รวม 10 หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ฉบับปี 2024

หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจได้เลยค่ะ

หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

หูฟังบลูทูธนับว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะนอกจากความสะดวกสบายไม่มีสายของหูฟังมาเกะกะขณะสวมใส่แล้ว ยังมีหูฟังจากหลายแบรนด์ หลายดีไซน์ และหลายเรทราคาให้เลือก ดังนั้นวันนี้เราจึงได้ไปรวบรวม 10 หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ฉบับปี 2024 มาฝากเพื่อน ๆ ทุกคนแล้ว 

หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี มีกี่ประเภท มีข้อดี – ข้อเสียยังไงบ้าง

หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

สำหรับหูฟังที่กันทั่ว ๆ ไปจะมีทั้งหมด 5 ประเภทด้วยกัน ซึ่งสำหรับ หูฟังบลูทูธยี่ห้อไหนดี เราก็รวมมาให้ทั้งหมดทุกประเภทเช่นเดียวกัน แต่ก่อนที่จะไปดูว่า หูฟังบลูทูธยี่ห้อไหนดี 2024 เรามาดูกันก่อนว่า หูฟังทั้ง 5 ประเภทมีอะไรบ้าง และมีข้อดี – ข้อเสียยังไงบ้าง

หูฟังอินเอียร์ (In-Ear Earphones)

หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

หูฟังชนิดนี้จะมีขนาดเล็ก เมื่อสวมใส่จะต้องสอดจุกของหูฟังเข้าไปในรูหูเพื่อลดเสียงรบกวนจากภายนอกจึงทำให้เสียงที่ได้จะมีความชัดเจน อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก ซึ่ง หูฟังบลูทูธ หลายแบรนด์ก็ออกแบบดีไซน์นี้ออกมาเป็นจำนวนมาก

  • ข้อดี
  • น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
  • ตัดเสียงรบกวนได้ดี
  • มีการคัสตอมให้พอดีกับหูของผู้สวมใส่ (บางรุ่น)
  • ข้อเสีย
  • อาจมีอาการปวดรูหูหากสวมใส่เป็นเวลานอน
  • ในบางคนอาจมีอาการแพ้จุกยางหูฟัง
  • อาจหลุดหายได้ง่าย
  • หากเปิดใช้ระบบ noise cancelling ไม่ควรใช้นอกบ้านเพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

หูฟังเอียร์บัด (Earbuds)

หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

น่าจะเป็นหูฟังที่หลายคนค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะ หูฟังบลูทูธไอโฟน หลายรุ่นก็มักจะเป็นประเภทนี้ เช่น AirPods 2 หรือ 3 รวมไปถึงหูฟังสายของไอโฟนรุ่นเก่า ๆ สำหรับหูฟังเอียร์บัดจะเป็นสวมใส่ที่ช่องหูแต่ไม่ต้องสอดเข้าไปเหมือนหูฟังแบบอินเอียร์ จึงให้ความรู้สึกที่สบายหูมากกว่า 

  •  ข้อดี
  • ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
  • ใช้งานง่าย เหมาะกับการใช้งานทั่วไป
  • โอกาสที่จะทำให้ช่องหูหรืออาการแพ้น้อยกว่าแบบอินเอียร์
  • ข้อเสีย
  • ตัดเสียงรบกวนได้น้อยกว่าแบบอินเอียร์
  • อาจหลุดหายได้
  • คุณภาพเสียงสู้แบบอินเอียร์ไม่ได้หากเทียบในกลุ่มราคาเดียวกัน

หูฟังออนเอียร์ (On-Ear Headphones)

หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

หูฟัง Bluetooth ชนิดนี้เป็นอีกหนึ่งชนิดหูฟังที่ค่อนข้างจะได้รับความนิยม เนื่องจากหลายรุ่นจะมพร้อมดีไซน์ที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ โดยตัวูฟังจะเป็นแบบคาดศีรษะแต่จะมีลำโพงขนาดเล็ก พอดีกับหู จึงไม่ใหญ่เทอะทะเท่ากับแบบครอบหูจึงทำให้มีน้ำหนักที่เบามากกว่าด้วย

