
หูฟังบลูทูธนับว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะนอกจากความสะดวกสบายไม่มีสายของหูฟังมาเกะกะขณะสวมใส่แล้ว ยังมีหูฟังจากหลายแบรนด์ หลายดีไซน์ และหลายเรทราคาให้เลือก ดังนั้นวันนี้เราจึงได้ไปรวบรวม 10 หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ฉบับปี 2024 มาฝากเพื่อน ๆ ทุกคนแล้ว
หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี มีกี่ประเภท มีข้อดี – ข้อเสียยังไงบ้าง

สำหรับหูฟังที่กันทั่ว ๆ ไปจะมีทั้งหมด 5 ประเภทด้วยกัน ซึ่งสำหรับ หูฟังบลูทูธยี่ห้อไหนดี เราก็รวมมาให้ทั้งหมดทุกประเภทเช่นเดียวกัน แต่ก่อนที่จะไปดูว่า หูฟังบลูทูธยี่ห้อไหนดี 2024 เรามาดูกันก่อนว่า หูฟังทั้ง 5 ประเภทมีอะไรบ้าง และมีข้อดี – ข้อเสียยังไงบ้าง
หูฟังอินเอียร์ (In-Ear Earphones)

หูฟังชนิดนี้จะมีขนาดเล็ก เมื่อสวมใส่จะต้องสอดจุกของหูฟังเข้าไปในรูหูเพื่อลดเสียงรบกวนจากภายนอกจึงทำให้เสียงที่ได้จะมีความชัดเจน อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก ซึ่ง หูฟังบลูทูธ หลายแบรนด์ก็ออกแบบดีไซน์นี้ออกมาเป็นจำนวนมาก
- ข้อดี
- น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
- ตัดเสียงรบกวนได้ดี
- มีการคัสตอมให้พอดีกับหูของผู้สวมใส่ (บางรุ่น)
- ข้อเสีย
- อาจมีอาการปวดรูหูหากสวมใส่เป็นเวลานอน
- ในบางคนอาจมีอาการแพ้จุกยางหูฟัง
- อาจหลุดหายได้ง่าย
- หากเปิดใช้ระบบ noise cancelling ไม่ควรใช้นอกบ้านเพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
หูฟังเอียร์บัด (Earbuds)

น่าจะเป็นหูฟังที่หลายคนค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะ หูฟังบลูทูธไอโฟน หลายรุ่นก็มักจะเป็นประเภทนี้ เช่น AirPods 2 หรือ 3 รวมไปถึงหูฟังสายของไอโฟนรุ่นเก่า ๆ สำหรับหูฟังเอียร์บัดจะเป็นสวมใส่ที่ช่องหูแต่ไม่ต้องสอดเข้าไปเหมือนหูฟังแบบอินเอียร์ จึงให้ความรู้สึกที่สบายหูมากกว่า
- ข้อดี
- ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
- ใช้งานง่าย เหมาะกับการใช้งานทั่วไป
- โอกาสที่จะทำให้ช่องหูหรืออาการแพ้น้อยกว่าแบบอินเอียร์
- ข้อเสีย
- ตัดเสียงรบกวนได้น้อยกว่าแบบอินเอียร์
- อาจหลุดหายได้
- คุณภาพเสียงสู้แบบอินเอียร์ไม่ได้หากเทียบในกลุ่มราคาเดียวกัน
หูฟังออนเอียร์ (On-Ear Headphones)

หูฟัง Bluetooth ชนิดนี้เป็นอีกหนึ่งชนิดหูฟังที่ค่อนข้างจะได้รับความนิยม เนื่องจากหลายรุ่นจะมพร้อมดีไซน์ที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ โดยตัวูฟังจะเป็นแบบคาดศีรษะแต่จะมีลำโพงขนาดเล็ก พอดีกับหู จึงไม่ใหญ่เทอะทะเท่ากับแบบครอบหูจึงทำให้มีน้ำหนักที่เบามากกว่าด้วย
- ข้อดี
- ลำโพงขนาดใหญ่ให้คุณภาพเสียงที่ดี (ขึ้นอยู่กับราคา)
- น้ำหนักเบา พกพาสะดวกกว่าแบบครอบหู
- มีดีไซน์ที่หลากหลาย
- มีฟองน้ำทำให้นุ่มสบายหู
- ข้อเสีย
- พกพาไม่สะดวกเท่าแบบอินเอียร์หรือเอียร์บัด
- ป้องกันเสียงรบกวนได้น้อยกว่าแบบครอบหัว
- บางรุ่นอาจมีเสียงดังเล็ดลอดออกมารถกวนคนอื่น
หูฟังโอเวอร์เอียร์ (Over-Ear Headphones)

