สอนใช้ มือถือ คอมพิวเตอร์ สอนสร้างเว็บ
Categories
News

FACEBOOK REELS 2023 ฟีเจอร์ใหม่ สร้างรายได้ มาแรงฉุดไม่อยู่

FACEBOOK REELS 2023

หากย้อนไปเมื่อ 2 – 3 เดือนก่อนหน้านี้จะเห็นว่า บนแอปพลิเคชันสุดฮิตของคนไทยอย่าง FACEBOOK มีคลีเอเตอร์หน้าใหม่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก เนื่องจาก FACEBOOK REELS 2023 ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใม่ของ FACEBOOK เปิดให้ผู้ใช้งานแอปสามารถสร้างรายได้ จึงทำให้ FACEBOOK REELS ได้รับความนิยมแพร่หลายในชั่วพริบตาเลยทีเดียว

ทำความรู้จักกับ FACEBOOK REELS 2023 พื้นที่ของครีเอเตอร์ทุกคน

FACEBOOK REELS 2023

ก่อนที่เราจะไปดูกันว่า FACEBOOK REELS2023 ทำงาน หรือมีวิธีสร้างรายได้ยังไง เราอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักกันก่อนว่า REELS FACEBOOK คืออะไร โดย REELS FACEBOOK คือฟีเจอร์หนึ่งของ FACEBOOK ซึ่งเป็นฟีเจอร์วิดีโอสั้น ที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2022 ซึ่ง REEL จะมาพร้อมเครื่องมือที่ให้คุณสามารถครีเอทวิดีโอของคุณได้อย่างเต็มที่ตั้ง กล้อง, เพลง, เสียง, เอ็ฟเฟ็กต์ AR, ข้อความ และลูกเล่นอื่น ๆ อีกมากมาย 

FACEBOOK REELS 2023

สร้างคลิป REELS

ใครที่เคยสร้างสตอรี่ FACEBOOK มาก่อนแล้ว การสร้างFACEBOOK REEL ก็อาจจะไม่เรื่องยากเท่าไร เนื่องจากการใช้งานของฟีเจอร์ทั้ง 2 ของ FACEBOOK มีรูปแบบการใช้งานที่คล้ายกันเป็นอย่างยิ่ง แต่อุปกรณ์ของ REELS จะมีความหลากหลายมากกว่า เมื่อเราอยู่บนหน้าฟีดเฟซบุ๊คของเรา ใฟ้คุณกดไปที่คำว่า “REELS” ซึ่งจะอยู่ข้าง ๆ “สตอรี่” จากนั้นเลือก “สร้างคลิป REELS” จากนั้นคุณก็สามารถเลือกภาพ หรือวิดีโอจากคลังภาพของคุณ หรือถ่ายใหม่ก็ได้ และเมื่อได้ภาพหรือวิดีโอแล้วคุณก็สามารถครีเอทผลงานของคุณได้เต็มที่ทั้งใส่เพลง, ข้อความ, เอ็ฟเฟ็กต์ AR หรือลูกเล่นอื่น ๆ ได้อย่างเต็มที่

FACEBOOK REELS 2023

คลิปสร้างรายได้

REELS FACEBOOKสร้างรายได้ 2566 คงเป็นแฮสแท็ค FACEBOOK ที่มาแรงที่สุดของปีนี้เลยก็ว่าได้ เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้ FACEBOOK เปิดการสร้างรายได้สำหรับเพจ และ โปรไฟล์ FACEBOOK (เฟซบุ๊กส่วนตัว) โดยคลิปที่สามารถสร้างรายได้ได้จะต้องเป็นคลิปที่มียอดผู้เข้าชมอย่างน้อย 1,000 ครั้งภายในช่วง 30 วัน โดยจะต้องใช้งานผ่าน REELS PLAY ซึ่งจะมีแค่ครีเอเตอร์บางรายเท่านั้นที่จะถูกเชิญจากแอป และจะเป็นไปตามเงื่อนไขของแอป และรายได้จะมาจากหลายช่องทางทั้งจากดาวที่ผู้ติดตามส่งให้ จากโฆษณา และ ยอดวิว เป็นต้น

FACEBOOK REELS 2023

เปิดเฟซส่วนตัวสร้างร้ายได้

ล่าสุด FACEBOOK เปิดให้ผู้ที่มีโปรไฟล์ FACEBOOK (เฟซบุ๊กส่วนตัว) สามารถเปิดเป็นโหมดมืออาชีพเพื่อสามารถรายได้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องสร้างเพจ ซึ่งนับว่าเป็น เทรนด์ FACEBOOK 2023 ที่กำลังมาแรงในช่วงนี้เลยก็ว่าได้ โดยให้คุณไปที่หน้าโปรไฟล์ของเรา จากทั้งเลือกไปที่จุดไข่ปลา 3 จุด (จะอยู่ข้าง ๆ คำว่า แก้ไขโปรไฟล์) จากนั้นเลือกไปที่ “เปิดโหมดมืออาชีพ” และให้ไปดูว่าคุณสามารถสร้างรายได้ได้หรือไม่โดยเลือกไปที่เมนูแล้วกด “แดชบอร์ดมืออาชีพ” ไปที่ “เครื่องมือที่น่าลองใช้” แล้วเลือก “การสร้างรายได้” 

FACEBOOK REELS 2023

กฎของ REELS

สำหรับใครที่สงสัยว่า REEL ใน FACEBOOK ได้กี่นาที ตามกฎของ REELS FACEBOOK มีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ทั้งระบบ IOS และ ANDROID ผู้ใช้งานจะสามารถสร้างคลิปวิดีโอสั้นความยาวไม่เกิน 90 วินาที มีความละเอียด 1080P จนถึง 4K หากเป็นไปได้ แต่ระบบจะจำกัดความละเอียดไว้ที่ 720P หลังจากการอัปโหลด และจะมีรูปแบบไฟล์แบบ MP4 ส่วนข้อกำหนดด้านเนื้อหาก็จะเป็นไปตามนโยบายของ FACEBOOK

วิธีเปิดใช้ FACEBOOK REELS 2023 สำหรับคนที่ REELS ไม่ขึ้นฟีด

FACEBOOK REELS 2023

ใครที่เล่น FACEBOOK แต่ยังไม่เห็นฟีเจอร์ REELS หรืออยากลองเล่นFACEBOOK REELS2023 แต่ยังไม่เคยเห็นฟีเจอร์นี้ขึ้นบนฟีดเฟซบุ๊คของตัวเองเลย และสงสัยว่า REELS FACEBOOK อยู่ตรงไหน วันนี้เรามีวิธีเปิดใช้งาน REELS ง่าย ๆ มาฝากเพื่อน ๆ แล้ว โดยก่อนอื่นให้คุณไปที่ “วิดีโอ” จากนั้นให้สังเกตเมนูด้านบนสุด ซึ่งจะมีฟีเจอร์ สด, เกม และ REELS ซึ่งบนคอมพิวเตอร์ก็ทำวิธีเดียวกันนี้ และถ้าอยากสร้างคลิปให้สังเกตที่คำว่า “สร้างคลิป REELS” หรือ “รูปกล้อง” ซึ่งจะอยู่มุมขวาบนของหน้าจอ เพียงเท่านั้นคุณก็จะไม่ตกกระแสอีกต่อไป

