หมวดหมู่: สอนใช้

ก่อนที่จะทำการย้ายข้อมูลไม่ว่าเราจะมี iPhone รุ่นไหนก็ตามผมแนะนำให้ อัพ ios 12.4 ขึ้นมามันจะมีฟีเจอร์ที่เราต้องการและเราต้องเตรียม apple id และเตรียมแบตให้พร้อมหรือเสียบสายชาจไปด้วยก็ได้แล้วเราควรเปิด WiFi หรือ  Bluetooth ใน iPhone เครื่องเก่าของเราแล้ว iPhone เครื่องใหม่ของเรานั้นต้องอยู่ในหน้าเริ่มต้นการตั้งค่าแต่ทุกคนอย่าตกใจไปถ้เครื่องเข้าไปหน้าโฮมแล้วเรามีวิธีแก้ไขเราต้องล้างเครื่องใหม่ด้วยการลบข้อมูลและการต้องค่าทั้งหมดวิธีทำ คือ เข้าไปที่ Setting>General>Resetของ iPhone แค่นี้เครื่องทุกคนก็พร้อมแล้วเรามาเริ่มวิธีย้ายข้อมูลกันครับ

นำ iPhone ทั้งสองเครื่องมาไว้ใกล้ๆกันจากนั้นเราก็เปิด iPhone  11 และเริ่มตามขั้นตอนการเปิดใช้งานเครื่อง

จากนั้นไปดูที่ iPhone เครื่องเก่าของเรามันจะมีแถบแสดงขึ้นมาว่า “ตั้งค่า iPhone เครื่องใหม่”แล้วเราก็กดไปที่ ดำเนินการต่อ

แล้วเราก็ไปดูที่ iPhone เครื่องใหม่ จะแสดง QR Code 3 มิติ ขึ้นมาจากนั้นให้เราเอา iPhone เครื่องเก่าไปสแกนเพื่อจะเข้าการโอนถ่ายข้อมูล

จากนั้นระบบจะถามว่าให้เราตั้งค่า Face ID ไหมถ้าเราไม่อยากทำตอนนั้นก็ข้ามไปก่อนครับแล้วระบบก็จะถามการโอนถ่ายข้อมูลและยังบอกให้วางโทรศัพท์ไว้ใกล้ๆกันแล้วก็จะบอกเวลาเราด้วย

เราก็กดไปที่ Continue แล้วก็กด ไปที่ Agree และระบบก็จะถามว่าเราต้องการจะอัพเดท ios แบบอัตโนมัติ ถ้าเราไม่อยากอัพเดทอัติโนมัติ เราก็กดไปที่ Install Updeates Manually นะครับ แล้วระบบก็จะถามมาให้เรากด Continue ไปเรื่อยๆ จากนั้นก็จะเข้าสู่การโอนถ่ายข้อมูล

• 

เป็นไงบ้างครับกับวิธีที่ผมแนะนำไปง่ายและเร็วไม่ต้องพึ่งคอมพิวเตอร์ด้วยทำให้สะดวกขึ้นมากๆ

     iPhone 11 , 11 Pro , 11Pro Max มีการพบว่าระบบมีการติดตามผู้ใช้อย่างต่อเนื่องครับถึงเราจะปิดการตั้งค่าการติดตามไปแล้วสังเกตได้จาก ไอคอนรูปลูกศรที่แสดงบนมุมซ้ายของด้านบนเมื่อมีการใช้บริการหาตำแหน่งซึ่งเกิดจากการทำงานของเทคโนโลยี Ultra Wideband ซึ่งมีอยู่ในชิพ U1 ทาง Apple ได้ออกมาอธิบายว่าเทคโนโลยี Ultra Wideband เป็นเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและเป็นไปตามข้อกำหนดของประเทศที่จำเป็นต้องปิดในบ้างพื้นที่ดังนั้น iOS จึงใช้บริการการระบุตำแหน่งเพื่อช่วยในการพิจารณาว่า iPhone อยู่ในสถานที่ต้องห้ามเหล่านี้หรือไม่เพื่อปิดการใช้งาน Ultra Wideband และปฏิบัติตามกฎระเบียบการจัดการการปฏิบัติตามข้อกำหนด Ultra Wideband และการใช้ข้อมูลตำแหน่งจะเกิดขึ้นบนอุปกรณ์ทั้งหมดของเราเท่านั้นครับโดย Apple ไม่ได้รวบรวมตำแหน่งของผู้ใช้ทำให้ข้อมูลยังเป็นข้อมูลส่วนตัวของเราไม่มีปัญหาเรื่องการไม่เป็นส่วนตัวครับ