หูฟังโอเวอร์เอียร์หรือ หูฟังครอบหู เป็นหูฟังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับประเภทอื่น ๆ ซึ่งความใหญ่ของมันก็จะทำให้หลาย ๆ รุ่นมีน้ำหนักพอสมควร ลำโพงมีฟองน้ำใหญ่ นุ่ม ทำให้รู้สึกสบายหู ป้องกันเสียงรบกวนได้ดี เมื่อใส่ไปนาน ๆ ก็อาจจะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ รวมมาถึงคอ บ่า ไหล่ได้ในบางกรณี และปัจจุบันก็มีหลายแบรนด์ที่หันมาทำหูฟังโอเวอร์เอียร์แบบบลูทูธเป็นจำนวนมาก เช่น หูฟังบลูทูธ jbl เป็นต้น
- ข้อดี
- ฟองน้ำนุ่ม สวมใส่ง่าย สบาย
- ป้องกันเสียงรบกวนได้ดีกว่าแบบออนเอียร์
- ไม่กดทับใบหูให้รู้สึกเจ็บ
- ข้อเสีย
- มีน้ำหนักมากกว่าชนิดอื่น ๆ
- เมื่อสวมใส่นาน ๆ อาจส่งผลให้เกิดอาการปวดศีรษะ
- พกพาไม่สะดวกเท่าที่ควร
- เมื่อใช้นาน ๆ ไปฟองน้ำ
- หากเป็นรุ่นที่ตัดเสียงรบกวนได้ดีอาจไม่เหมาะกับการใช้นอกบ้าน
หูฟังแบบสั่นกระดูก (Bone Conduction Headphones)

จะเรียกว่าเป็นอีกหนึ่งหูฟังที่เป็นมิตรกับหูของเราก็ว่าได้ เพราะเป็นหูฟังที่ใช้ส่งคลื่นจากการสั่นสะเทือนผ่านกระดูกแก้มไปยังหูชั้นใน ทำให้เราสามารถได้ยินเสียงจากหูฟังในขณะเดียวกันก็ยังคงจะได้ยินเสียงจากภายนอก ดังนั้นจึงค่อนข้างที่จะเหมาะกับการเป็น หูฟังใส่ออกกำลังกาย และแบรนด์หูฟังหลายแบรนด์ก็พัฒนาหูฟังชนิดนี้ออกมาเป็นจำนวนมากเช่นกัน เช่น หูฟังบลูทูธ Lenovo เป็นต้น
- ข้อดี
- ปลอดภัยกับคนที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง
- สบายหู ไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง
- ไม่เกะกะ ไม่ทำให้อึดอัด
- ข้อเสีย
- ราคาค่อนข้างสูง
- หากสวมใส่นาน ๆ อาจจะทำให้รู้สึกปวดโหนกแก้มได้
- ไม่เหมาะกับคนที่ชอบฟังเพลงดัง ๆ
วิธีเลือกซื้อ หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ให้ตอบโจทย์ที่สุด

