
ปัจจุบันเครื่องฟอกอากาศนับว่าเป็นหนึ่งในไอเทมที่มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของเราในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่จนส่งผลให้หลาย ๆ คนมีอาการป่วย เช่นภูมิแพ้, ผื่นคัน หรืออาจจะรุนแรงไปจนถึง โรคมะเร็งปอด ดังนั้นการมีเครื่องฟอกอากาศไว้ในบ้าน หรือ เครื่องฟอกอากาศในรถ ก็นับว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เราลดความเสี่ยงจากโรคต่าง ๆ ที่เกิดจากฝุ่น โดยเฉพาะ PM2.5 ซึ่งมีมากเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน และก่อนหน้านี้เว็บไซต์ของเราเคยแนะนำเครื่องฟอกอากาศสำหรับใช้ในบ้านไปแล้ว ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากแนะนำ 3เครื่องฟอกอากาศในรถ รุ่นไหนดี สำหรับปี 2023 นี้ มาฝากทุกคนกัน
รวม 3 เครื่องฟอกอากาศในรถ ที่สามารถกรองฝุ่นอนุภาคเล็กถึง 2.5 ไมครอน
สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังรอบทความแนะนำเครื่องฟอกอากาศในรถจากเว็บไซต์ของเรา วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลเหล่านั้นมาให้ทุกคนแล้ว ซึ่งมีเครื่องฟอกอากาศจากแบรนด์ต่าง ๆ ดังนี้
- GoPure 7101

เครื่องฟอกอากาศในรถ Philips ที่สามารถปกป้องมลพิษได้มากถึง 125 ประเภท เช่น การกำจัดก๊าซพิษ, กรอง PM 2.5 และ ขจัดควัน NO₂/SO₂ ที่เป็นอันตรายจากการจราจร เป็นต้น อีกทั้งยังสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป Air Matters และที่สำคัญ แผ่นกรองยังได้รับการรับรองจาก Airmid ว่าสามารถขจัดสารก่อภูมิแพ้ในอากาศได้สูงถึง 90% และ แผ่นกรองบังมีอายุการใช้งานถึง 350 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ราคา: ประมาณ 6,011 บาท
- Xiaomi MiJia Car Air Purifier

เครื่องฟอกอากาศในรถ Xiaomi ที่สามารถฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็ว โดยมีอัตราความเร็วในการกำจัดสิ่งปนเปื้อนที่ถูกดูดผ่านเครื่องฟอกอากาศ (CADR) ที่ 60 ลบ.ม./ชั่วโมง ในเวลาเพียง 3 – 7 นาที สามารถกรองฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า PM2.5/PM0.3-0.5 ได้มากถึง 99.99% สามารถเชื่อมต่อการใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน และที่สำคัญไส้กรองเครื่องฟอกยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน มากกว่า 4,000 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ราคา: ประมาณ 2,180 บาท
- IQAIR รุ่น ATEM Car

เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ที่สามารถป้องกันอนุภาคอัลตร้าไฟน์ UFPs ที่มีขนาดเล็กกว่า 0.1 ไมครอนซึ่งเป็นปัญหาหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจ, หัวใจเต้นผิดจังหวะ, โรคหอบหืด แม้กระทั่งโรคมะเร็ง เป็นต้น นอกจากนี้ตัวกรองอากาศของ IQAir ในรุ่น Atem ได้รับการรับรองแล้วว่า สามารถกรองฝุ่น และสารพิษที่มาอนุภาคเล็กถึง 0.003 ไมครอน เช่น ฝุ่นละเอียด PM2.5, ละอองเกสรดอกไม้, สปอร์เชื้อเรา และแบคทีเรีย รวมถึงไวรัสทุกชนิดทด้วยประสิทธิภาพการกรองละเอียดถึง 99% อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อการใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน IQAir Atem ได้อีกด้วย
ราคา: ประมาณ 17,900 บาท
เครื่องฟอกอากาศสำคัญอย่างไร และ เครื่องฟอกอากาศในรถจําเป็นไหม

ก่อนที่เราจะไปพูดถึงความสำคัญ และ ความจำเป็นของ เครื่องฟอกอากาศ ในรถ ก่อนอื่นเราต้องขอพูดถึงมลภาวะทางอากาศที่มีมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะเขตเมือง ซึ่งเป็นเขตที่มีอากาศบริสุทธิ์ค่อนข้างน้อยเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งควันเสียจากรถยนต์ก็นับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศ ดังนั้นในหลาย ๆ ประเทศในทวีปยุโรปจึงมีกฎหมายเกี่ยวกับการเก็บภาษีรถยนต์ตามอัตราการปล่อยไอเสียโดยเฉพาะในเขตเมือง และหากเป็นรถที่ขับขี่ในเมืองที่มีรถติดค่อนข้างมาก นอกจากจะส่งผลเสียเป็นวงกว้างแล้ว ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือ บรรดาผู้ใช้รถ ใช้ถนนนั่นเอง เนื่องจาก ฝุ่น สารพิษ รวมไปถึงสารที่ก่อให้เกิดอันตรายต่าง ๆ จากการจราจร ก็จะเข้ามาในรถยนต์ของเราอย่างปฏิเสธไม่ได้ และเราก็จะได้รับสารพิษต่าง ๆ เหล่านั้นแบบเต็ม ๆ ซึ่ง เครื่องฟอกอากาศรถ จึงเข้ามาเป็นตัวช่วยในการกรองอากาศภายในรถให้มีความบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้สำหรับใครที่สงสัยว่า เครื่องฟอกอากาศในรถจําเป็นไหม ส่วนตัวแล้วเรารู้สึกว่า เครื่องฟอกอากาศภายในรถ ค่อนข้างมีความจำเป็นมากพอสมควร โดยเฉพาะสำหรับคนที่ใช้รถบ่อย ๆ เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศบางรุ่นนอกจากจะกรองฝุ่นและสารพิษได้แล้ว ยังสามารถกำจัดได้ทั้งกลิ่น แบคทีเรีย และ ไวรัส ได้อีกด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยหลังที่ทำให้เราป่วย หรือ ไม่สบาย ดังนั้นการเลือกเครื่องฟอกอากาศในรถที่มีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานของเราก็นับว่าเป็นอุปกรณ์เสริมที่จำเป็นพอสมควร
อ่านบทความอื่นๆ:
- หน้าหนาวนี้คุณมี เครื่องฟอกอากาศ หรือยัง?
- เครื่องฟอกอากาศในรถ ยี่ห้อไหน รุ่นไหนดี มาดูการเลือกซื้อกัน