  • ข้อดี
  • ลำโพงขนาดใหญ่ให้คุณภาพเสียงที่ดี (ขึ้นอยู่กับราคา)
  • น้ำหนักเบา พกพาสะดวกกว่าแบบครอบหู
  • มีดีไซน์ที่หลากหลาย
  • มีฟองน้ำทำให้นุ่มสบายหู
  • ข้อเสีย
  • พกพาไม่สะดวกเท่าแบบอินเอียร์หรือเอียร์บัด
  • ป้องกันเสียงรบกวนได้น้อยกว่าแบบครอบหัว
  • บางรุ่นอาจมีเสียงดังเล็ดลอดออกมารถกวนคนอื่น

หูฟังโอเวอร์เอียร์ (Over-Ear Headphones)

หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

หูฟังโอเวอร์เอียร์หรือ หูฟังครอบหู เป็นหูฟังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับประเภทอื่น ๆ ซึ่งความใหญ่ของมันก็จะทำให้หลาย ๆ รุ่นมีน้ำหนักพอสมควร ลำโพงมีฟองน้ำใหญ่ นุ่ม ทำให้รู้สึกสบายหู ป้องกันเสียงรบกวนได้ดี เมื่อใส่ไปนาน ๆ ก็อาจจะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ รวมมาถึงคอ บ่า ไหล่ได้ในบางกรณี และปัจจุบันก็มีหลายแบรนด์ที่หันมาทำหูฟังโอเวอร์เอียร์แบบบลูทูธเป็นจำนวนมาก เช่น หูฟังบลูทูธ jbl เป็นต้น

  • ข้อดี
  • ฟองน้ำนุ่ม สวมใส่ง่าย สบาย
  • ป้องกันเสียงรบกวนได้ดีกว่าแบบออนเอียร์
  • ไม่กดทับใบหูให้รู้สึกเจ็บ
  • ข้อเสีย
  • มีน้ำหนักมากกว่าชนิดอื่น ๆ 
  • เมื่อสวมใส่นาน ๆ อาจส่งผลให้เกิดอาการปวดศีรษะ
  • พกพาไม่สะดวกเท่าที่ควร
  • เมื่อใช้นาน ๆ ไปฟองน้ำ
  • หากเป็นรุ่นที่ตัดเสียงรบกวนได้ดีอาจไม่เหมาะกับการใช้นอกบ้าน

หูฟังแบบสั่นกระดูก (Bone Conduction Headphones)

หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

จะเรียกว่าเป็นอีกหนึ่งหูฟังที่เป็นมิตรกับหูของเราก็ว่าได้ เพราะเป็นหูฟังที่ใช้ส่งคลื่นจากการสั่นสะเทือนผ่านกระดูกแก้มไปยังหูชั้นใน ทำให้เราสามารถได้ยินเสียงจากหูฟังในขณะเดียวกันก็ยังคงจะได้ยินเสียงจากภายนอก ดังนั้นจึงค่อนข้างที่จะเหมาะกับการเป็น หูฟังใส่ออกกำลังกาย และแบรนด์หูฟังหลายแบรนด์ก็พัฒนาหูฟังชนิดนี้ออกมาเป็นจำนวนมากเช่นกัน เช่น หูฟังบลูทูธ Lenovo เป็นต้น

  • ข้อดี
  • ปลอดภัยกับคนที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง
  • สบายหู ไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง
  • ไม่เกะกะ ไม่ทำให้อึดอัด
  • ข้อเสีย
  • ราคาค่อนข้างสูง
  • หากสวมใส่นาน ๆ อาจจะทำให้รู้สึกปวดโหนกแก้มได้
  • ไม่เหมาะกับคนที่ชอบฟังเพลงดัง ๆ