ก่อนที่เราจะไปดู 10หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี เรามาดูกันก่อนว่า การเลือกจะเลือกซื้อหูฟังให้ตอบโจทย์ความต้องการ และเพื่อให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป เราควรจะใช้เกณฑ์อะไรบ้างในการเลือกซื้อหูฟัง ซึ่งแน่นอนว่า การเลือก หูฟังบลูทูธยี่ห้อไหนดี จากแบรนด์ของหูฟังนั้น ๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน
1. เลือกจากรูปแบบการใช้งาน และไลฟ์สไตล์ของเรา
หากคุณต้องการจ่ายเงินซื้อหูฟังครั้งเดียวแล้วคุ้มค่าที่สุด การเลือกซื้อหูฟังจากไลฟ์สไตล์ และรูปแบบการใช้งานของเรานับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ซึ่งหากคุณเป็นคนที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งบ่อย ๆ หูฟังแบบอินเอียร์, เอียร์บัด หรือหูฟังแบบสั่นกระดูกน่าจะตอบโจทย์คุณมากกว่า เพราะพกพาสะดวก, น้ำหนักเบา และหลาย ๆ แบรนด์จะมี หูฟังกันเหงื่อ ให้เลือกด้วย เช่น ฟังบลูทูธ Samsung เป็นต้น
2. เลือกจากราคาของหูฟัง
ปัจจุบันราคาหูฟังไร้สายมีหลายเรทราคาให้เลือกมาก ๆ ตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักแสนบาท แน่นอนว่านอกจากวัสดุที่ทำงานผลิต และแบรนด์จะต่างกันแล้ว คุณภาพของเสียงที่ได้ก็แตกต่างกันอย่างแน่นอน แต่หากใครที่เป็นสาย คุ้มค่าคุ้มราคา คุณอาจจะลองค้นหา หูฟังบลูทูธยี่ห้อไหนดีราคาไม่เกิน1000 แล้วลองนำสเปคของหูฟังที่ได้มาเปรียบเทียบกันเพื่อให้ได้ตัวเลือกที่ถูกใจที่สุด
3. เลือกจากแบรนด์ของหูฟัง
การเลือกหูฟังจากแบรนด์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เช่น หูฟังบลูทูธ oppo หรือ Sony เพราะแต่ละแบรนด์นอกจากจะมีเทคโนโลยีที่ต่างกันแล้ว โทนเสียงที่ได้ก็ค่อนข้างที่จะมีเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์อีกด้วย ดังนั้นการเลือกหูฟังจากแบรนด์ที่ชื่นชอบก็สำคัญสำหรับหลายคนเช่นกัน
รวบรวม 10 อันดับ หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี
มาถึงในส่วนของการจัดอันดับ 10 อันดับหูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี กันแล้วนะคะทุกคน จะมียี่ห้อไหนบ้าง และจะมี หูฟังบลูทูธยี่ห้อไหนดีราคาหลักร้อย บ้างหรือเปล่าวันนี้เรารวมมาให้แล้ว ใครชอบรุ่นไหนจิ้มลิงค์แล้วดูสเปคได้เลย

1. Sony WF-C500
หูฟังอินเอียร์ไร้สาย Sony ที่มาพร้อมเทคโนโลยี DSEE (Digital Sound Enhancement Engine) ที่ช่วยกู้คืนคุณภาพเสียงของเพลงให้กลับมาดีใกล้เคียงกับต้นฉบับ อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งเสียงตามสไตล์ที่คุณชอบผ่านแอป Sony Headphones Connect
- ใช้งานแบตเตอรี่ 10 ชม. รวมการชาร์จด้วยกล่องชาร์จ 1 ชั่วโมงจะเป็น 20 ชม.
- ระดับกันน้ำ IPX4
- สามารถใช้งานทีละข้างได้ พกพาสะดวก
- ปรับแต่งเสียงด้วยแอป Sony
- มี 4 สีให้เลือก ได้แก่ ส้ม, เขียว, ขาว และดำ
- ราคา 3,490 บาท

2. Marshall Major IV
หูฟังบลูทูธ Marshall แบบออนเอียร์สไตล์วินเทจ ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาสะดวก มีช่องเสียบสายหูฟัง AUX และช่อง USB-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ จึงทำให้สามารถใช้งานได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย ที่สำคัญคุณยังสามารถแชร์เพลงให้เพื่อนของคุณฟังผ่านช่องหูฟัง 3.5 มม. ได้ด้วย
- ใช้งานได้นานสุด 80 ชม. ชาร์จเพียง 15 นาที สามารถใช้งานได้นานถึง 15 ชั่วโมง
- ไม่กันน้ำ
- การออกแบบแบบพับได้
- รองรับการชาร์จไร้สาย
- มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ ดำและน้ำตาล
- ราคา 5,490 บาท

3. Shokz Openmove
หูฟังแบบสั่นกระดูก (Bone Conduction) ที่เหมาะกับคนที่กำลังตามหาหูฟังออกกำลังกาย ซึ่งรุ่นนี้จัดว่าเป็นรุ่นเริ่มต้น แต่มาพร้อมฟังก์ชันที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการกันเหงื่อ กันน้ำ ใช้งานได้นาน และน้ำหนักเบา เหมาะกับคนที่อยากได้หูฟังราคาสบายกระเป๋า คุณภาพคุ้มราคา
- ใช้งานได้นานสูงสุด 6 ชั่วโมงต่อเนื่อง ชาร์จเต็มใน 2 ชั่วโมง
- กันน้ำ กันฝุ่น IP55
- มีไมค์โครโฟน Dual Noise Cancelling
- สามารถปรับแต่งเสียงได้ 3 ระดับผ่านปุ่มฟังก์ชันบนหูฟัง
- มี 4 สีให้เลือก ได้แก่ Slate Grey, Alpine White, Himalayan Pink และ Elevation Blue
- ราคา 2,990 บาท