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: sa-game.bet

Categories
News

พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของแล้ว! XIAOMI PAD 6 แท็บเล็ตสเปคดี ราคาย่อมเยา

XIAOMI PAD 6

หากพูดถึงXIAOMI ต้องบอกเลยว่า เขาเป็นแบรนด์ที่ผลิตทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า มือถือ อุปกรณ์สมาร์ทโฟน รวมไปถึงแท็บเล็ตออกมาหลายต่อหลายรุ่น เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์เทคโนโลยีที่ครอบจักรวาลที่สุดอีกแบรนด์นึงเลยก็ว่าได้ และล่าสุดกับการเปิดตัวของ XIAOMI PAD 6 แท็บเล็ตรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมสเปคที่น่าสนใจ อีกทั้งยังมีราคาเริ่มต้นที่ย่อมเยาตามสไตล์ของแบรนด์ ที่สำคัญคือรุ่นนี้ยังเปิดตัวมาพร้อมXIAOMI SMART PEN 2ND GENERATION และ XIAOMIPAD 6KEYBOARD ที่ให้คุณสามารถใช้งานร่วมกันได้

สเปค XIAOMI PAD 6 แท็บเล็ตรุ่นใหม่ กล้องหลัง 13 MP จอใหญ่ 11 นิ้ว 

XIAOMI PAD 6

เปิดตัวและพร้อมวางจำหน่ายในไทยแล้วสำหรับ XIAOMI PAD6 โดยครั้งนี้เปิดตัวมาพร้อม 3 สีด้วยกัน ได้แก่ GRAVITY GREY, MIST BLUE และ GOLD บวกกับดีไซน์ที่มีความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อนเช่นเคย ตัวเครื่องมีขนาดอยู่ที่ 253.95 x 165.18 x 6.51 มม. (ความยาว x ความกว้าง x ความหนา) น้ำหนัก 490 กรัม ซึ่งจะหนักพอ ๆ กับ IPAD GEN 9 และ XIAOMI PAD 6สเปค เมื่อเทียบกับราคาแล้ว เรียกว่าค่อนข้างคุ้มราคาเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของชิป QUALCOMM SNAPDRAGON 870 ใหม่ และอื่น ๆ อีกมากมาย

XIAOMI PAD 6

สเปคจอภาพ 

จอภาพของ TABLETXIAOMI PAD 6 เป็นแบบ LED ขนาด 11 นิ้ว ความละเอียด 2.8K Ultra-HD 2880 x 1800 309 PPI อัตรารีเฟรชที่ 144Hz ความสว่างของหน้าจออยู่ที่ 550 NIT พร้อมเทคโนโลยี Dolby Vision และ Dolby Atmos อีกทั้งยังได้รับใบรับรองแสงสีฟ้าต่ำของ TÜV จึงให้คุณรู้สึกสบายตามากขึ้นเมื่อต้องใช้จอนาน ๆ ซึ่งเป็นสเปคที่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป และใครที่เป็นสายตี้เกมอย่าง PUBG, ROV หรือ ชิน อิม แพค รุ่นนี้เอาอยู่แน่นอน

XIAOMI PAD 6

สเปคกล้องหน้า และหลัง

XIAOMI PAD 6เปิดตัว พร้อมกล้องหลังและกล้องหน้าอย่างละ 1 ตัว โดยกล้องหลังความละเอียด 13MP รูรับแสง F/2.2 PDAF ถ่ายวิดีโอความชัดระดับ 4K ที่ 30 FPS, 1080P ที่ 30 FPS และ 720P ที่ 30 FPS และกล้องหน้าความละเอียด 8 MP 1.12UM F/2.2 ถ่ายวิดีโอความชัดระดับ 1080P ที่ 30 FPS และ 720P ที่ 30 FPS ซึ่งเป็นสเปคทั่ว ๆ อาจจะยังไม่ตอบโจทย์สายโปรดักชันสักเท่าไร แต่อาจจะตอบโจทย์คนที่อยากได้แท็บเล็ตไว้ใช้เรียน หรือทำงานทั่วไปมากกว่า และครั้งนี้เขาได้ปรับเปลี่ยนให้กล้องหน้ามาอยู่ที่ด้านข้างของจอ เพื่อให้ตอบโจทย์ที่ที่ต้องประชุมงาน หรือ VDO CALL มากยิ่งขึ้น

XIAOMI PAD 6

สเปคแบตเตอรี่ และการชาร์จ 

หากใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังเกิดคำถามว่าXIAOMI PAD 6 ดีไหม เราอยากเพื่อน ๆ ไปดูในส่วนของสเปคแบตเตอรี่ การชาร์จ และการเชื่อมต่อกันก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ โดยXIAOMI PADมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 8840mAh ชาร์จแบบมีสาย 33W ซึ่งในกล้องไม่มีอะแดปเตอร์แปลงไฟมาให้จำเป็นต้องซื้อเอง โดยทาง แบรนด์แนะนำให้ใช้XIAOMI33W CHARGING COMBO (TYPE-A) ในการชาร์จ เพื่อการชาร์จที่มีประสิทธิภาพ

XIAOMI PAD 6 จำหน่ายในไทยราคาเริ่มต้นที่ 10,990 บาท 

XIAOMI PAD 6

สำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของXIAOMI PAD6รุ่นนี้ และอยากทราบว่า XIAOMIPAD 6ซื้อที่ไหน หรือราคาเท่าไร โดย XIAOMI PAD6เปิดตัวมาพร้อม 3 รุ่น คือ รุ่น RAM 6GB/ROM 128GB, RAM 8GB/ROM 128GB และ RAM 8GB/ROM 256GB ซึ่งคุณสามารถซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่าง AIS, BANANA และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยรุ่นเริ่มต้นจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 10,990 บาท และรุ่นท้อปสุดมีราคาอยู่ที่ 12,990 บาทเท่านั้น

XIAOMI PAD 6

นอกจากนี้ เราอยากแนะนำโปรของ AIS เป็นอย่างยิ่ง เพราะเขามีของแถมให้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นรับฟรี XIAOMI PAD6COVER, SCREEN PROTECTOR FOR XIAOMI PAD 6 รวมไปถึงสิ่งที่เราจำเป็นต้องซื้อเพิ่มอย่าง XIAOMI 33W CHARGING COMBO (TYPE-A) EU (จำนวนจำกัด) ดังนั้นถ้าใครซื้อกับ AIS รับฟรีไปเลย และสำหรับใครที่อยากปลดล็อกสกินทองของXIAOMI PAD6 เราแนะนำให้ซื้อ XIAOMI SMART PEN 2ND GENERATION และXIAOMIPAD6 KEYBOARD คู่กันไปได้เลย เพราะซื้อยกเซ็ตนี้ราคายังไม่ถึง 30,000 บาท งานนี้คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: sa-game.bet