วิธีเลือกซื้อ หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ให้ตอบโจทย์ที่สุด

หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

ก่อนที่เราจะไปดู 10หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี เรามาดูกันก่อนว่า การเลือกจะเลือกซื้อหูฟังให้ตอบโจทย์ความต้องการ และเพื่อให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป เราควรจะใช้เกณฑ์อะไรบ้างในการเลือกซื้อหูฟัง ซึ่งแน่นอนว่า การเลือก หูฟังบลูทูธยี่ห้อไหนดี จากแบรนด์ของหูฟังนั้น ๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน

1. เลือกจากรูปแบบการใช้งาน และไลฟ์สไตล์ของเรา

หากคุณต้องการจ่ายเงินซื้อหูฟังครั้งเดียวแล้วคุ้มค่าที่สุด การเลือกซื้อหูฟังจากไลฟ์สไตล์ และรูปแบบการใช้งานของเรานับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ซึ่งหากคุณเป็นคนที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งบ่อย ๆ หูฟังแบบอินเอียร์, เอียร์บัด หรือหูฟังแบบสั่นกระดูกน่าจะตอบโจทย์คุณมากกว่า เพราะพกพาสะดวก, น้ำหนักเบา และหลาย ๆ แบรนด์จะมี หูฟังกันเหงื่อ ให้เลือกด้วย เช่น ฟังบลูทูธ Samsung เป็นต้น

2. เลือกจากราคาของหูฟัง

ปัจจุบันราคาหูฟังไร้สายมีหลายเรทราคาให้เลือกมาก ๆ ตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักแสนบาท แน่นอนว่านอกจากวัสดุที่ทำงานผลิต และแบรนด์จะต่างกันแล้ว คุณภาพของเสียงที่ได้ก็แตกต่างกันอย่างแน่นอน แต่หากใครที่เป็นสาย คุ้มค่าคุ้มราคา คุณอาจจะลองค้นหา หูฟังบลูทูธยี่ห้อไหนดีราคาไม่เกิน1000 แล้วลองนำสเปคของหูฟังที่ได้มาเปรียบเทียบกันเพื่อให้ได้ตัวเลือกที่ถูกใจที่สุด

3. เลือกจากแบรนด์ของหูฟัง

การเลือกหูฟังจากแบรนด์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เช่น หูฟังบลูทูธ oppo หรือ Sony เพราะแต่ละแบรนด์นอกจากจะมีเทคโนโลยีที่ต่างกันแล้ว โทนเสียงที่ได้ก็ค่อนข้างที่จะมีเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์อีกด้วย ดังนั้นการเลือกหูฟังจากแบรนด์ที่ชื่นชอบก็สำคัญสำหรับหลายคนเช่นกัน

รวบรวม 10 อันดับ หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

มาถึงในส่วนของการจัดอันดับ 10 อันดับหูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี กันแล้วนะคะทุกคน จะมียี่ห้อไหนบ้าง และจะมี หูฟังบลูทูธยี่ห้อไหนดีราคาหลักร้อย บ้างหรือเปล่าวันนี้เรารวมมาให้แล้ว ใครชอบรุ่นไหนจิ้มลิงค์แล้วดูสเปคได้เลย

หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

1. Sony WF-C500

หูฟังอินเอียร์ไร้สาย Sony ที่มาพร้อมเทคโนโลยี DSEE (Digital Sound Enhancement Engine) ที่ช่วยกู้คืนคุณภาพเสียงของเพลงให้กลับมาดีใกล้เคียงกับต้นฉบับ อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งเสียงตามสไตล์ที่คุณชอบผ่านแอป Sony Headphones Connect 

  • ใช้งานแบตเตอรี่ 10 ชม. รวมการชาร์จด้วยกล่องชาร์จ 1 ชั่วโมงจะเป็น 20 ชม.
  • ระดับกันน้ำ IPX4
  • สามารถใช้งานทีละข้างได้ พกพาสะดวก
  • ปรับแต่งเสียงด้วยแอป Sony
  • มี 4 สีให้เลือก ได้แก่ ส้ม, เขียว, ขาว และดำ
  • ราคา 3,490 บาท
หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