4. JBL Tune Beam Ghost
หูฟังอินเอียร์ดีไซน์สุดล้ำ เรื่องคุณภาพเสียงไม่ต้องพูดถึงเพราะ JBL เขาเป็นแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องเสียงมานานกว่า 75 ปี และสำหรับรุ่นที่เรานำมาแนะนำในวันนี้เป็นรุ่นที่ไม่ได้โดดเด่นแค่ดีไซน์เท่านั้น แต่ยังมีขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาสะดวก
- ใช้งานได้นานถึง 48 ชั่วโมง ชาร์จด้วยกล่องชาร์จเต็มใน 2 ชั่วโมง
- มาพร้อมไมโครโฟน 4 ตัว
- กันน้ำ กันฝุ่น IP54
- มีระบบตัดเสียงรบกวน
- JBL Pure Bass Sound
- ควบคุมด้วยการสัมผัส
- มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ ขาวและดำ
- ราคา 4,290 บาท

5. AUKEY EP-M2
หูฟังเอียร์บัดราคาหลักร้อย จากแบรนด์อุปกรณ์เสริมมือถือสัญชาติเยอรมันที่มาแรงที่สุดของยุคเลยก็ว่าได้ และสำหรับหูฟังที่เราจะนำมาแนะนำในวันนี้นอกจากราคาปัจจุบันจะอยู่ที่หลักร้อยแล้ว ทั้งดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งานก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
- ควบคุมผ่านระบบสัมผัส
- ใช้งานได้ยาวนาน 20 ชั่วโมง
- สามารถปรับแต่งเสียงได้ 3 โหมด
- กันน้ำและเหงื่อระดับ IPX4
- มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ ขาวและดำ
- ราคา 799 บาท

6. Beats x Kim (Beats Studio Pro รุ่น Kim Special Edition)
สำหรับใครที่เป็นแฟนของ Kim Kardashian หรือบ้าน Kardashian ไม่ควรพลาดหูฟังสไตล์โอเวอร์เอียร์รุ่นนี้สุด ๆ โดยหูฟังไร้สายรุ่น Beats x Kim มี 2 แบบด้วยกันคือแบบอินเอียร์และแบบโอเวอร์เอียร์ที่เรานำมาแนะนำให้กับเพื่อน ๆ ในวันนี้ ซึ่งเป็นรุ่นที่ขายอย่างเป็นทางการในไทยนั่นเอง
- มาพร้อมกระเป๋าสำหรับพกพา และตัวหูฟังสามารถพับได้
- สามารถใช้งานได้นานสุด 40 ชั่วโมง
- มาพร้อมฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน
- ระบบเสียงตามตำแหน่ง
- สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ของ Apple
- ระบบตัดเสียงรบกวนขณะคุณโทรศัพท์
- ฟองน้ำหูฟังบุหนังเทียม UltraPlush
- มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ Moon, Dune และ Earth
- ราคา 11,400 บาท

7. Galaxy Buds3
หูฟังรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Samsung ซึ่งเป็นหูฟังแบบเอียร์บัดที่มาพร้อมดีไซน์ ล้ำสมัย เรียบหรู และมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ดึงเอา AI เข้ามาช่วยมากขึ้น ทำให้นอกจากจะเป็นหูฟังที่มีคุณภาพเสียงดีแล้ว ยังเป็นหูฟังที่อำนวยความสะดวกกับผู้ใช้งานมากขึ้นอีกด้วย
- สามารถปรับแต่งเสียงได้
- มีระบบตัดเสียงรบกวน
- ควบคุมด้วยการสัมผัส และสั่งการด้วยเสียง
- มี AI ช่วยให้คุณภาพเสียงดีขึ้น
- รองรับโหมดการรับฟังและการสนทนาเพื่อช่วยแปลภาษาภายในไม่กี่วินาที
- มีระบบเสียงรอบทิศทาง
- กันน้ำและฝุ่น IP57
- สามารถใช้งานได้นานถึง 6.30 ชั่วโมง
- มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ Silver และขาว
- ราคา 5,490 บาท

8. JBL Soundgear Sense
หูฟังสไตล์ Open Ear ซึ่งเป็นอีกหนึ่งชนิดที่สวมใส่สบาย เน้นความคล่องตัว เหมาะกับการสวมใส่ออกกำลังกาย หรือกิจกรรมนอกสถานที่ ซึ่งดีไซน์ของหูฟังชนิดนี้ก็จะเหมือนน้ำหูฟังแบบเอียร์บัดกับแบบ Bone Conduction เข้าด้วยกัน จึงทำให้ได้ยินเสียงภายนอกแม้จะสวมใส่หูฟัง
- หูฟัง Open-ear ไร้สาย
- สามารถปรับเสียงด้วยแอป My JBL Headphones
- ใช้งานได้นานสูงสุด 24 ชม. รวมการชาร์จในเคส
- ระดับกันเหงื่อและน้ำ IP54
- มีสายคล้องคอให้ในกล่อง
- มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ ดำ และขาว
- ราคา 5,990 บาท