Categories
News

OPPO FIND N3 FLIP มือถือจอพับ กล้องหลัง 3 ตัวรุ่นใหม่ล่าสุด

OPPO FIND N3 FLIP

เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ OPPO FIND N3 FLIP มือถือจอพับที่ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกสำหรับสมาร์ทโฟนจอพับจากOPPOที่มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ซึ่งก่อนหน้านี้ทางแบรนด์ได้เปิดตัวOPPO FINE N2 FLIPออกมาตีตลาดและก็ได้รับเสียงตอบรับจากไม่น้อยเลยทีเดียว และที่สำคัญครั้งนี้รุ่นN3 ยังมีสีให้เลือกทั้งหมด 3 สีด้วยกัน ได้แก่ MOONLIGHT MUSE, MIST ROSE และ NIGHT IN THE MIRROR และถูกตกแต่งให่มีความหรู ดูแพง และพรีเมียมมากยิ่งขึ้น

เปิดสเปค OPPO FIND N3 FLIP มือถือจอพับ ราคาเริ่มต้น 6,799 หยวน

OPPO FIND N3 FLIP

สำหรับOPPO FIND N3 FLIPเปิดตัวในประเทศจีนอย่างเป็นทางการไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยครั้งนี้ OPPO FIND N3 เปิดตัวมาพร้อม 2 รุ่นย่อน คือ RAM 12GB, ROM 256GB ราคาเริ่มต้น 6,799 หยวน และ RAM 12GB, ROM 512GB ราคาเริ่มต้นที่ 7,599 หยวน ซึ่งเดิมรุ่น N2 จะเป็น RAM 8 GB และยังเป็นครั้งแรกที่ OPPO จอพับได้ มาพร้อมกล้องหลัง Telephoto Portrait ความละเอียด 32 MP อีกทั้งยังมาพร้อม ชิปเซต MEDIA TEK DIMENSITY 9200 OCTA- CORE ทำให้มีการประมวลผลที่เร็วขึ้น

OPPO FIND N3 FLIP

สเปคจอภาพ

FIND N3 FLIP มาพร้อมจอภาพขนาดเท่าเดิมคือ จอภาพด้านในแบบ AMOLED ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตรา Refresh ปรับได้สูงสุด 120Hz ความสว่างสูงงสุด 1,600 nits จอภาพด้านนอกเป็นแบบ AMOLED ขนาด 3.26 นิ้ว ความละเอียด 720×382 พิกเซล ความสว่างสูงสุด 900 nits และเคลือบด้วยกระจก UTG ที่มีความบางแต่แข็งแรง เมื่อกางออกตัวเครื่องจะมีขนาดที่ 166.4 × 75.8 × 7.79 มม. เมื่อพับจะมีขนาดอยู่ที่ 85.5 x 75.8 x 16.45 มม. และมีน้ำหนักที่ 198 กรัมเท่านั้น

OPPO FIND N3 FLIP

สเปคกล้องหน้า และหลัง

มือถือจอพับ รุ่นนี้มาพร้อมกล้องหน้ากล้องหน้า ความละเอียด 32MP กล้องหลัง 3 ตัว ได้แก่ กล้องหลัก ความละเอียด 50MP, กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 48MP มุมกว้าง 114 องศา และ TELEPHOTO ความละเอียด 32MP ซูมออปติคอล 2 เท่า สามารถถ่ายวิดีโอความชัด 4K ที่ 30 FPS, 1080P ที่ 60 FPS/30 FPS และ720P ที่ 60 FPS/30 FPS และถ่ายภาพวิดีโอแบบซูมความชัด 4K ที่ 30 FPS, 1080P ที่ 60 FPS/30 FPS, 720P ที่ 60 FPS/30 FPS รวมไปถึงรองรับการถ่ายภาพวิดีโอป้องกันการสั่นไหว โดยกล้องทั้ง 3 ตัวจะอยู่บนแพลตฟอร์มวงกลม สกีน “HASSELBLAD” ซึ่งเป็นแบรนด์กล้องจากประเทศสวีเดน ที่เข้ามาพัฒนากล้องมือถือให้กับ OPPO และมือถืออีกหลาย ๆ แบรนด์ จึงให้ทั้งความแตกต่าง และความรู้สึก LUXURY กว่าเดิม

OPPO FIND N3 FLIP

ฟีเจอร์ใหม่

OPPO FIND N3 FLIPเป็น มือถือพับจอได้ ที่พัฒนาให้สามารถพับได้มากถึง 600,000 ครั้ง จากเดิมที่สามารถพับได้อยู่ที่ราว ๆ 400,000 ครั้ง พร้อมฟีเจอร์สัตว์เลี้ยงดิจิทัลใหม่ที่จะมาพร้อมภาพสัตว์แสนน่ารักแบบ 3D และที่สำคัญชิปดังกล่าวนอกจากจะช่วยให้มีการประมวลผลที่รวดเร็วยิ่งขึ้นแล้ว ยังทำให้ OPPO FINDN3สามารถประหยัดพลังงาน และวามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

OPPO FIND N3 FLIP ยังไม่ประกาศวันจำหน่ายในไทย

OPPO FIND N3 FLIP

สำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของ OPPO FIND N3FLIP รุ่นที่เราพาไปรู้จักกันในวันนี้ สำหรับในประเทศจีน จะมีกำหนดการสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีราคาตามที่เราได้กล่าวไปในข้างต้น แต่สำหรับใครที่สงสัยว่าOPPO FIND N3 FLIPเข้าไทยเมื่อไหร่ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลออกมา ทั้งวันจำหน่าย และราคาไทย แต่สำหรับ OPPO FIND N2FLIP เปิดตัวมาพร้อมราคา 29,990 บาท ดังนั้นเราคาดว่าสำหรับรุ่นN3น่าจะมีราคาไม่เกิด 35,000 บาทอย่างแน่นอน 

นอกจากนี้หากดูภาพรวมทั้งหมดของOPPO FIND N3 FLIPจะเห็นได้ชัดเจนว่า OPPO ค่อนข้างที่จะออกแบบให้รุ่นนี้มาเจาะกลุ่มลูกค้าวัยผู้ใหญ่มากกว่ารุ่นก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นภาพโปรโมทบนเว็บไซต์ของ OPPO GHINA จะเห็นความแตกต่างถึงทั้งดีไซน์ของสินค้าและกลุ่มลูกค้าได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว ซึ่งเรารู้สึกว่าถ้าเป็นผู้ชายสายเข้มดีไซน์ของมือถือรุ่นนี้อาจจะยังไม่ตอบโจทย์เท่าไร

อ่านบทความอื่นๆ: 

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
News

ทนทานกว่าเดิม! IPHONE 15 PRO MAX ทำจากไทเทเนียมเป็นครั้งแรก

IPHONE 15 PRO MAX

เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับIPHONE15 ครั้งนี้ APPLE เปิดตัวสมาร์ทโฟนทั้งหมด 4 รุ่นย่อยคือ IPHONE15,IPHONE15PLUS, IPHONE15PRO และ IPHONE 15 PRO MAX ซึ่งเป็นรุ่นที่เราจะนำมาแนะนำให้กับเพื่อน ๆ ได้รู้จักกันในวันนี้ด้วย โดยครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ APPLE หยิบเอาวัสดุที่ให้ความแข็งแรงอย่าง “ไทเทเนียม” มาใช้ในการผลิตIPHONE เป็นครั้งแรก และใครที่อยากรู้ว่าสเปคของIPHONE 15PROMAX จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง วันนี้เรานำมารีวิวให้เพื่อน ๆ ทุกคนแล้ว