      แต่ทาง Apple อยากให้ผู้ใช้สบายใจทาง Apple จึงได้อัพเดท iOS 13.3.1 ให้มีสวิตซ์ในการเปิดและปิดการค้นหาตำแหน่ง เรามูขั้นตอนในการปิดกันเลย

ขั้นตอนในการปิดการติดตามตำแหน่งกดไปที่ไอคอน การตั้งค่า

แล้วกดไปที่ ความเป็นส่วนตัว

แล้วกดไปที่ บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง

จากนั้นให้ทุกคนเลื่อนไปด้านล่างสุดแล้วกดไปที่ บริการระบบ

และให้ทุกคนไปปิดสวิตซ์ ระบบเครือข่ายไร้สาย แถบตัวเลือกนี้จะมีใน iPhone 11 , 11 Pro , 11 Pro Max ที่มีชิพ U1 เท่านั้นนะครับเครื่องในรุ่นอื่นๆที่ไม่มีชิปนี้จะไม่มีแถบขึ้นมาให้ปิดนะครับ

            สำหรับคนที่ลืมรหัสผ่าน Apple ID หรือต้องการเปลี่ยนรหัส Apple ID ไม่ต้องคิดมากนะครับเรามีวิธีทำแบบง่ายมาบอกครับ

สำหรับการรีเซ็ต Apple ID ให้เข้าไปที่ไอคอนการตั้งค่า

แล้วกดไปที่บัญชี iCloud

จากนั้นกดไปที่ รหัสผ่านและความปลอดภัย

แล้วกดไปที่ เปลี่ยนรหัสผ่าน นะครับ

จากนั้นให้ป้อนรหัสผ่านปลดล็อคของเครื่องแล้วป้อนรหัสผ่านใหม่ที่จะใช้ได้เลยครับ

แล้วไปกดที่คำว่า เปลี่ยน แค่นี้การเปลี่ยนรหัสผ่าน Apple ID ก็เสร็จแล้วครับ

แสดงความดีใจกับทุกคนที่ได้ iPhone 11 , iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ถูกใจกันไหมครับกับการที่รอคอยมานาน เรามาดูวิธีพื้นฐานง่ายๆในไอโฟนรุ่นใหม่ทั้ง 3 รุ่นกันครับ

เริ่มต้นวิธีแรกในการเปิด/ปิดเครื่องในเครื่องรุ่นเก่าเราแค่กดปุ่มพาวเวอร์อย่างเดี๋ยวแต่รุ่นใหม่นี้เราต้องกดปุ่มพาวเวอร์พร้อมกับปุ่มเพิ่มเสียงหรือลดเสียงค้างไว้ประมาณ 1 หรือ 2 วินาทีแถบปิดเครื่องก็จะเด้งขึ้นมาให้เราปิด

ต่อมาคือการออกจากแอพกลับไปหน้าจอโฮมในปกติ iPhone รุ่นเก่าเราแค่กดปุ่มโฮมก็ออกจากแอพได้แล้วแต่ใน iPhone รุ่นปัจจุบันต้องปัดจากข้างล่างจอขึ้นไปด้านบนก็จะออกจากแอพไปยังหน้าโฮมได้แล้วนะครับ

ในการที่เราจะเปิดดูรายการแอพที่เราเข้าไว้ในปกติ iPhone รุ่นเก่าๆเราจะกดไปที่ปุ่มโฮมสองครั้งแต่ในรุ่นล่าสุดเราแค่เพียงลากจากขอบด้านล่างขึ้นมาประมาณ 1 ส่วน 3 ของหน้าจอแล้วยกนิ้วขึ้นเพียงแค่นั้นเราก็จะเห็นแอพที่เรายังเปิดใช้งานอยู่เราสามารถเลื่อนดูหรือปิดง่ายๆแค่ปัดแอพนั้นขึ้นด้านบน

การสลับแอพก็ทำได้ง่ายๆใน iPhone รุ่นเก่าเราต้องกดปุ่มโฮมสองที่แล้วเลื่อนหาและแตะเลือกแต่ในรุ่นล่าสุดนั้นเราแค่ปัดจากมุมซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้ายเพื่อสลับไปยังแอพที่เราต้องการ

ถ้าเราจะดูศูนย์ควบคุมใน iPhone รุ่นเก่าต้องลากจากด้านล่างขึ้นบนแต่ในปัจจุบัน iPhone รุ่นล่าสุดเราต้องแตะไปที่มุมบนขวาแล้วลากลงมาศูนย์ควบคุมเซ็นเตอร์ก็จะเปิดขึ้นมา