2. Marshall Major IV

หูฟังบลูทูธ Marshall แบบออนเอียร์สไตล์วินเทจ ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาสะดวก มีช่องเสียบสายหูฟัง AUX และช่อง USB-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ จึงทำให้สามารถใช้งานได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย ที่สำคัญคุณยังสามารถแชร์เพลงให้เพื่อนของคุณฟังผ่านช่องหูฟัง 3.5 มม. ได้ด้วย

  • ใช้งานได้นานสุด 80 ชม. ชาร์จเพียง 15 นาที สามารถใช้งานได้นานถึง 15 ชั่วโมง
  • ไม่กันน้ำ
  • การออกแบบแบบพับได้
  • รองรับการชาร์จไร้สาย
  • มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ ดำและน้ำตาล 
  • ราคา 5,490 บาท
หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

3. Shokz Openmove

หูฟังแบบสั่นกระดูก (Bone Conduction) ที่เหมาะกับคนที่กำลังตามหาหูฟังออกกำลังกาย ซึ่งรุ่นนี้จัดว่าเป็นรุ่นเริ่มต้น แต่มาพร้อมฟังก์ชันที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการกันเหงื่อ กันน้ำ ใช้งานได้นาน และน้ำหนักเบา เหมาะกับคนที่อยากได้หูฟังราคาสบายกระเป๋า คุณภาพคุ้มราคา

  • ใช้งานได้นานสูงสุด 6 ชั่วโมงต่อเนื่อง ชาร์จเต็มใน 2 ชั่วโมง
  • กันน้ำ กันฝุ่น IP55
  • มีไมค์โครโฟน Dual Noise Cancelling
  • สามารถปรับแต่งเสียงได้ 3 ระดับผ่านปุ่มฟังก์ชันบนหูฟัง
  • มี 4 สีให้เลือก ได้แก่ Slate Grey, Alpine White, Himalayan Pink และ Elevation Blue
  • ราคา 2,990 บาท 
หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

4. JBL Tune Beam Ghost

หูฟังอินเอียร์ดีไซน์สุดล้ำ เรื่องคุณภาพเสียงไม่ต้องพูดถึงเพราะ JBL เขาเป็นแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องเสียงมานานกว่า 75 ปี และสำหรับรุ่นที่เรานำมาแนะนำในวันนี้เป็นรุ่นที่ไม่ได้โดดเด่นแค่ดีไซน์เท่านั้น แต่ยังมีขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาสะดวก 

  • ใช้งานได้นานถึง 48 ชั่วโมง ชาร์จด้วยกล่องชาร์จเต็มใน 2 ชั่วโมง
  • มาพร้อมไมโครโฟน 4 ตัว
  • กันน้ำ กันฝุ่น IP54
  • มีระบบตัดเสียงรบกวน
  • JBL Pure Bass Sound
  • ควบคุมด้วยการสัมผัส
  • มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ ขาวและดำ
  • ราคา 4,290 บาท
หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

5. AUKEY EP-M2

หูฟังเอียร์บัดราคาหลักร้อย จากแบรนด์อุปกรณ์เสริมมือถือสัญชาติเยอรมันที่มาแรงที่สุดของยุคเลยก็ว่าได้ และสำหรับหูฟังที่เราจะนำมาแนะนำในวันนี้นอกจากราคาปัจจุบันจะอยู่ที่หลักร้อยแล้ว ทั้งดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งานก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว 

  • ควบคุมผ่านระบบสัมผัส
  • ใช้งานได้ยาวนาน 20 ชั่วโมง
  • สามารถปรับแต่งเสียงได้ 3 โหมด
  • กันน้ำและเหงื่อระดับ IPX4
  • มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ ขาวและดำ
  • ราคา 799 บาท
หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