รีวิว IPHONE 15 PRO MAX สมาร์ทโฟนที่เหมาะกับถ่ายคอนเทนต์ทุกคน

IPHONE 15 PRO MAX

สำหรับ IPHONE15 PROMAX ครั้งนี้มาพร้อมความจุ 3 ขนาด คือ 256GB, 512GB และ 1TB ซึ่งครั้งนี้ตัดความจุ 128GB ออกไปเลย พอร์ตเป็น USB – C ที่ให้ถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วกว่า 20 เท่า โดย IPHONE15 PROMAX เปิดตัว มาพร้อมชิป A17 Proที่ทาง APPLE เคลมว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะแรงที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ GPU แรง รองรับเรย์เทรซซิ่งจึงทำให้การเล่นเกมมีความลื่นไหลของกราฟิกมากยิ่งขึ้น และที่พิเศษไปกว่านั้นยังว่ากันว่า นี่จะเป็นครั้งแรกที่จะสามารถเล่นเกมชื่อดังอย่าง “RESIDENT EVIL” จะสามารถเล่นบนมือถือได้อีกด้วย 

IPHONE 15 PRO MAX

นอกจากนี้IPHONE 15 PRO MAXสีทั้งหมดมี 4 สีให้เลือก ได้แก่ ไทเทเนียมดำ, ไทเทเนียมขาว,ไทเทเนียมน้ำเงิน และ ไทเทเนียมธรรมชาติ ให้สัมผัสที่แตกต่างกว่าเดิม ด้านใช้วัสดุแบบ Ceramic Shield ที่ให้ความแข็งแรงทนทาน ส่วนด้านหลังหุ้มด้วยกระจกผิวด้าน หน้าจอ OLED ทั้งหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว SUPER RETINA XDR น้ำหนักตัวเครื่องเบาเพียง 221 กรัม ซึ่งหนักกว่า IPHONE14 PROMAX อยู่เล็กน้อย แต่มีขอบที่บากกว่าเดิม 

กล้องหน้า-หลังIPHONE 15 PROMAX

IPHONE 15 PRO MAX

IPHONE 15 PRO MAXสเปค ของกล้องต้องบอกว่าครั้งนี้รู้สึกว่า APPLE ผลิตออกมาเซอร์วิสกลุ่มคนที่ชอบถ่ายคอนเทนต์โดยเฉพาะ เพราะครั้งนี้กล้องหน้า TRUE DEPTH ความละเอียด 12MP เหมือนเดิม แต่กล้องหลังของเขาให้มาเป็นแบบกล้องหลัง 3 ตัว 7 เลนส์ ได้แก่ กล้องหลัก 48MP เซ็นเซอร์แบบ Quad-pixel ระยะเลนส์ 24 มม. 28 มม. และ 35 มม. พร้อมระบบป้องกันภาพสั่น รองรับการปรับความละเอียดให้เหมาะสม 24MP และ 48MP, กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP มุมมองภาพ 120° พร้อมเลนส์เทเลโฟโต้ 2 เท่า 12MP

IPHONE 15 PRO MAX

และกล้องตัวที่ 3 คือเลนส์ซูม ที่เป็นเลนส์เทเลโฟโต้ 5 เท่า ความละเอียด 12MP ระยะเลนส์ 120 มม. พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นแบบออปติคัลและออโต้โฟกัส ซูมเข้าแบบออปติคัล 5 เท่า, ซูมออกแบบออปติคัล 2 เท่า, ซูมแบบออปติคัล 10 เท่า และซูมดิจิทัลได้สูงสุด 25 เท่า ที่สำคัญกล้องหลังยังสามารถบันทึกวิดีโอระดับ 4K สูงสุดที่ 60 FPS, HD 1080P สูงสุดที่ 60 FPS, HD 720P สูงสุดที่ 30 FPS พร้อมโหมดภาพยนตร์สูงสุด 4K HDR ที่ 30 FPS, และ โหมดแอ็คชั่นสูงสุด 2.8K ที่ 60 FPS เป็นต้น

ACTION BUTTON ใหม่

IPHONE 15 PRO MAX

IPHONE15PRO และ IPHONE 15 PROMAX 2023 มาพร้อมปุ่ม ACTION BUTTON ที่เป็นได้มากกว่าปุ่มเปิด – ปิดเสียง โดยครั้งนี้ปุ่มแอคชั่นมาพร้อมความสามารถที่ให้คุณตั้งค่าทางลัดการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ตามความต้องการของคุณเอง ทั้งเป็นปุ่มสำหรับโหมดปิดเสียง, โหมดกลางคืน, กล้อง, ไฟฉาย, เสียงบันทึก, แปลภาษา, แว่นขยาย, คำสั่งลัด และ การช่วยการเข้าถึง จึงทำให้ปุ่มแอ็คชั่นเป็นปุ่มที่เตรียมพร้อมเพื่อคุณเสมอ

IPHONE 15 PRO MAX ราคาเริ่มต้น 48,900 บาท พร้อมจำหน่ายในไทย 22 กันยายนนี้

IPHONE 15 PRO MAX

สำหรับแฟนชาวไทยที่อยากเป็นเจ้าของIPHONE 15 PRO MAXทาง APPLE เปิดให้จองล่วงหน้าแล้วตั้งแต่วันที่ 15กันยายน เวลา 19.00 น. ที่ผ่านมา โดยIPHONE15 PRO MAX ราคาในไทย เริ่มต้นที่ 48,900 บาท สำหรับความจุ 256GB, ความจุ 512GB ราคา 57,900 บาท และ 66,900 บาท สำหรับรุ่นความจุ 1TB และพร้อมจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 กันยายน 2023 นี้ ดังนั้นใครที่ไม่อยากพลาดที่จะเป็นเจ้าของไอโฟนรุ่นนี้รีบเตรียมตัวให้พร้อมได้เลย 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
News

เปิดตัวแล้ว! iPhone 15 สเปคสุดยอด ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง

iPhone 15

เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ iPhone 15 และต้องบอกเลยว่า หนึ่งปีที่รอคอยคุ้มค่าสุด ๆ เพราะนอกจากรุ่นเริ่มต้นจะมาพร้อมสเปคที่ดีแบบก้าวกระโดดและเป็นครั้งแรกที่ APPLE เอาเลนส์ 120 มม. มาไว้บนไอโฟนให้คุณซูมและถ่ายภาพได้จากระยะที่ไกลมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

iPhone 15 เปิดตัวพร้อม 4 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้น 32,900 บาท

iPhone 15

หลังจากที่ APPLE เปิดตัว iPhone15 ไปเมื่อเที่ยงคืนของวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา เราเชื่อว่ามีสาวกโฟนหลายคนต้องยิ้มไม่หุบอย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า ไอโฟน15 อาจจะมีราคาเริ่มต้นเกือบห้าหมื่นบาทเลยทีเดียว แต่ล่าสุด iPhone15 PRO MAX เปิดตัว ด้วยราคาเริ่มต้นประมาณ 57,900 บาท ส่วนรุ่นเริ่มต้นอย่างiPhone 15ราคา เริ่มต้นที่ 32,900 บาท ซึ่งสูงกว่า iPhone14 เพียง 3,000 บาทเท่านั้น แต่สเปคต้องบอกเลยว่ากระโดดไปไกลกว่าหลายจุดมาก ๆ ซึ่งวันนี้เราได้รวรวมสเปคของไอโฟนแต่ละรุ่นมาให้เพื่อน ๆ ทุกคนแล้ว

