในรูปลักษณ์ที่ย้อนกลับไปเหมือนดีไซน์ของตัวเครื่องรุ่นไอโฟน 4 ที่เป็นขอบเหลี่ยม แทนการเป็นขอบโค้งมนอย่างในรุ่นไอโฟน 11

    2. iPhone 12 ทุกรุ่น รองรับ 5G

    ทุกรุ่นนั้นจะรองรับเทคโนโลยี 5G รวมถึงคาดว่ารุ่น 12 Mini ด้วยเช่นกัน

    3. ชิปประมวลผลตัวใหม่ล่าสุด

    ชิปประมวลผลที่จะมาพร้อมไอโฟน 12 นั้น จะเป็น A14 Bionic ตัวเดียวกับที่ใช้ใน iPad Air 4 รุ่นล่าสุดปี 2020 ที่จะเน้นไปที่ความเร็วในการประมวลผลที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของ AI และ AR เป็นพิเศษ

    4. ไม่แถมหูฟังและอะแดปเตอร์

    มีรายงานที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่า จะไม่มีหูฟัง Earpods และอะแดปเตอร์แถมมาในกล่อง เพราะที่ผ่านมาไม่ค่อยได้รับความสนใจในของแถมสักเท่าไหร่ รวมถึงเนื่องจากลดต้นทุน เพราะการผลิตมีต้นทุนสูงจากอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยี 5G

    5. เปิดตัวและจำหน่ายในไทยเมื่อไหร่

    ตามข่าวลือได้มีกำหนดการในการเปิดตัว iphone ใหม่ล่าสุด ทั้ง 4 รุ่นในวันที่ 13 ตุลาคม 2563 และจะเปิดจองวันที่ 16 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป ส่วนวางจำหน่ายในไทยนั้น คาดว่าจะราว ๆ เดือนพฤศจิกายน 2563

    เหตุผลอะไร ทำไมถึงควรซื้อ iPhone 12 Series

    แน่นอนว่าตอนนี้สาวก Apple ทั้งหลายนั้น คงใจจดใจจ่อที่จะรอการเปิดตัว iphone ใหม่ล่าสุด กันอยู่แล้ว และหลาย ๆ คนก็ยังลังเลว่าจะเปลี่ยนดีไหม? หรือใครที่ใช้แอนดรอยด์มาก่อน แต่อยากจะลองเปลี่ยนดูบ้าง ก็อาจจะยังชั่งใจว่าใช้ iPhone แล้วดีจริงหรือ? ไอโฟนน่าใช้หรือไม่ มีเหตุผลอะไรที่ควรซื้อ มาดูกันเลย

    1. ประสิทธิภาพเครื่องในระดับดีเยี่ยม

    แม้ว่าไอโฟนจะด้อยกว่าคู่แข่งในเรื่องของกล้อง, การชาร์ตไฟ หรือแม้แต่การเชื่อมต่อเครือข่าย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าประสิทธิภาพและการพัฒนาชิปประมวลผลของ Apple นั้น ดีที่สุดในท้องตลาด ซึ่งแน่นอนว่าในรุ่นใหม่อย่างไอโฟน 12 Series นั้น ได้ใช้ A14 Bionic ที่เป็นชิปประมวลผลตัวใหม่ล่าสุด ที่แรงกว่าเดิมถึง 50%

    2. เพิ่ม LiDAR Scanner

    เซ็นเซอร์วัดระยะ ที่จะมาทำงานร่วมกับกล้องหลัง เช่นเดียวกับที่เคยนำมาใช้ใน iPad Pro 2020 ซึ่งตัวเซ็นเซอร์ LiDAR จะไปช่วยการทำงานของระบบ Autofocus ตรวจจับวัตถุขณะถ่ายวิดีโอ และในโหมดกลางคืน ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะเป็นสเปคของกล้องที่ดีขึ้นด้วย

    3. ความจุแบตเตอรี่ที่มากขึ้น

    แม้ว่าจะยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลว่า iPhone ทั้ง 4 รุ่นที่กำลังจะเปิดตัวนั้น จะมีความจุแบตเตอรี่เท่าไหร่ ซึ่งที่ผ่านมา Apple อาจจะมีปัญหาที่ด้อยกว่าคู่แข่งในเรื่องของความจุแบต จึงเป็นไปได้ว่า ในไอโฟน 12 Pro นั้น อาจจะมีความจุแบตถึง 4,400 mAh เรียกได้ว่ามากกว่ารุ่น 11 Pro ที่มีความจุแบตเพียง 3,046 mAh และยังอาจจะรองรับระบบชาร์จไวแบบ 20W ด้วย

     

    ก็ได้รู้จักกันไปแล้วว่า iPhone รุ่นใหม่ของปี 2020 นั้น จะมีรุ่นอะไรบ้าง และสเปคต่าง ๆ ของ iphone ใหม่ล่าสุด เป็นยังไง น่าใช้หรือไม่ ซึ่งสาวก Apple ก็คงจะกำลังรอคอยที่จะได้เห็นตัวเครื่องพร้อมกันเป็นครั้งแรกในเร็ว ๆ นี้ ส่วนการจะตัดสินใจเปลี่ยนรุ่นใหม่หรือไม่นั้น ก็ลองพิจาณาสเปคและข้อดีต่าง ๆ ที่เราแนะนำกันไป แล้วค่อยตัดสินใจกันดู

    HILO-88.COM
    HILO-88.COM