6. Beats x Kim (Beats Studio Pro รุ่น Kim Special Edition)

สำหรับใครที่เป็นแฟนของ Kim Kardashian หรือบ้าน Kardashian ไม่ควรพลาดหูฟังสไตล์โอเวอร์เอียร์รุ่นนี้สุด ๆ โดยหูฟังไร้สายรุ่น Beats x Kim มี 2 แบบด้วยกันคือแบบอินเอียร์และแบบโอเวอร์เอียร์ที่เรานำมาแนะนำให้กับเพื่อน ๆ ในวันนี้ ซึ่งเป็นรุ่นที่ขายอย่างเป็นทางการในไทยนั่นเอง

  • มาพร้อมกระเป๋าสำหรับพกพา และตัวหูฟังสามารถพับได้
  • สามารถใช้งานได้นานสุด 40 ชั่วโมง
  • มาพร้อมฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน
  • ระบบเสียงตามตำแหน่ง
  • สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ของ Apple 
  • ระบบตัดเสียงรบกวนขณะคุณโทรศัพท์
  • ฟองน้ำหูฟังบุหนังเทียม UltraPlush
  • มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ Moon, Dune และ Earth
  • ราคา 11,400 บาท
หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

7. Galaxy Buds3

หูฟังรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Samsung ซึ่งเป็นหูฟังแบบเอียร์บัดที่มาพร้อมดีไซน์ ล้ำสมัย เรียบหรู และมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ดึงเอา AI เข้ามาช่วยมากขึ้น ทำให้นอกจากจะเป็นหูฟังที่มีคุณภาพเสียงดีแล้ว ยังเป็นหูฟังที่อำนวยความสะดวกกับผู้ใช้งานมากขึ้นอีกด้วย

  • สามารถปรับแต่งเสียงได้
  • มีระบบตัดเสียงรบกวน
  • ควบคุมด้วยการสัมผัส และสั่งการด้วยเสียง
  • มี AI ช่วยให้คุณภาพเสียงดีขึ้น
  • รองรับโหมดการรับฟังและการสนทนาเพื่อช่วยแปลภาษาภายในไม่กี่วินาที
  • มีระบบเสียงรอบทิศทาง
  • กันน้ำและฝุ่น IP57
  • สามารถใช้งานได้นานถึง 6.30 ชั่วโมง
  • มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ Silver และขาว
  • ราคา 5,490 บาท
หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

8. JBL Soundgear Sense

หูฟังสไตล์ Open Ear ซึ่งเป็นอีกหนึ่งชนิดที่สวมใส่สบาย เน้นความคล่องตัว เหมาะกับการสวมใส่ออกกำลังกาย หรือกิจกรรมนอกสถานที่ ซึ่งดีไซน์ของหูฟังชนิดนี้ก็จะเหมือนน้ำหูฟังแบบเอียร์บัดกับแบบ Bone Conduction เข้าด้วยกัน จึงทำให้ได้ยินเสียงภายนอกแม้จะสวมใส่หูฟัง

  • หูฟัง Open-ear ไร้สาย
  • สามารถปรับเสียงด้วยแอป My JBL Headphones
  • ใช้งานได้นานสูงสุด 24 ชม. รวมการชาร์จในเคส
  • ระดับกันเหงื่อและน้ำ IP54
  • มีสายคล้องคอให้ในกล่อง
  • มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ ดำ และขาว
  • ราคา 5,990 บาท
หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

9. Jabra Elite 4 Active

Jabra แบรนด์ผู้ผลิตเครื่องเสียงและระบบการประชุมผ่านวิดีโอสัญชาติเดนมาร์กที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน และสำหรับรุ่น Jabra Elite 4 Active จะเป็นหูฟังแบบอินเอียร์ที่มีน้ำหนักเบา เหมาะกับคนที่อยากได้หูฟังที่มีฟังก์ชันครบ ๆ สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ทั้งการใช้งานทั่วไป หรือสวมใส่ออกกำลังกาย