สเปค iPhone 15 และ iPhone 15 PLUS

iPhone 15

iPhone15PLUS และ iPhone15สเปค น่าสนใจมาก ๆ โดยครั้งนี้เขามาพร้อมชิป A16 BIONIC จอภาพ SUPER RETINA XDR ขนาด 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว สำหรับ iPhone 15PLUS ที่มาพร้อม DYNAMIC ISLAND และความสว่างกลางแจ้งสูงสุดเฉพาะจุด 2,000 นิต สามารถป้องกันน้ำที่ระดับ IP68 หรือ ความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที 

iPhone 15เปิดตัว สี ทั้งหมด 5 สีด้วยกันได้แก่ ชมพู, ฟ้า, เหลือง, เขียว และดำ ที่มาในโทนสีพาสเทล ซึ่งจะมีโทนอ่อนกว่ารุ่นก่อนหน้า อีกทั้งยังมาพร้อมกล้อง 2 ตัวคือ กล้องหลัก 48MP ที่สามารถตั้งค่าความละเอียดภาพถ่ายที่ 24 MP หรือ 48 MP พร้อมระยะเลนส์เทเลโฟโต้ X2 ที่ความละเอียด 12MP และถ่ายภาพมุมกว่า 120 องศา ด้วยกล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 12MP ส่วนกล้องหน้า TRUE DEPTH ก็ยังคงเป็นความละเอียดที่ 12MP เช่นเดิม และแต่ละรุ่นมีราคาดังนี้

  • iPhone15/ iPhone 15PLUS 128GB ราคา 32,900 / 37,900 บาท
  • iPhone15/ iPhone 15PLUS 256GB ราคา 36,900 / 41,900 บาท
  • iPhone15/ iPhone 15PLUS 512GB ราคา 45,900 / 50,900 บาท

สเปคiPhone15 PRO และiPhone 15 PRO MAX

iPhone 15

iPhone 15 PRO และiPhone 15 PRO MAX ที่ทำมาจากไทเทเนียม ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกของ iPhoneและทั้ง 2 มาพร้อมชิป A17 PRO จอภาพ SUPER RETINA XDR แบบติดตลอดขนาด 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว สำหรับรุ่น PRO MAX อัตรารีเฟรชปรับอัตโนมัติสูงสุดที่ 120Hz มี Dynamic Island 

กล้องหลัง 3 ตัวคือ กล้องหลัก 48M , อัลตร้าไวด์ 12MP, เทเลโฟโต้ X2 และ X3 ความละเอียด 12MP, ซูมดิจิทัลได้สูงสุด15เท่า และเทเลโฟโต้ X5 ความละเอียด 12MP และซูมดิจิทัลได้สูงสุด 25 เท่าสำหรับ PRO MAX ส่วนกล้องหน้า TRUE DEPTH ก็อยู่ที่ 12MP เช่นเดียวกันกับ iPhone15 อีกทั้ง 2 รุ่นที่กล่าวไปข้างต้น และมีให้เลือกทั้งหมด 4 สีได้แก่ ไทเทเนียมดำ, ไทเทเนียมขาว,ไทเทเนียมน้ำเงิน และ ไทเทเนียมธรรมชาติ ซึ่งด้านหลังแบบกระจกผิวด้าน ซึ่งมีราคาดังนี้

  • iPhone15 PRO / iPhone15PRO MAX ความจุ 128GB ราคา 41,900 / 48,900 บาท
  • iPhone15 PRO ความจุ 256GB ราคา 45,900 บาท 
  • iPhone15 PRO / iPhone 15PRO MAX ความจุ 512GB ราคา 54,900 / 57,900 บาท
  • iPhone15 PRO / iPhone 15PRO MAX ความจุ 1TB ราคา 63,900 / 66,900 บาท

iPhone 15 PRO และ PRO MAX มีอะไรใหม่บ้าง?

iPhone 15

หลังจากที่iPhone 15เปิดตัวอย่างเป็นทางการ นอกจากทาง APPLE ได้เปลี่ยนจากพอร์ต LIGHTNING เป็นพอร์ต USB-C ที่จะทำให้การโอนถ่ายข้อมูลมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นแล้ว ครั้งนี้รุ่น PRO และ PRO MAX ยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพียบ เพราะชิป A17 PRO ที่รองรับ Ray Tracing ที่เร็วที่สุดในสมาร์ทโฟนและ MetalFX Upscaling ที่ให้กราฟิกสวยขึ้นแต่ใช้แบตเตอรี่น้อยลง จึงทำให้ iPhone เข้าสู่วงการมือถือสำหรับเกมมิ่งอย่างเต็มตัว 

iPhone 15

ปุ่มแอ็คชั่นแบบใหม่ ที่ให้คุณตั้งค่าทางลัดได้เองตามที่คุณต้องการ และเรียกใช้งานได้ง่าย ๆ เพียงกดปุ่มค้าไว้ ให้ปุ่มนี้เป็นมากกว่าปุ่มสำหรับปิด – เปิดเสียง และถ้าคุณอยาก จองiPhone15 และรุ่นอื่น ๆ ล่วงหน้าในวันที่ 15 กันยายน 2023 เวลา เริ่มตั้งแต่เวลา 19:00 น. และจะเริ่มวางจำหน่ายจริงในวันที่ 22 กันยายน 2023 ที่จะถึงเร็ว ๆ นี้อีกด้วย ดังนั้นใครที่ไม่อยากพลาดสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จากค่าย APPLE ต้องรีบเตรียมตัวแล้ว

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
News

Mitsubishi Standard Inverter แอร์ฟอกอากาศ พร้อมปรับอากาศเย็นทั่วห้อง

แอร์ฟอกอากาศ

ใกล้ฤดูร้อนเข้าไปทุกที แต่ฝุ่น PM 2.5 ก็ยังคงปกคลุมหนาจนเห็นได้ชัด ซึ่งนอกจากฝุ่นเหล่านี้จะส่งผลเสียต่อร่างกายของเราแล้ว ฝุ่นเหล่านี้ยังทำให้เราไม่สามารถทำกิจกรรม Out Door ได้เหมือนอย่างเคย จึงทำให้เราต้องทำกิจกรรมต่าง ๆ ในบ้าน หรือ ห้องของเรา และเพื่อเป็นการต้อนรับฤดูร้อนที่จะถึงนี้เราจึงอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกับ Mitsubishi Standard Inverter แอร์ฟอกอากาศ ที่นอกจากจะสามารถให้ความเย็นได้แล้ว ยังมีความสามารถในการฟอกอากาศภายในห้องให้เราได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ขณะที่อยู่ในบ้านของเราอีกด้วย