ในการเปิดดูรายการแจ้งเตือนให้แตะด้านบนซ้ายหรือตรงกลางของด้านบนหน้าจอแล้วลากลงมาเหมือนๆกับ iPhone รุ่นอื่นๆแต่จะมีความแตกต่างที่มันจะมีปุ่มไฟฉายแล้วกล้องเพื่อให้เราสามารถเลือกใช้ได้ทันที

การใช้งาน Siri จากเดิมเราต้องกดปุ่มโฮมค้างไว้แต่ในรุ่นปัจจุบันเราต้องกดปุ่มพาวเวอร์ค้างไว้เพื่อเปิดใช้งาน Siri ครับ

ในการย้ายไอคอนของแอพสามารถทำได้สองวิธี วิธีแรกนั้นแตะที่ไอคอนค้างไว้ประมาณ 1 ถึง 2 วินาที จนมีเมนูเด้งขึ้นมาให้กดค้างไปอีก 1 ถึง 2 วินาที ไอคอนจะขยับไปมาจากนั้นเราก็สามารถย้ายไอคอนไปที่ที่เราต้องการได้ วิธีที่สองเราก็แตะไปที่ไอคอนเหมือนเดิมจนมีเมนูเด้งขึ้นมาเราก็เลือกไปที่แก้ไขหน้าจอโฮมไอคอนก็จะขยับไปมาจากนั้นเราก็เคลื่อนย้ายตามใจชอบได้เลยครับ

ในส่วนการลบแอพก็จะมีสองวิธีเช่นกันวิธีแรกเราแตะไปที่แอพค้างไว้ประมาณ 1 ถึง 2 วินาทีจะมีแถบเมนูขึ้นแล้วกดค้างไปอีก 1 ถึง 2 วินาทีไอคอนจะขยับๆเราก็กดไปที่เครื่องหมายกากบาทได้เลยส่วนวิธีที่สองเรากดค้างไปที่ไอคอนประมาณ  1 ถึง 2 วินาทีก็จะมีแถบเมนูขึ้นมาให้เรากดเลือกไปที่คำสั่งลบแอพได้เลยครับ

สำหรับการจับภาพหน้าจอจากแต่ก่อนเราต้องกดปุ่มโฮมกับปุ่มพาวเวอร์พร้อมกันแต่ในปัจจุบัน เราต้องกดไปที่ปุ่มพาวเวอร์กับปุ่มเพิ่มเสียงพร้อมกันครับ

การปรับระดับของเสียงจากแต่ก่อนรูปกระดิ่งและระดับเสียงจะแสดงกลางหน้าจอแต่ปัจจุบันนี้จะมีแถบระดับเสียงขึ้นมาทางด้านข้างของหน้าจอแล้วครับ

เห็นไหมหละครับว่าการใช้ iPhone  11 , iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max นั้นไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปเพียงแค่เรารู้พื้นฐานเท่านั้นเอง

ผู้สนับสนุน: https://hilo-88.com/

เริ่มต้นแก้ไขให้กดไปที่ไอคอน การตั้งค่า

กดไปที่ เวลาหน้าจอ

กดไปที่ การจำกัดการสื่อสาร

ในหน้าจอที่แสดงให้กดไปที่ ระหว่างอนุญาตใช้หน้าจอ จากนั้นกดเลือก ทุกคน

แค่นี้เราก็จะสามารถอ่านข้อความโทรหรือรับสายข้อความจากทุกคนได้แล้วครับ

แล้วกดไปที่ บัญชี Apple ID ของเรา

การเปลี่ยนชื่อ Apple ID ทำได้ง่ายๆให้กดไปที่คสั่ง ชื่อเบอร์โทรศัพท์อีเมล แล้วรอสักครู่

ในหน้าจอที่แสดงขึ้นมาให้กดไปในหัวข้อ ชื่อ กดแล้วรอสักครู่

จากนั้นสามรถเปลี่ยนชื่อได้เลยครับ

เรามาเริ่มวิธีการเปลี่ยนรูปกันครับให้กดไปที่ รูปที่มีการแก้ไข ได้เลยครับในเมนูที่แสดงขึ้นมา

เราสามารถเลือกคำสั่ง ถ่ายรูปใหม่ เลือกรูปภาพที่มีอยู่แล้วในเครื่อง ในการสอนทำผมจะกดไปที่ เลือกรูปภาพ

เมื่อเลือกแล้วเราสามารถย่อขยาย ปรับขนาดภาพ ถ้าเราชอบแล้วให้กดไปที่เลือก

จากนั้นเราจะได้ชื่อและรูปภาพที่เราต้องการครับ

การเปิดหน้าจอแบบไม่ง้อปุ่มใน iPhone X ขึ้นไปเริ่มต้นด้วยการกดไปที่ไอคอนการตั้งค่าแล้วกดไปที่ การช่วยในการเข้าถึง และกดไปที่ สัมผัส แล้วกดเปิด สวิตซ์ แตะเพื่อปลุก แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วครับจากนี้ไปเวลาเราจะเปิดหน้าจอแบบไม่กดปุ่ม Power เราก็แค่กดไปที่หน้าจอ 1 ทีหน้าจอก็จะแสดงขึ้นมาทันทีครับ

