เวลาออมแสงช่วยให้ประหยัดค่าพลังงานหรือไม่?
ใกล้ถึงเวลาที่ต้องหมุนเข็มนาฬิกากลับในฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แต่ไม่ต้องคาดหวังว่าบิลไฟฟ้าของคุณจะลดลงมากนัก
แนวคิดเกี่ยวกับการประหยัดพลังงานด้วยเวลาออมแสง
การเปลี่ยนเวลาในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงเพื่อปรับตามเวลาออมแสงได้รับการปฏิบัติกันมานานหลายปีแล้ว แต่คำถามคือการเปลี่ยนเวลาแบบนี้จริง ๆ แล้วช่วยประหยัดพลังงานหรือไม่?
แนวคิดของเวลาออมแสง (Daylight Saving Time) มีมานานกว่าร้อยปี ถูกเชื่อมโยงกับชื่อของ Benjamin Franklin ที่เคยเสนอให้ตื่นขึ้นเร็วกว่านี้เพื่อประหยัดค่าเทียนไข แต่ที่จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจอย่างจริงจัง นโยบายนี้ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเพื่อประหยัดพลังงาน
เวลาออมแสงช่วยประหยัดพลังงานหรือไม่?
แม้ว่าในอดีตการเพิ่มเวลาแสงแดดในช่วงเย็นอาจช่วยประหยัดพลังงานในช่วงสงคราม แต่ในปัจจุบันการใช้พลังงานของผู้คนเปลี่ยนไปแล้ว ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าการประหยัดพลังงานจากเวลาออมแสงมีผลน้อย
การศึกษาในปี 2008 ที่รัฐอินเดียน่าเผยว่าผู้คนใช้ไฟฟ้าน้อยลงในบางครั้ง แต่ก็ใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น ทำให้การประหยัดพลังงานเป็นไปอย่างจำกัด
การประหยัดพลังงานจากการใช้ไฟฟ้า
ปัจจัยต่าง ๆ เช่นการพัฒนาหลอดไฟ LED ทำให้การใช้พลังงานจากไฟฟ้าในบ้านเป็นส่วนน้อยลง อย่างไรก็ตาม การใช้หลอดไฟที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเช่น LED หมายถึงการประหยัดที่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับหลอดไส้
แนวทางที่แนะนำในการประหยัดพลังงานคือใช้วิธีอื่นเช่น การใช้ระบบทำความเย็นและร้อนที่สามารถควบคุมอุณหภูมิในแต่ละห้อง การปรับปรุงหน้าต่างให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อน
สิ่งที่ควรทำในช่วงเวลาออมแสง
แม้ว่าเวลาออมแสงอาจไม่ช่วยประหยัดพลังงานเท่าที่ควร ยังมีสิ่งที่ควรทำ เช่น เปลี่ยนแบตเตอรี่ในเครื่องตรวจจับควันไฟ เปลี่ยนแผ่นกรองน้ำ HVAC ดูแลรักษาช่องระบายอากาศของเครื่องซักผ้า และตรวจสอบชุดฉุกเฉินของคุณ
บทสรุป
การหมุนเข็มนาฬิกาตามเวลาออมแสงอาจไม่มีผลในการประหยัดพลังงานมากนักในปัจจุบัน แต่การใช้เทคโนโลยีและวิธีการประหยัดพลังงานในบ้านอื่น ๆ ยังเป็นทางที่ดีในการลดการใช้พลังงานและประหยัดเงินในระยะยาว