
เมื่อคุณสังเกตเห็นว่ามีโทรศัพท์ของคุณแบตเตอรี่โทรศัพท์บวม นั้นถือเป็นสัญญาณเตือนให้คุณรู้ว่าควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้แล้ว เพราะหากคุณยังเปลี่ยนไว้แบบนั้นมันอาจส่งผลอันตรายต่อคุณและโทรศัพท์ขอคุณได้ ซึ่งแบตเตอรี่เป็นที่ชิ้นส่วนสำคัญสำหรับโทรศัพท์ ที่จำเป็นต้องมีการดูแลรักษาอย่างดี เพราะมีอายุการใช้งานจำกัด หากแบตเริ่มเสื่อมสภาพ ย่อมมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายขึ้นได้ อย่างเช่น เครื่องพัง หน้าจอ ปุ่มกดเสียหาย ไปจนถึงตัวเครื่องไหม้หรือระเบิดได้ แล้วสาเหตุที่ทำให้แบตโทรศัพท์เกิดอาการบวมเกิดจากอะไร และมีวิธีปฏิบัติอย่างไร วันนี้เรามีคำตอบและคำแนะนำมาฝากทุกคน จะมีอะไรบ้างตามเรามาดูกันเลยค่ะ
สาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่โทรศัพท์บวมเป็นเรื่องทางเคมี
แบตเตอรี่โทรศัพท์บวมมีสาเหตุเกิดจากเรื่องทางเคมี โดยเว็บไซต์ iFixit ได้ให้คำตอบว่าโดยทั่วไปแล้วแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนต้องอาศัยปฏิกิริยาทางเคมีในการชาร์จ ดังที่หลายๆคนอาจเคยเรียนจากวิชาเคมีในโรงเรียน ซึ่งหากปฏิกิริยาทางเคมีไม่ได้ใช้รีเอเจนต์ที่มีอยู่จนหมดมันจะสร้างผลพลอยได้แทนและบางครั้งผลพลอยได้เหล่านั้นก็ไม่เป็นที่ต้องการ ดังนั้นหากคุณชาร์จแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนผิดปกติกระบวนการนี้จะสร้างก๊าซแทนที่จะชาร์จเพียงอย่างเดียว ก๊าซนี้จะก่อตัวขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปและเนื่องจากแบตเตอรี่ถูกปิดผนึกอย่างแน่นหนาจึงขยายตัว แทนที่จะระบายออก โดยขั้นตอนนี้จะทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้แบตเตอรี่ได้รับก๊าซมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเป็นสาเหตุที่แบตเตอรี่โทรศัพท์ดันหน้าจอออกจากตัวเครื่อง และหากคุณชาร์จต่อไป ในที่สุดแบตเตอรี่ก็อาจจะระเบิดได้ ซึ่งเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับ Samsung Galaxy Note 7 เมื่อปี 2559 หลายๆคนคงจำได้เพราะช่วงนั้นเป็นข่าวดังมาก
วิธีปฏิบัติเมื่อแบตโทรศัพท์ของคุณบวม
อันตรายที่เกิดจากแบตเตอรี่เสื่อมหรือบวม เริ่มจากทำให้ส่วนอื่น ๆ ของเครื่องเสียหาย เช่นหน้าจอ ฝาหลังโก่งและงอ ปุ่มกดใช้งานไม่ได้ เพราะแบตเตอรี่บวมจนดันส่วนประกอบภายใน ถ้าคุณยังใช้งานต่อโอกาสสูงที่ตัวเครื่องจะไหม้หรือระเบิดได้ หากไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ ควรหยุดใช้โทรศัพท์เครื่องนั้นโดยด่วน และสิ่งแรกที่คุณควรทำกับเมื่อแบตเตอรี่โทรศัพท์บวมคือคุณไม่ควรชาร์จโทรศัพท์ จากนั้นให้วางไว้ในที่แห้งและเย็น และทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
1.อย่าชาร์จหรือใช้งานโทรศัพท์
เมื่อคุณสังเกตเห็นว่าแบตเตอรี่โทรศัพท์บวมหรือถูกเสียหายในทางใดทางหนึ่ง สิ่งแรกเลยคือคุณควรหยุดใช้อุปกรณ์นั้นทันที หรือปิดเครื่องและเหนือสิ่งอื่นใดอย่าชาร์จแบตอุปกรณ์นั้นเด็ดขาด เมื่อแบตเตอรี่ถึงจุดที่น่ากลัวมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย ให้คุณนึกภาพแบตเตอรี่บวมที่กลไกความปลอดภัยทั้งหมดในแบตเตอรี่ออฟไลน์ไปแล้ว การชาร์จแบตเตอรี่ที่บวมก็เหมือนกับการถูกปล่อยให้อยู่กับลูกระเบิดของแก๊สไวไฟที่เป็นพิษในห้องนั่งเล่นของคุณนั่นแหละ
2.ส่งร้านซ่อมเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่
การเปลี่ยนแบตเตอรี่ ถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด โดยให้เลือกใช้แบตเตอรี่จากศูนย์บริการของแบรนด์นั้น ๆ หรือเลือกเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ได้มาตรฐาน ยี่ห้อที่มีชื่อเสียงไว้ใจได้ ผ่านการรับรองจาก มอก. อย่านำก้อนแบตเตอรี่ไปห่อหนังสือพิมพ์แล้วแช่ตู้เย็นเด็ดขาด หรืออย่าเจาะแบตเตอรี่เพื่อให้หายบวม เพราะมันเป็นวิธีที่ผิดและไม่ควรทำอย่างยิ่ง มันไม่ได้ช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ แต่มันจะยิ่งสร้างความเสี่ยงให้กับคุณถ้าหากยังนำก้อนแบตที่บวมมาใช้งานอยู่ ทางที่ดีควรเปลี่ยนไปใช้แบตเตอรี่โทรศัพท์ก้อนใหม่ตามที่แนะนำ เพราะเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่าย สะดวก ปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายขณะใช้งานมือถือ แถมยังช่วยยืดอายุการใช้งานโทรศัพท์อีกด้วย
3.ทิ้งแบตเตอรี่ที่ศูนย์รีไซเคิลที่ได้รับอนุญาต
หลายคนคงสงสัยว่าแบตเตอรี่ที่เสียหายแล้วควรนำไปทิ้งที่ไหน? ซึ่งแบตเตอรี่นั้นเป็นสิ่งที่อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และคุณไม่ควรหลุมฝังกลบอย่างยิ่ง เพราะแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนรุ่นใหม่ในปัจจุบันยังเป็นอันตรายที่ทำให้เกิดไฟไหม้ได้หากมีการเจาะทะลุหรือย่อในถังขยะหรือรถบรรทุกขยะ
คุณควรกำจัดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนรุ่นใหม่ที่ใช้แล้วหรือได้รับความเสียหายผ่านศูนย์รีไซเคิลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ในการค้นหาศูนย์รีไซเคิลใกล้บ้านของคุณสามารถหาได้ในอินเตอร์เน็ต หรือโทรไปยังศูนย์กำจัดสารอันตรายในเขตที่อยู่อาศัยของคุณ โดยให้บางพื้นที่จะมีถังขยะแยกที่มีสัญลักษณ์ให้ทิ้งขยะที่เป็นอันตรายซึ่งคุณสามารถเลือกทิ้งในถังขยะนั้นได้