9. Jabra Elite 4 Active
Jabra แบรนด์ผู้ผลิตเครื่องเสียงและระบบการประชุมผ่านวิดีโอสัญชาติเดนมาร์กที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน และสำหรับรุ่น Jabra Elite 4 Active จะเป็นหูฟังแบบอินเอียร์ที่มีน้ำหนักเบา เหมาะกับคนที่อยากได้หูฟังที่มีฟังก์ชันครบ ๆ สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ทั้งการใช้งานทั่วไป หรือสวมใส่ออกกำลังกาย
- สามารถใช้งานได้นานสูงสุด 28 ชม. รวมการชาร์จในเคส
- มีระบบตัดเสียงรบกวน
- มีเกมโหมด
- ลำโพง 6 ตัวพร้อมระบบตัดเสียงรบกวนขณะคุยโทรศัพท์
- กันเหงื่อและฝุ่นระดับ IP54
- รับรอง Hi-Res Audio Certificated
- มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ ดำ, Navy และ Light Mint
- ราคา 3,990 บาท

10. SoundPEATS Space
หูฟังสไตล์ Over Ear ที่มาพร้อมราคาพันต้น ๆ แต่จัดสเปคมาให้แบบคุ้มค่าที่สุด เพราะไม่ใช้เพียงจะมาพร้อมน้ำหนักที่เบาเพียง 264 กรัมที่ทำให้เราสามารถสวมใส่หูฟังได้นาน ไม่รู้สึกหนักเกินไปแล้ว คุณภาพของเสียง และแมททีเรียลก็ค่อนข้างที่จะพรีเมียมคุ้มราคาสุด ๆ
- Drivers ขนาด 40 มม.
- ใช้งานโหมด Hi-Res ด้วย
- สามารถใช้งานนานสูงสุด 123 ชม.
- มีระบบตัดเสียงรบกวน
- มี Game Mode
- เชื่อมต่ออุปกรณ์ 2 เครื่องได้พร้อมกัน
- สามารถปรับแต่งเสียงผ่านแอป SOUNDPEATS
- มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ Nebula Black, Creamy Beige และ Ceramic White
- ราคา 2,190 บาท
หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ใช้หูฟังยังไงให้ไม่เป็นอันตรายกับหู

เป็นยังไงบ้างค่ะทุกคนสำหรับ 10 หูฟังบลูทูธยี่ห้อไหนดี ที่เรานำมาฝากทุกคนในวันนี้ ซึ่งเรารวมมาให้ทั้งหลายเรทราคา รูปแบบการใช้งาน และหลายประเภท เพื่อให้เพื่อน ๆ ใช้เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจได้ แต่ทั้งหมด หูฟังไร้สายคุณภาพดี อย่างแน่นอน และก่อนที่จะจากกันไปในวันนี้ เอามีข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับการใช้หูฟังยังไงให้ไม่เป็นอันตรายกับหูมาฝากเพื่อน ๆ เพื่อให้ทุกคนใช้หูฟังอย่างถูกวิธีและเป็นมิตรกับหูของเรา
วิธีใช้หูฟังอย่างถูกต้อง
เมื่อใช้หูฟังไประยะหนึ่ง สิ่งที่หลาย ๆ คนมักจะเจอคืออาการปวดหู ซึ่งมันเป็นสัญญาณที่กำลังบอกว่า เราอาจจะใส่หูฟังนานเกินไป หรือเปิดเสียงดังเกินไป และแน่นอนว่ามันเป็นพฤติกรรมที่เป็นอันตรายกับหูของเราอย่างแน่นอน ดังนั้นเราจึงควรทำแบบนี้ขณะที่สวมใส่หูฟัง
- ปรับเสียงให้เหมาะสม ไม่ควรดังเกิน 60% ของระดับความดังสูงสุด
- ไม่ควรใช้หูฟังนานเกิน 60 นาทีต่อเนื่องกัน
- เลือกหูฟังที่พอดีกับหูของคุณ เช่น หากเป็นหูฟังแบบอินเอียร์หากมีจุกที่ใหญ่เกินไปอาจทำให้เกิดอาการปวดหูได้
- ควรพักหูทุก ๆ 1 ชั่วโมง
- สังเกตอาการความผิดปกติของหู
อ่านบทความอื่นๆ:
- 5 โปรแกรมอัดเสียง ใช้ง่าย คุณภาพเสียงดี ดาวน์โหลดฟรี