เปิดสเปค แอร์ฟอกอากาศ จาก “Mitsubishi Standard Inverter”

แอร์ฟอกอากาศ

สำหรับ Mitsubishi Standard Inverter เป็นเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ ที่นอกจากจะทำงานได้อย่างไร้เสียงรบกวนแล้ว แอร์ประเภทนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของการประหยัดพลังงาน และลมแอร์ที่ให้ความรู้สึกเย็นสบาย นอกจากนี้สำหรับ Standard Inverter มีให้เลือกทั้ง JW และ JR ซีรีส์ ที่นอกจากจะเป็นเครื่องปรับอากาศที่ให้ความเย็นสบายแล้ว แอร์รุ่นนี้ยังนับว่าเป็นแอร์ฟอกอากาศที่มาพร้อมฟังก์ชันในการกรองอากาศมากมาย

แอร์ฟอกอากาศ

แอร์ Mitsubishi รุ่นนี้มาพร้อม V – AIR Filter ที่ช่วยยับยั้งแบคทีเรีย ไวรัส (เฉพาะรุ่น JW ซีรีส์) และเชื้อรา มี PM2.5 Filter (อุปกรณ์เสริมใน JR ซีรีส์) และเทคโนโลยี Plasma Quad Connect ที่ช่วยกรองและตรวจจับสิ่งเจือปนอนุภาคขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน (PM2.5) ในอากาศด้วยประจุไฟฟ้าได้มากถึง 99% และเทคโนโลยี Dual Barrier Coating ที่ช่วยลดการเกาะของฝุ่น และละอองน้ำในตัวเครื่อง (คอยล์เย็น) และในส่วนของฟังก์ชันการใช้งาน แอร์ฟอกอากาศMitsubishi ก็ให้มาอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Fast Cool, Sleep Mode, Auto Vane Control (เฉพาะรุ่น JR ซีรีส์), Error Code และ 24 hr. Program Timer ซึ่งเป็นโหมดตั้งเวลาปิด – เปิด ล่วงหน้าเป็นต้น

แอร์ฟอกอากาศราคา เริ่มต้นเพียง 21,000 บาท สำหรับขนาด 9,212 BTU 

แอร์ฟอกอากาศ

สำหรับ แอร์ ฟอกอากาศ รุ่น Standard Inverter มีทั้งหมด 2 ซีรีส์ด้วยกัน ได้แก่ JW และ JR ซึ่งทั้งหมดจะจัดในอยู่ในเครื่องปรับอากาศ 1 ดาว โดยรุ่น MSY-JW09VF ขนาด 9,212 BTU จะมีราคาอยู่ที่ 21,000 บาท, รุ่น MSY-JW13VF ขนาด 12,283 BTU ราคา 24,200 บาท, MSY-JW15VF ราคา 28,900 บาท, MSY-JW18VF ราคา 33,000 บาท, MSY-JW24VF ราคา 47,000 บาท และ MSY-JR34VF ขนาด 34,800 BTU ราคา 53,950 บาท 

แอร์ฟอกอากาศ

อย่างไรก็ตามแอร์ประเภทนี้ค่อนข้างจะเหมาะกับห้องทำงาน หรือ ห้องนอน เนื่องจากจะเป็นห้องที่จะมีการทำกิจกรรมน้อยกว่าห้องนั่งเล่น ซึ่งเครื่องปรับอากาศก็จะมีการทำความเย็นอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งใครที่ชอบแอร์ที่ลมเย็นแรง ๆ ก็อาจจะไม่เหมาะกับเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ เนื่องจากแอร์ประเภทนี้จะมีลมเย็นสบายที่ไม่ปะทะตัวนั่นเอง 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://hilo-88.net/ 

Categories
News

Nokia C12 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด ราคาไม่ถึง 3,000 คุณภาพคุ้มเกินราคา

Nokia C12

หากกล่าวถึง Nokia แบรนด์มือถือสัญชาติฟินแลนด์ เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนในที่นี้คงต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีแน่นอน เนื่องจาก Nokia เป็นแบรนด์มือถือที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน และก่อนที่ iPhone และ Samsung จะขึ้นมาเป็นยักษ์ใหญ่ครองตลาด Nokia ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เรียกได้ว่าในยุคก่อนหน้าแทบจะไม่มีใครล้มเขาได้เลยก็ว่าได้ และล่าสุดกับการเปิดตัว Nokia C12 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ ที่เปิดตัวมาพร้อมราคาไม่ถึง 3,000 บาท และที่สำคัญมือถือรุ่นนี้ต้องมาพร้อมคุณภาพที่เป็นมาตรฐานของทางแบรนด์อย่างแน่นอน

Nokia C12 กล้องหลังชัด 8 MP แถมยังถอดแบตได้เอง

Nokia C12

Nokia C 12 เป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมหน้าจอความละเอียดระดับ HD+ ที่ถูกเคลือบด้วยกระจกนิรภัยเทมเปอร์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความทนทาน ขนาด 6.3 นิ้ว พร้อมฟีเจอร์ Brightness boost และ Selfie notch โปรเซสเซอร์ Octa-core up to 1.6Ghz CPU Unisoc 9863A1 RAM 3GB Virtual RAM 2GB (รวมกันเป็น 5GB) ที่เก็บข้อมูล 64GB และระบบปฏิบัติการ Android 12 (Go edition)

Nokia C12

มือถือ NokiaC12 มีขนาดความกว้างอยู่ที่ 74.3 มม. ความยาว 8.75 มม. ความสูง 160.6 มม. และน้ำหนัก 177.4 กรัม จึงทำให้พกพาได้สะดวก และทำให้ไม่รู้สึกหนักจนเกินไปขณะใช้งานอีกด้วย อีกทั้งยังกันน้ำในระดับ IP52 แบตเตอรี่สามารถถอดได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นเมื่อต้องการเปลี่ยนแบตเตอรี่ก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องเข้าศูนย์ ขนาด 3000 mAh การชาร์จแบตเตอรี่ 5W พร้อมฟีเจอร์ Battery saving features โดย มือถือ Nokia รุ่นนี้เป็นพอร์ตแบบ Micro USB ที่รองรับทั้งการชาร์จและการโอนถ่ายข้อมูล มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm. และรองรับ 2 ซิม

Nokia c12ราคา เพียง 2,990 บาท มี 2 สีให้เลือก

Nokia C12

สำหรับNokia C12เปิดตัวมาพร้อมราคาเพียง 2,990 บาท อีกทั้งยังมี 3 สีให้เลือก ได้แก่ Charcoal, Dark Cyan และ สีเขียวมินท์ และภายในกล่องของ มือถือหลักพัน รุ่นนี้ก็ให้อุปกรณ์มาแบบครบครันทั้ง ชุดหูฟัง, เคสซิลิโคนใส, คู่มือเริ่มใช้งานฉบับย่อ, แบตเตอรี่แบบถอดได้, คู่มือความปลอดภัย, แผ่นฟิล์มปกป้องหน้าจอ, สาย Micro USB และ ที่ชาร์จ Micro USB อีกทั้งปัจจุบันยังพร้อมให้คุณเป็นเจ้าของแล้ว 