  • สามารถใช้งานได้นานสูงสุด 28 ชม. รวมการชาร์จในเคส 
  • มีระบบตัดเสียงรบกวน
  • มีเกมโหมด
  • ลำโพง 6 ตัวพร้อมระบบตัดเสียงรบกวนขณะคุยโทรศัพท์
  • กันเหงื่อและฝุ่นระดับ IP54
  • รับรอง Hi-Res Audio Certificated
  • มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ ดำ, Navy และ Light Mint
  • ราคา 3,990 บาท
หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

10. SoundPEATS Space

หูฟังสไตล์ Over Ear ที่มาพร้อมราคาพันต้น ๆ แต่จัดสเปคมาให้แบบคุ้มค่าที่สุด เพราะไม่ใช้เพียงจะมาพร้อมน้ำหนักที่เบาเพียง 264 กรัมที่ทำให้เราสามารถสวมใส่หูฟังได้นาน ไม่รู้สึกหนักเกินไปแล้ว คุณภาพของเสียง และแมททีเรียลก็ค่อนข้างที่จะพรีเมียมคุ้มราคาสุด ๆ 

  • Drivers ขนาด 40 มม.
  • ใช้งานโหมด Hi-Res ด้วย
  • สามารถใช้งานนานสูงสุด 123 ชม.
  • มีระบบตัดเสียงรบกวน
  • มี Game Mode
  • เชื่อมต่ออุปกรณ์ 2 เครื่องได้พร้อมกัน
  • สามารถปรับแต่งเสียงผ่านแอป SOUNDPEATS
  • มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ Nebula Black, Creamy Beige และ Ceramic White
  • ราคา 2,190 บาท 

หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ใช้หูฟังยังไงให้ไม่เป็นอันตรายกับหู

หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

เป็นยังไงบ้างค่ะทุกคนสำหรับ 10 หูฟังบลูทูธยี่ห้อไหนดี ที่เรานำมาฝากทุกคนในวันนี้ ซึ่งเรารวมมาให้ทั้งหลายเรทราคา รูปแบบการใช้งาน และหลายประเภท เพื่อให้เพื่อน ๆ ใช้เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจได้ แต่ทั้งหมด หูฟังไร้สายคุณภาพดี อย่างแน่นอน และก่อนที่จะจากกันไปในวันนี้ เอามีข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับการใช้หูฟังยังไงให้ไม่เป็นอันตรายกับหูมาฝากเพื่อน ๆ เพื่อให้ทุกคนใช้หูฟังอย่างถูกวิธีและเป็นมิตรกับหูของเรา

วิธีใช้หูฟังอย่างถูกต้อง

เมื่อใช้หูฟังไประยะหนึ่ง สิ่งที่หลาย ๆ คนมักจะเจอคืออาการปวดหู ซึ่งมันเป็นสัญญาณที่กำลังบอกว่า เราอาจจะใส่หูฟังนานเกินไป หรือเปิดเสียงดังเกินไป และแน่นอนว่ามันเป็นพฤติกรรมที่เป็นอันตรายกับหูของเราอย่างแน่นอน ดังนั้นเราจึงควรทำแบบนี้ขณะที่สวมใส่หูฟัง

  • ปรับเสียงให้เหมาะสม ไม่ควรดังเกิน 60% ของระดับความดังสูงสุด
  • ไม่ควรใช้หูฟังนานเกิน 60 นาทีต่อเนื่องกัน
  • เลือกหูฟังที่พอดีกับหูของคุณ เช่น หากเป็นหูฟังแบบอินเอียร์หากมีจุกที่ใหญ่เกินไปอาจทำให้เกิดอาการปวดหูได้
  • ควรพักหูทุก ๆ 1 ชั่วโมง
  • สังเกตอาการความผิดปกติของหู 

อ่านบทความอื่นๆ:

  • 5 โปรแกรมอัดเสียง ใช้ง่าย คุณภาพเสียงดี ดาวน์โหลดฟรี