การปิดหน้าจอแบบไม่ง้อปุ่มจะมี 2 วิธี วิธีแรกกดไปที่ไอคอนการตั้งค่าและเข้าไปที่ การช่วยในการเข้าถึง แล้วกดไปที่ การสั่งการด้วยเสียง แล้วกดเปิดที่สวิตซ์ การสั่งการด้วยเสียงจากนั้นจะมีไอคอนสีน้ำเงินรูปไมโครโฟนขึ้นบนมุมซ้ายบนของหน้าจอจากนั้นให้กด กำหนดคำสั่งเอง กดไปที่ อุปกรณ์ เลือกไปที่ Lock screen แล้วกดไปที่สวิตซ์ เปิดใช้งานเท่านี้เราก็ใช้เสียงในการปิดหน้าจอได้แล้วครับ แค่พูดว่า Lock screen หรือ Lock the screen

การปิดหน้าจอแบบไม่ง้อปุ่ม วิธีที่สองนั้นกดไปที่ไอคอนการตั้งค่าจากนั้นกดไปที่ การช่วยการเข้าถึง กดไปที่ สัมผัส และกด AssistiveTouch แล้วกดเปิดสวิตซ์ AssistiveTouch ปุ่ม AssistiveTouch จะแสดงขึ้นมาบนหน้าจอทันทีครับจากนั้นในหัวข้อ กำหนดการทำงานเอง ทุกคนสามารถเลือกใช้ตามสะดวกได้ว่าจะกดไปที่ ปุ่ม AssistiveTouch  1 ครั้ง 2 ครั้ง หรือ กดค้าง เพื่อล็อกหน้าจอ ถ้าทุกคนเลือกได้แล้วให้เข้าไปแล้ว กดคำสั่งล็อกหน้าจอได้เลยครับ แล้วทุกคนก็ลองกดไปที่ ปุ่ม AssistiveTouch ตามที่เลือกได้เลยครับ

เท่านี้ทุกคนก็ได้วิธีเปิดและปิดโดยไม่ง้อปุ่ม Power แบบง่ายๆ

เมื่อ iCloud เต็ม ไม่ต้องตกใจไปนะครับเรามีวิธีแก้ไขง่ายๆมาบอกครับ

เมื่อไม่สามรถเก็บข้อมูลเพิ่มได้หรืไม่สามารถแบ็คอัพข้อมูลได้ระบบจะมีการแจ้งเตือนขึ้นมาบนไอคอน การตั้งค่า

ขั้นตอนแรกปิดการแบ็คอัพที่ไม่จำเป็นตามปกติแล้วเมื่อเราโหลดแอพที่มีการแบ็คอัพข้อมูลไปยัง iCloud แอพนั่นๆจะทำการแบ็คอัพโดยอัตโนมัติไปยัง iCloud ถ้าเราไม่ต้องการแบ็คอัพข้อมูลก็สามารถเลื่อนนปิดสวิตซ์แอพที่เราไม่ต้องการแบ็คอัพข้อมูลได้เลยครับเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้ iClou

เมื่อเรากดเข้าไปที่ไอคอนก็จะเห็นข้อมูลเพิ่มเติมว่าสำรองข้อมูลไม่สำเร็จกดไปที่บัญชี iCloud หน้าจอจะแสดงรายละเอียดเพิ่มเติมให้ครับในหน้าจอนี้เราสามรถซื้อพื้นที่ iCloud เพิ่มเติมได้ครับแต่ถ้าเราไม่อยากซื้อเพิ่มให้กดไปที่คำสั่ง ไม่ใช่ตอนนี้ เพื่อปิดหน้าจอนี้

ขั้นตอนที่สองลบข้อมูลแบ็คอัพและปิดการแบ็คอัพวิธีการลบกดไปที่ จัดการพื้นที่เก็บข้อมูล ในหน้าจอที่แสดงขึ้นมากดไปที่ ข้อมูลสำรอง กดไปที่ ลบข้อมูลสำรอง เมื่อเราลบข้อมูลที่แบ็คอัพด้วยวิธีนี้การแบ็คอัพข้อมูลก็จะถูกปิดไปโดยอัตโนมัติ

จากนั้นก็ลองเข้าไปเช็คในพื้นที่จัดเก็บข้อมูล iCloud จะพบว่ามีพื้นที่ว่างขึ้นมาเยอะเลยครับ