Nokia C12

นอกจากในส่วนของคุณสมบัติของ Nokia รุ่นที่เราพาทุกคนไปทำความรู้จักกันในวันนี้ยังสามารถใช้งานได้หลากหลาย คุ้มเกินราคา ทั้งเล่นโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ หรือแม้แต่กระทั่งเล่นเกมอย่าง PUBG และ ROV ก็สามารถเล่นได้เช่นกัน ดังนั้นใครที่กำลังหามือถือให้คุณพ่อคุณแม่ หรือ น้อง ๆ หนู ๆ ไว้ใช้งาน รุ่นนี้ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีและน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://hilo-88.net/ 

Categories
News

HONOR Pad 8 แท็บเล็ตดีไซน์หรู หน้าจอใหญ่ น้ำหนักเบา 

HONOR Pad 8

HONOR Pad 8 แท็บเล็ตรุ่นปี 2022 ที่เปิดตัวมาพร้อมดีไซน์สวย เรียบหรู หน้าจอใหญ่ แถมน้ำหนักเบา และที่สำคัญคือเป็นแท็บเล็ตที่เหมาะกับทั้งเล่นเกม ประชุม เรียนออนไลน์ ดูหนัง และความบันเทิงอื่น ๆ อีกมากมาย และที่สำคัญคือ รุ่นนี้ยังเป็นรุ่นที่มาพร้อมฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกมากมาย ซึ่งสเปคจะดีเยี่ยมเกินราคาขนาดไหน เราไปดูพร้อมกันเลย

HONOR Pad 8 แท็บเล็ตหน้าจอ 12 นิ้ว ความคมชัดระดับ 2K 

HONOR Pad 8

HONOR Pad8 มาพร้อมจอแสดงผล LCD ขนาด 12 นิ้ว ความละเอียด 2000×1200 จอแสดงผล 2K HONOR ระบบประมวลผล Qualcomm Snapdragon 680 GPU Adreno 610 ระบบปฏิบัติการ Android S + MagicUI 6.1 และ RAM 4, 6GB พื้นที่จัดเก็บข้อมูล (ROM) 128GB ที่สำคัญหน้าจอยังมาพร้อมโหมดการป้องกันดวงตา ที่ช่วยลดอาการเมื่อยล้า และปวดดวงตา นอกจากนี้สเปคดังกล่าว เป็นสเปคที่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป ซึ่งหากใครที่คาดว่าจะซื้อ honor pad ไปไว้ใช้งานในระดับแอดวานส์ รุ่นนี้อาจจะยังไม่เหมาะขนาดนั้น 

HONOR Pad 8

ในส่วนของกล้อง tablet honor pad8 ให้กล้องหน้า และกล้องหลังมาอย่างละ 1 เลนส์ ความละเอียด 5MP โดยกล้องหลังสามารถบันทึกวิดีโอระดับ Full HD 1080p ที่ 30/60 เฟรมต่อวินาที ความละเอียด 1920 x 1080 และกล้องหน้าสามารถบันทึกวิดีโอระดับ Full HD 1080p ที่ 30 เฟรมต่อวินาที ระบบ Audio ของรุ่นนี้เป็นแบบ HONOR Histen, DTS: X®Ultra พร้อมการติดตั้งลำโพง 8 ตัว และไมโครโฟนอีก 1 ตัว และที่สำคัญคือมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,250mAh มีระบบชาร์จเร็ว 22.5W จึงทำให้สามารถดูวิดีโอศึกษาแบบออฟไลน์ได้นาน 14 ชั่วโมง หรือเรียนออนไลน์ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว 

HONOR Pad 8

นอกจากนี้ tablet honor pad ยังมาพร้อมโหมด Smart Multi-Window ที่ทำให้เราสามารถเปิดการใช้งานได้หลายหน้าต่าง ซึ่งจะรองรับหน้าต่างแอปที่เปิดอยู่พร้อมกันสูงสุด 4 หน้าต่าง โดยโหมดนี้จะช่วยให้คุณทำงานที่มีความจำเป็นต้องใช้แอปหลาย ๆ แอปพร้อมกันได้ในเวลาเดียว แบบที่ไม่จำเป็นต้องเปิด – ปิด แอประหว่างทำงาน

Honor Pad 8ราคา 9,990 บาท จ่ายหมื่นมีทอน 

HONOR Pad 8

สำหรับHONOR Pad 8เปิดตัวมาพร้อมราคา 9,990 บาท ซึ่งในปัจจุบันตัวแทนจำหน่ายบางเจ้ามีการจัดโปรโมชั่นลดราคาจึงทำให้คุณสามารถเป็นเจ้าของแท็บเล็ตรุ่นนี้ในราคาที่ย่อมเยาลง นอกจากนี้สำหรับใครที่สงสัยว่า honorpad8 รองรับปากกาไหม คำตอบคือ honor pad 8 รุ่นนี้รองรับทั้งคีย์บอร์ด และ ปากกา จากหลากหลายแบรนด์ ซึ่งทุกคนสามารถเลือกซื้อได้จากแบรนด์ที่ชื่นชอบได้เลย และในส่วนของสี รุ่นนี้มีให้เลือกถึง 3 สี ได้แก่ Green, Blue และ Gold ดังนั้นใครที่กำลังตามหาแท็บเล็ตราคาย่อมเยาไว้ใช้งาน รุ่นนี้นับว่าเป็นรุ่นที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://ufaball.bet/ 

Categories
News

Acer Swift 14 โน๊ตบุ๊ค 2023 ดีไซน์สวย เหมาะกับการพกพา

โน๊ตบุ๊ค 2023

โน๊ตบุ๊ค 2023 มีการเปิดตัวหลายต่อหลายรุ่นด้วยกัน ซึ่ง Acer ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้มีการเปิดตัวโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ล่าสุด อย่าง Acer Swift 14 ที่มีการเปิดตัวเมื่อเดือนมกราคม 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าเป็นรุ่นนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันในวันนี้ด้วย

Acer Swift 14 โน๊ตบุ๊ค 2023 สเปคเยี่ยม พร้อมชิป Intel Gen 13th

โน๊ตบุ๊ค 2023

สำหรับ Acer Swift 14 คือ โน๊ตบุ๊ค2023 ที่เปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นที่พัฒนามาจาก swift 5 2022 ตัวดังจาก Acer โดยโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้มีการออกแบบ และดีไซน์มาอย่างสวยงาม เรียบหรู เป็นเอกลักษณ์ ด้วยตัวเครื่องอะลูมิเนียมระดับพรีเมียมที่ผลิตด้วยเครื่องจักร CNC ให้มีขนาด 14.95 มม. และมีน้ำหนักเบาเพียง 1.2 กิโลกรัม จึงทำให้สามารถพกพาได้สะดวกมากยิ่งขึ้น จนทำให้โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ได้รับรางวัล Design Award 2022

โน๊ตบุ๊ค 2023

โน๊ตบุ๊ค2023 ทํางาน รุ่นนี้มาพร้อมระบบประมวลผลล่าสุดอย่าง Intel Gen 13th Core Core i7 เพื่อมอบพลังในการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและพลังในการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน และเมื่อเทียบกับ Intel Gen 12th จะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสูงสุด 1.45 RAM สูงสุด 32GB พื้นที่จัดเก็บสูงสุด 1TB การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris XR Graphics พร้อม Intel Unison ที่ให้คุณสามารถเชื่อมต่อโน๊ตบุ๊คเข้ากับมือถือที่คุณเลือกได้ ทำให้สามารถถ่ายโอนไฟล์, ภาพถ่าย, รับสาย, ข้อความ รวมถึงรับและจัดการการแจ้งเตือนบนมือถือผ่านโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งในสเปคประมาณนี้ก็นับว่า โน๊ตบุ๊คสเปคแรง อีกรุ่นหนึ่งที่เหมาะกับการใช้ทำงานทั่วไป เช่น งานเอกสาร เรียนออนไลน์ หรืองานธุรกิจเป็นอย่างยิ่ง

โน๊ตบุ๊ค 2023

ในส่วนของจอแสดงผลจอแสดงผลเป็นแบบระบบสัมผัส 14 นิ้ว ความชัดระดับ 2.5K (ความละเอียด 2560 x 16001) อัตราส่วนภาพ 16:10 อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 92.22% อัตรารีเฟรช 60Hz พร้อมด้วยเทคโนโลยีถนอมสายตา และการเคลือบสารแอนตี้แบคทีเรีย อีกทั้งยังมาพร้อมกล้อง QHD 1440p ที่ให้คุณสามารถ VDO Call ที่ได้ภาพคมชัดกว่าที่เคย และในส่วนของพอร์ตเชื่อมต่ออุปกรณ์ รุ่นนี้ให้พอร์ต Thunderbolt 4 (USB Type-C) 2 พอร์ต USB – A 2 พอร์ต HDMI 2.1 1 พอร์ต และ พอร์ต 3.5 มม. อีก 1 พอร์ต 

Notebook 2023 รุ่น Swift 14 ยังไม่ถูกนำเข้าไทย

โน๊ตบุ๊ค 2023

ปัจจุบันในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 Acer Swift 14 รุ่นนี้จะยังไม่ถูกนำเข้ามาวางจำหน่ายในไทย แต่ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากเป็นเจ้าของโน๊ตบุ๊ค 2023รุ่นนี้เราเชื่อวางภายในปี 2023 นี้ทาง Acer น่าจะมีการนำเข้ามาวางจำหน่ายในไทยอย่างแน่นอน และสำหรับราคา 2023 Acer Swift 14 ที่วางจำหน่ายในต่างประเทศ ณ ขณะนี้ มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ราว ๆ 1,399.99 เหรียญดอลลาร์ หรือประมาณ 45,919.67 บาท ซึ่งนับว่าเป็นราคาที่น่าสนใจเลยทีเดียว 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://sa-game.bet/ 

Categories
News

Px8 McLaren Edition หูฟัง Headphone สุดพรีเมียม จากแบรนด์ดังระดับไฮเอน

Px8 McLaren Edition

Px8 McLaren Edition หูฟังรุ่นใหม่ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา จากแบรนด์Bowers & Wilkins (B&W) ที่คอลแลปส์ กับแบรด์รถสปอร์ตสุดหรูอย่างMcLaren อีกทั้งยังมาพร้อมดีไซน์ และคุณภาพเสียงสุดพรีเมียม ตามแบบฉบับของแบรนด์ ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไร และควรค่าแก่การครอบครองขนาดไหน วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูพร้อมกัน

รีวิว Px8 McLaren Edition หูฟังรุ่นพิเศษที่ไม่ได้มีดีแค่ดีไซน์

Px8 McLaren Edition

Px8 McLaren Editionหูฟัง Headphone ที่นอกจากจะใช้วัสดุระดับพรีเมียมในการผลิตแล้ว b&w PX8McLaren editionยังเป็นรุ่นที่ทางแบรนด์ผลิตขึ้นมาในโอกาสสุดพิเศษ คือเพื่อเป็นการฉลองความสัมพันธ์ ระหว่าง Bowers & Wilkins และ McLarenAutomotive ที่มีมาตั้งแต่ปี 2015 โดยPx8 McLarenEditionตกแต่งด้วยหนังสีเทาและผสมผสานกับสีส้ม Papaya ที่ได้แรงบันดาลใจจากรถซูเปอร์คาร์และไฮเปอร์คาร์ของMcLarenได้อย่างลงตัว

Px8 McLaren Edition

โดย หูฟัง McLaren รุ่นที่มีการคอลแลปส์กับ Bowers & Wilkins นั้นจะมาพร้อมน้ำหนักเบาเพียง 320 กรัม (ไม่รวมเคส) มีระบบตัดเสียงรบกวนแบบไฮบริด (Hybrid Noise Cancellation) ระบบฟังเสียงรอบตัว ระบบ Wear-Detection Sensor Bluetooth เวอร์ชั่น 5.2 พร้อม aptX™ Adaptive อีกทั้งยังรองรับการชาร์จด้วยพอร์ต USB-C สามารถใช้งานเป็น audio interface รองรับการใช้งานผ่าน Bowers & Wilkins Music app 

Px8 McLaren Edition

นอกจากนี้PX8 McLarenยังมาพร้อมไมโครโฟนทั้งหมด 6 ตัวด้วยกัน ได้แก่ ไมโครโฟน Active noise control 4 ตัว และ ไมโครโฟนสำหรับโทรศัพท์ 2 ตัว แบตเตอรี่ที่สามารถเล่นได้นานกว่า 30 ชั่วโมง ด้วยการชาร์จเพียง 2 ชั่วโมง หรือชาร์จเพียง 15 นาที สามารถเล่นได้นาน 7 ชั่วโมงเลยทีเดียว และที่สำคัญคือในกล้องยังให้อุปกรณ์มาค่อนข้างครบครันทั้ง USB-C to 3.5mm (สายแจ็ค) ยาว 1.2 เมตร และ USB-C to USB-C 1.2 เมตร เพื่อให้คุณสามารถเชื่อมต่อการใช้งานกับอุปกรณ์อื่นได้สะดวกยิ่งขึ้น

Px8 McLaren Editionราคา $799 น่าเสียดายเพราะ Out of stock ไปแล้ว 

Px8 McLaren Edition

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากเป็นเจ้าของ P x 8 McLaren Edition ก็อื่นเราต้องขอแจ้งก่อนว่า หูฟังรุ่นนี้ Out of stock ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ในส่วนของราคาบอกเลยว่า Bowers & WilkinsPx8 McLaren edition รุ่นนี้เปิดตัวมาพร้อมราคาที่ค่อนข้างน่ารักอยู่พอสมควร โดยเริ่มต้นที่ 799 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 27,709 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นราคามาตรฐานของแบรนด์เลยก็ว่าได้ ดังนั้นเราจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหูฟังรุ่นนี้ที่เปิดตัวมาได้แค่ 2 เดือนกว่า ๆ ถึง Out of stock ในเวลาไม่นาน นอกจากนี้หูฟังยังมาพร้อม Carry Case สุดพรีเมียม ที่ให้คุณสามารถพกพาหูฟังออกไปใช้งานนอกบ้านได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://ufaball.bet/ 

HILO-88.COM
HILO-88.COM